ก่อนวันหยุดยาวของเทศกาลปีใหม่จะใกล้เข้ามา ผมแวะไปเยี่ยมเพื่อนที่ปลูกบ้านอยู่กลางทุ่งนา แถวอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
เพื่อนเหล่านี้ทำงานกลุ่มละครมะขามป้อม กลุ่มละครเก่าแก่อายุยืนนานสามสิบปี หลายคนอาจจะเคยดูการแสดงอันน่าประทับใจของกลุ่มละครนี้ ไม่ว่าจะเป็นละคร ลิเก ที่พวกเขาเปิดการแสดงมาหลายวิกแล้ว เพื่อใช้ศิลปะพื้นบ้านเป็นสื่อกลางให้คนเข้าใจปัญหาของชาวบ้าน และเริ่มขยายสาขาจากกรุงเทพฯเมืองฟ้ามหานครมาลงหลักปักฐานในอำเภอเชียงดาว โดยมีกิจกรรมหลักคือ เปิดเวทีการแสดงให้กับคนในชนบทได้มีโอกาสเข้าถึงศิลปะการละคร
ใครดูละครมะขามป้อมจะรู้ว่าเสน่ห์ของพวกเขาคือ อารมณ์ขันที่แฝงด้วยแง่คิด
พวกเขามาเปิดโรงละครกลางทุ่งนา เชิญเด็กเชิญชาวบ้านมาฝึกร้อง รำ ทำละครแบบบ้าน ๆ โดยเชื่อว่า การแสดงเป็นศิลปะอันงดงามที่จะช่วยกล่อมเกลาจิตใจของผู้คนทุกระดับ แถมยังเป็นสื่อให้การศึกษากับผู้คนในสังคมอย่างดี
ทุกครั้งที่มาเยี่ยมเวทีละครแห่งนี้ ผมเห็นชาวบ้านและเด็ก ๆ หัวเราะกันท้องแข็ง มีแต่รอยยิ้มและความสนุกสนาน
มะขามป้อมนับเป็นกลุ่มละครที่อายุเก่าแก่ระดับต้น ๆของประเทศ นอกจากสอนชาวบ้านแล้ว บรรดาดาราตามจอแก้วหลายคน ที่ผู้คนติดใจฝีมือการแสดงก็เคยผ่านการฝึกอบรมจากกลุ่มละครเล็ก ๆกลุ่มนี้
คืนนั้นความหนาวมาเยือนแต่หัวค่ำ เราก่อกองไฟบนลานบ้าน จิบชาแกล้มขนมบราวนี่นั่งคุยกันอย่างออกรส เสียงเม้าท์แตกเสียงหัวเราะดังขึ้นกลางท้องนา
เพื่อนผมเหล่านี้สร้างฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมา
สามสี่ปีก่อนพวกเขาและเธอในกลุ่มละครที่ทำงานในกรุงเทพฯ เริ่มรู้สึกเบื่อและอิ่มตัวกับวงจรชีวิตแบบคนเมือง อากาศเสีย รถติด จึงได้ตัดสินใจย้ายชีวิตมาสร้างบ้านกันกลางทุ่งนา ท่ามกลางคำถามจากคนรอบข้างว่า จะอยู่ไหวหรือ จะปรับตัวได้อย่างไร เป็นคนเมืองจะไปอยู่ชนบทได้จริงหรือ
เพื่อนผมอยากมีบ้านในฝันของตัวเอง แต่ไม่ใช่บ้านในเมืองใหญ่ จึงตัดสินใจแคะกระปุกที่เก็บเงินมานับสิบปีกำเงินมาซื้อที่ดินผืนใหญ่และเริ่มต้นปลูกบ้านใช้ชีวิตร่วมกันแบบชุมชน
ใครเคยมาเชียงดาว น้อยคนที่จะไม่หลงเสน่ห์ของดินแดนแห่งขุนเขา ต้นน้ำแม่ปิง ป่าใหญ่ ท้องนาเขียวขจี อากาศเย็นสบายตลอดปี
