Page 198 - Skd 361-2558-03
P. 198
ผมคิดถึงเมืองนี้สุดๆ
หลังจากกลับมาเมืองไทย เสียงเพรียกหนึ่งแว่วดังมาไกลกว่า ๑,๐๐๐
กิโลเมตร พาให้ผมคิดถึงบรรยากาศ สถานที่ วิถีชีวิตและผู้คนอันมีมิตรไมตร ี
ท่ีเมอื งมณั ฑะเลย ์ ประเทศพม่า หรอื สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมาร์
มัณฑะเลย์ต้ังอยู่ตอนกลางของพม่า เคยเป็นราชธานีหนึ่งในประวัติศาสตร ์
แมป้ จั จบุ นั รฐั บาลยา้ ยเมอื งหลวงมาอยทู่ เี่ นปดิ อว ์ แตม่ ณั ฑะเลยย์ งั คงเปน็ ศนู ยก์ ลาง
การค้าระหว่างจีนกับอินเดีย มีผลิตภัณฑ์มวลรวมของเมืองมากรองจากเมือง
ย่างกุ้ง ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางภาคเหนือของพม่าซ่ึงเอื้อต่อการ
เดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะสนามบินนานาชาติ นักท่องเที่ยวหลายคนจึงอยาก
มาเยือนที่น่ี รวมทั้งพวกเราที่เร่ิมวางแผนเท่ียวมัณฑะเลย์ในช่วงกลางปีเพราะมี
โปรโมชันตั๋วเครื่องบินและบัตรลดราคาที่พักราคาถูก แต่กว่าจะได้เท่ียวก็ล่วงมา
ถึงปลายปีชว่ งท่เี มอื งนยี้ ่างเขา้ ฤดูหนาว
พวกเรารสู้ ึกตืน่ เตน้ กับจดุ หมายปลายทางทีร่ ออยู่...
เรอื่ ง : เอกพงศ ์ ศรทอง ภาพ : วจิ ิตต ์ แซ่เฮง้
มณั ฑะเลย.์ ..ฉากอวสานคอื จดุ เรม่ิ ตน้ CSrheuatttievre นเกพกนมับใทา่่ิมกหอเ่ีหสรขา้งบนันาร้ึนแุคใมผถ จลค า่าข่า้วภลมยนึ้นคาทอภ สพ่อที่งเาีหรยกง้ัพนนากเลี้นส้าคตด้ออแมน้องชวกอื ตงดัตวจน้อก้วตเาบงตายกาคุ รรอ คคอบสรนลจรัน์ สใัง้า นทอภหงภึกงาแวาภคพะรพ านง(ทพtสด iี่ไยอ่ื mึงดหังสดั้นจiมาูดnะมรีดgาู )
เวลา ๑๐.๓๔ น. ตามเวลาทอ้ งถน่ิ ซงึ่ ชา้ กวา่ ไทย ๑ ชว่ั โมง เรามาถงึ สนามบนิ จากจุดลงรถเราเดินหาโรงแรมท่ีอยู่บนหัวมุมถนนสาย ๒๗
นานาชาตมิ ณั ฑะเลย ์ รอยยมิ้ แรกจากเจา้ บา้ นปรากฏขน้ึ ทดี่ า่ นตรวจคนเขา้ เมอื ง ตัดกับถนนสาย ๘๒ แม้เมืองยังล้าสมัย ทว่าผังเมืองที่มีรูปแบบ
พวกเราพูด “มิงกะลาบา” ค�าทักทายในภาษาพม่า เจ้าหน้าที่ก็ตอบว่า “สวัสดี คล้ายตารางหมากรุกก็ชวนให้นึกถึงผังเมืองของนิวยอร์กมหานคร
