Page 20 - Skd 365-2558-07
P. 20

จากบรรณาธกิ าร                                                    สารถี

                 ต้ังแต่เด็กจนโตมาไม่เคยคิดว่าจะมีรถยนต์ส่วนตัวขับเหมือนใครเขา
                 โหนรถเมลต์ ้ังแต่เรียนหนงั สอื จนไปทำ� งาน  

                 ทกุ วนั นแ้ี มท้ บ่ี า้ นจะมรี ถยนตส์ ว่ นตวั  ผมกย็ งั ใชร้ ถไฟฟา้ มาตอ่ เรอื คลองแสนแสบถงึ ส�ำนกั งานของสารคดี
                 ทซ่ี อยวดั ปรินายก 
                 ลึก ๆ แล้วผมคิดว่ารถยนต์เป็นส่วนเกินของสังคมและเป็นตัวสิ้นเปลืองพลังงาน จนเม่ือความจ�ำเป็นของ
                 ชวี ิตครอบครวั บังคบั ใหผ้ มต้องไปเรยี นขบั รถ 
                 โรงเรียนสอนขับรถยนต์  ซึ่งท่ีจริงไม่รู้จะเรียกโรงเรียนได้อย่างไร  เพราะส่วนใหญ่เป็นเพียงห้องออฟฟิศ
                 เปดิ ประตใู หค้ นมาสมคั รเรยี นและเกบ็ เงนิ   สว่ นอาคารสถานทเ่ี รยี นนน้ั ไมต่ อ้ งลงทนุ  เขาใชถ้ นนหลวงดี ๆ นเ่ี อง
                 โรงเรียนแรก  ผมเลิกเรียนกลางคัน  เพราะ  “คนสอน”  แทบจะไม่ให้ค�ำแนะน�ำอะไร  เห็นว่าเป็นผู้ชาย
                 คิดว่าคงรู้เร่ืองรถยนต์โดยธรรมชาติ  จึงแทบจะปล่อยให้ผมขับรถเองออกกลางถนนตั้งแต่ช่ัวโมงแรก    ถ้าเกิด
                 ผมท�ำอะไรผิด  คนสอนจะดุราวกับว่าผมควรจะรู้ดีว่าต้องท�ำอะไร    เรียนกันไม่ก่ีครั้ง  ผมตัดสินใจเปล่ียนท่ีเรียน
                 เพราะถ้าเรียนต่ออาจมีเรอ่ื งได ้ 555
                 โรงเรยี นใหม ่ คราวนผี้ มเรยี กเขาวา่  “คร”ู  ไดเ้ ตม็ ปากและเตม็ ใจ  ครเู ปน็ ผใู้ หญใ่ จเยน็  อธบิ ายการท�ำงาน
                 ของเคร่ืองยนต์อย่างละเอียด    คันเร่ง  คลัตช์  เกียร์  เบรก  สัมพันธ์กันอย่างไร    เวลาเลี้ยว  เวลาถอยรถเข้าซอง
                 ใช้สว่ นไหนของรถเป็นเครอ่ื งหมาย  ทำ� ผดิ  ครบู อกไมเ่ ปน็ ไร สอนใหม่ ท�ำใหม ่ ฝกึ ซ้�ำ ๆ  
                 ท่ีส�ำคัญและจ�ำไม่ลืม  คือเวลาขับรถ  ครูย�้ำเสมอว่า  “มองไปข้างหน้าไกล ๆ”  อย่ามัวพะวงมองหน้ารถ
                 ของเราเอง
                 มองไกล  เห็นท้ายรถคันหน้าให้เราระวังระยะ  มองไกลจะเห็นทางโค้งข้างหน้าที่เปล่ียนไป  มือจะหมุน
                 พวงมาลยั ตามโดยอตั โนมตั  ิ  ถ้าเอาแตม่ องสนั้ หนา้ รถ การควบคุมรถจะผิดพลาด
                 และหากมอี ุบตั ิเหต ุ รถติด หรือเหตกุ ารณ์อะไรข้างหนา้  เราจะเตรยี มตัวว่าจะทำ� อะไรไดท้ ันการณ์
                 ไม่นับเรื่องกติกามารยาทในการขับรถ  การเปิดไฟเลี้ยวให้สัญญาณก่อนจะถึงซอย  หรือเปลี่ยนเลน  ที่ครู
                 พูดอบรมไปตลอดช่วั โมง 
                 ผมรู้สึกโชคดีมากทีไ่ ดเ้ รียนกับครู
                 การขับรถเป็นกิจกรรมท่ีต้องอาศัยข้อมูลหลายอย่าง  สภาพถนน  เส้นแบ่งเลน  ต้องมองกระจกหลัง
                 กระจกขา้ ง กะระยะ ความเรว็ และตำ� แหนง่ ของรถเรากบั รถคนั ขา้ งหนา้  รถทต่ี ามมาขา้ งหลงั  หรอื รถในเลนขา้ ง ๆ 
                 แผนท่ีของเส้นทางในสมองและเป้าหมายท่ีเราจะเดินทางไป    รวมท้ังการสังเกตหน้าปัดหน้ารถ  ระดับน�้ำมัน
                 ความรอ้ น ไปจนถึงการฟงั เสียงเครอ่ื งยนต์ เสียงล้อรถยนต์ และอน่ื  ๆ อีกสารพดั อยา่ ง 
                 ทกุ ขอ้ มูลทีค่ นขบั รถยนตร์ บั รู้จะไปรวมศูนยป์ ระมวลผลกันที ่ “สมอง”
                 ไม่น่าแปลกใจว่าขณะขับรถยนต์  หากสมองถูกเบ่ียงเบนไปสนใจกิจกรรมอ่ืน  ไม่ว่าจะเป็นคุยโทรศัพท์
                 มอื ถือ คุยเล่นกับผูโ้ ดยสารเสียแลว้  ก็เปน็ สาเหตขุ องการเกดิ อบุ ัตเิ หตไุ ด้ถึงเกือบ ๕๐ เปอร์เซ็นต์
                 เม่ือ  ๔  ปีก่อนในประเทศอังกฤษมีการศึกษาวิจัยเก่ียวกับสมองของคนขับแท็กซี่ในกรุงลอนดอน  ซ่ึงเป็น
                 เมืองท่ีไดร้ ับการยอมรับว่ามีบรกิ ารแท็กซด่ี ที ี่สดุ เมืองหนง่ึ ของโลก
                 โดยทวั่ ไปกวา่ ทค่ี นขบั แทก็ ซส่ี กั คนหนง่ึ จะไดร้ บั ใบอนญุ าตใหข้ บั รถแทก็ ซใ่ี นกรงุ ลอนดอน เขาตอ้ งเขา้ อบรม
                 เพ่ือจดจ�ำถนนของกรุงลอนดอนท่ีมีนับหม่ืนเส้นให้ได้  รวมถึงแผนผังของเมือง    และโดยเฉลี่ยการอบรมเพ่ือขอ
                 ใบอนุญาตนใี้ ชเ้ วลาประมาณ ๓๔ เดือน !
                                                                                                                         →

20 กรกฎาคม ๒๕๕๘
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25