ไม่เพียงคนไทยที่หลงเสน่ห์ แม้แต่ฝรั่งและญี่ปุ่นต่างพามาหาที่ทางเพื่อเป็นที่พำนักในบั้นปลายชีวิต เพราะทุกวันนี้เชียงดาวกลายเป็นดินแดนแห่งใหม่ที่มีชาวญี่ปุ่นหรือฝรั่งวัยเกษียณมาหาซื้อที่ดินเพื่อปลูกอาศัยกันหลายรายแล้ว อากาศและธรรมชาติใกล้เคียงกับดินแดนซากุระ แต่ที่ต่างกันคือราคาที่ดินที่ห่างกันลิบลับ
พวกเขาและเธอที่ไม่เคยมีประสบการณ์ใด ๆมาก่อนแต่หลงใหลเชียงดาวเสียแล้ว จึงลงแรงปรับปรุงที่นา ช่วยกันออกแบบแผนผังว่าตรงไหนจะขุดสระน้ำ ตรงไหนจะเป็นบ้าน ตรงไหนเป็นพื้นที่ส่วนกลาง เป็นโรงละคร หรือเว้นไว้เป็นที่นาปลูกข้าว หรือปลูกต้นไม้ใหญ่
เมื่อวางผังการใช้สอยที่ดินได้สำเร็จ ก็ขุดดินขึ้นมาถมที่ เกิดเป็นสระน้ำ ไหลผ่านรอบบริเวณที่จะสร้างบ้าน และเริ่มเปิดหนังสือเกี่ยวกับบ้านทุกเล่มที่หามาได้ ออกแบบบ้านในฝันอย่างที่อยากจะให้เป็น เป็นสถาปนิกจำเป็น โดยมีช่างชาวบ้านคอยเป็นแรงงานตามแบบที่นึกฝันกันขึ้นมา และเมื่อมีเวลาก็วิ่งไปหาซื้อไม้เก่า หรือไปซื้อโรงสีข้าวเก่าตามหมู่บ้านมาปลูกสร้าง ด้วยราคาที่ถูกกว่าและความงดงามที่ไม้ใหม่เทียบเคียงไม่ได้
ขึ้น ๆลง ๆกรุงเทพ-เชียงใหม่อยู่เกือบปี แต่ละครั้งก็เริ่มคิดจะแต่งบ้านกันอย่างไร ซื้อเฟอร์นิเจอร์มาทีละชิ้นสองชิ้น ในที่สุดบ้านในฝันสี่ห้าหลังก็ค่อย ๆเติบใหญ่ขึ้นกลางท้องนาอย่างมั่นคง แต่ละหลังก็ล้วนมีเอกลักษณ์และความงามแตกต่างกันไปในราคาที่ประหยัด เพราะสถานการณ์การเงินบังคับให้หล่อนกลายเป็นหญิงเหล็กที่ต้องลงมือทำเองแทบทุกอย่าง ทุกขั้นตอนการก่อสร้างไม่มีงบประมาณพอจะจ้างมืออาชีพมาออกแบบได้
เพื่อนสาวคนหนึ่งอยากได้สะพานไม้สูงข้ามสระน้ำก่อนเดินเข้าบ้านแบบที่เคยเห็นสะพานข้ามคลองตอนไปเที่ยวตลาดสามชุก เมืองสุพรรณ กะว่าตอนเช้าจะได้จิบกาแฟกลางสะพานมองออกไปรอบๆเป็นสระน้ำ บึงบัวและท้องนาสีเขียวขจี หล่อนก็ออกแบบสะพานได้จริง ๆอย่างกิ๊บเก๋
แม้แต่ชีวิตประจำวันเอง ยามว่างจากการสอนละครให้กับกลุ่มเด็ก ๆ พวกเขาและเธอก็ลงมือทำนา หว่านข้าว เกี่ยวข้าวกันเอง ไม่นับรวมการปลูกผักและพืชสวนครัวไว้กินเอง เพื่อความประหยัด แว่ว ๆว่าตอนนี้กำลังศึกษาการสร้างพลังงานไฟฟ้าจากกังหันลมกลางทุ่งนา
ไม่ถึงปีผ่านไปบ้านไม้สี่ห้าหลัง โรงละคร เกสต์เฮ้าส์เล็ก ๆ สนามเด็กเล่น สวนสมุนไพร โผล่ขึ้นกลางที่ดินเจ็ดแปดไร่กลางท้องนา