ครบั ” ยมิ้ ละไมเปน็ ค�าตอบกลบั ของเรา แลว้ เดนิ มาจดุ แลกเปลยี่ นเงนิ จต๊ั ซงึ่ มอี ยู่ ระดับโลก ผังเมืองลักษณะน้ีพระเจ้ามินดงโปรดให้จ�าลองจากผัง
ทว่ั ไปบรเิ วณสนามบนิ นา� เงนิ ดอลลารส์ หรฐั (USD) มาแลกเปน็ เงนิ จตั๊ (MMK) เมอื งอมรปรุ ะ จึงผิดแปลกจากผังเมืองของอาณาจักรอ่ืนในเอเชีย
เพราะแลกไดเ้ งนิ จั๊ตจ�านวนมากกวา่ เงนิ สกลุ อ่นื ตะวนั ออกเฉียงใต้ในเวลาน้ัน
สนามบนิ อยหู่ า่ งจากตวั เมอื งราว ๒๐ กโิ ลเมตร การเขา้ ตวั เมอื งตอ้ งใชร้ ถ
โดยสารซึ่งมีบริการอยู่หน้าสนามบิน แต่ทั้งรถแท็กซ่ีและรถสามล้อส่วนใหญ ่
คิดราคาเหมา พวกเราจึงเลือกนั่งรถโดยสารฟรีของสายการบินเพ่ือประหยัด
ค่าเดินทาง ระหว่างทางผมทอดสายตาระไปตามแปลงนาเขียวขจีจนถึงเจดีย ์
สีทองที่อยู่ไกลลิบ ทางหลวงมุ่งสู่เมืองมัณฑะเลย์กว้างและโล่งจนรถโดยสาร
คันใหญ่ของเราดูแล่นไปอย่างเหงาๆ นานๆ จึงมีรถว่ิงสวนมาสักคัน บางคร้ังก็
เปน็ เกวียนเทียมววั
เมื่อรถพาพวกเราเข้าไปในเมืองมัณฑะเลย์ ความวุ่นวายก็ปะทะโสต
ประสาท เมืองใหญ่ที่ความทันสมัยเพิ่งเร่ิมต้ังไข่ แสงสีเคล้าไปด้วยฝุ่นถนน
ที่ฟุ้งข้ึนจากการจราจรอันขวักไขว่ มัณฑะเลย์ราชธานีสุดท้ายก่อนตกเป็น
อาณานิคมของอังกฤษจึงเป็นเสมือนฉากอวสานของราชวงศ์กอนบองหรือ
คองบอง (Konbaung) ราชวงศส์ ุดทา้ ยในประวตั ศิ าสตรก์ ารเมืองพมา่
มัณฑะเลย์ต้ังอยู่ริมฝั่งแม่น้�าอิรวดี บนท่ีราบจ๊อกเซแหล่งการเกษตรท ี่
หล่อเลี้ยงพม่ามาแต่คร้ังโบราณ สร้างข้ึนเม่ือปี ๒๔๐๐ ด้วยพระประสงค์ของ
พระเจ้ามินดง (ครองราชย์ปี ๒๓๙๖-๒๔๒๑) ที่ทรงต้องการย้ายเมืองหลวงจาก
เมอื งอมรปรุ ะมาอยรู่ มิ แมน่ า�้ เพ่อื สะดวกในการติดตอ่ กบั เมอื งตา่ งๆ โดยเฉพาะ
ย่างกุ้ง ในขณะน้ันพระองค์ทรงด�าเนินนโยบายประนีประนอมกับอังกฤษคู่ไป
กับการปฏิรูประบบการเมือง เศรษฐกิจ สังคม โดยเน้นให้มัณฑะเลย์เป็นเมือง
ศูนย์กลางทางพุทธศาสนา ด้วยทรงหวังว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากการยึดครอง
แต่ทุกส่ิงก็พังทลายเม่ือถึงสมัยพระเจ้าสีป่อ (Thibaw, ครองราชย์ปี ๒๔๒๑-
๒๔๒๘) เกิดการแย่งชิงและเข่นฆ่ากันในราชวงศ์ อาณาจักรจึงถึงคราพินาศ
ตกเปน็ อาณานิคมขององั กฤษในอีก ๒๘ ปีตอ่ มา
Creative