เมื่อเพื่อนฝูงมาเยี่ยมเยียน พากันเอ่ยปากชมว่า เป็นบ้านที่ปลูกตามใจผู้อยู่อาศัย สวยงามน่าอยู่และอบอุ่นกลางท้องนา แต่ละมุมของบ้านได้รับการออกแบบอย่างรอบคอบจากเจ้าบ้านจนทุกมุมล้วนน่ารักและเก๋ไก๋มีรสนิยม ไม่ว่าจะมุมจิบกาแฟ มุมอ่านหนังสือ หรือตำแหน่งวางโต๊ะคอมพิวเตอร์ มองออกไปนอกหน้าต่าง หรือชานบ้าน ล้วนมองเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
เพื่อนเกือบสาวคนหนึ่งออกแบบห้องครัวเล็ก ๆ มองลอดหน้าต่างออกไปเห็นต้นกัลปพฤกษ์ออกดอกสีชมพูเหมือนดอกซากุระบานสะพรั่งเต็มต้น
ไม่กี่เดือน ปากต่อปากได้ทำให้นิตยสารบ้านชื่อดังหลายเล่มส่งทีมงานมาถ่ายรูปบ้านเหล่านี้ ไปตีพิมพ์บ้านราคาประหยัดแต่รสนิยมระดับสูง เทียบเคียงกับบ้านตากอากาศราคาหลายสิบล้านของบรรดาผู้มีอันจะกิน
ทุกวันนี้บ้านของชาวมะขามป้อมมีคนแวะเวียนมาเยือนจนหัวกระไดไม่ทันแห้ง โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว พวกเขาชื่นชมบ้านน่าอยู่ น่าอาศัย และอิจฉาคนเหล่านี้ที่กล้าออกมาสร้างฝันของตัวเองให้เป็นจริง หนีความวุ่นวายจากกรุงเทพฯ มาปลูกบ้านกลางท้องนา มีฉากหลังเป็นภูเขาใหญ่ และปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ได้จริง ๆ สร้างความสัมพันธ์กับชาวบ้านรอบ ๆ จนทำให้คนเมืองเหล่านี้ไม่ได้รู้สึกเป็นคนแปลกหน้าสำหรับชาวบ้านอีกต่อไป
เงินในกระเป๋าที่มีไม่มาก บีบบังคับให้ต้องลุกขึ้นมาพึ่งตนเอง ความประหยัดบีบให้ต้องรีดเอาความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองออกมาอย่างมีพลังและลงตัว
ไม่ต้องรอให้มีเงินในกระเป๋าครบเสียก่อน ก็สามารถสร้างฝันให้เป็นจริงได้ อยู่ที่ว่าจะกล้าย่างเท้าก้าวแรกออกมาหรือเปล่า
จาก สารคดี ฉบับที่ 299 มกราคม 2553
Comments
ชื่นชมในความตั้งใจ และชื่นชอบกับแนวคิดด้วยอีกคนค่ะ 😀
wow wow.
ชอบบทความนี้ครับ โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย เป็น Concept ผมเลยนะนั่น
ถึงได้ไม่รวยสักที
อยากเห็นจัง เอาไว้สร้างแรงบันดาลใจสำหรับคนที่ยังไม่มีบ้านอยากผม
คนเมืองหนีออกชนบท มาร่วมกันสร้างชุมชนน่าอยู่ ด้วยเงินเท่าที่มี
คนชนบทย้ายเข้าเมือง มาร่วมกันสร้างชุมชนเมือง (Slum) ด้วยเงินเท่าที่มี
แล้วอะไรที่ทำให้แตกต่างกันล่ะ
วิถีชีวิต หรือ ความฝัน
กล้าย่างเท้าก้าวแรกออกมาหรือเปล่า
เหมือนโดนเอาค้อนทุบหัวเลยครับ
ต้องไปเยียม ยล ชมชื่นชาวมะขามป้อมให้จงได้ ดูดซับความเป็นธรรมชาติเข้าไปเต็มที่ อยากเป็นสมาชิกหนึ่งด้วยจัง เห็นแล้วมีแรงกำลังที่จะไปตามฝันของตัวเองด้วย…..ขอบคุณ ขอบคุณ…..แล้วก็ขอบคุณ