Page 22 - Skd 365-2558-07
P. 22
จากบรรณาธิการ
→ อ่านตัวเลขไม่ผิดครับ คิดคร่าว ๆ คือประมาณ ๓ ปี แทบจะเท่ากับเรียนมหาวิทยาลัยกันเลยทีเดียว
จากน้ันเขาต้องผ่านการทดสอบอันเข้มงวดแบบปากเปล่า เพราะแท็กซี่ในกรุงลอนดอนต้องพร้อมให้บริการ
โดยรู้จกั ทุกตรอกซอกซอยอย่างแมน่ ย�ำทีส่ ดุ
นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจสภาพสมองของแท็กซี่จ�ำนวน ๗๙ คน ตั้งแต่ก่อนเข้าอบรมจนเข้าสอบ ปรากฏ
ว่าในจ�ำนวนนี้ หลังจากเข้าเรียนกันมา ๓ ปีกว่า สอบผ่านการขอใบอนุญาตได้เพียงคร่ึงเดียว และทุกคนที่
สอบผ่าน สมองส่วนที่เรียกว่า ฮิปโปแคมปัส มีขนาดเพ่ิมขึ้น ขณะแท็กซี่อีกคร่ึงท่ีสอบไม่ผ่าน สมองส่วนน้ี
มีขนาดเทา่ เดิม
ผลการวจิ ัยคร้งั นี้บอกอะไร
สง่ิ ทชี่ ดั เจนกค็ อื สมองของผใู้ หญย่ งั พฒั นาได ้ เพม่ิ ขดี ความสามารถในการเรยี นรสู้ ง่ิ ใหม่ ๆ ได ้ หากไดร้ บั
การกระตุ้นอย่างเหมาะสม (ยืนยนั วา่ ไมม่ ใี ครแก่เกนิ เรยี นนะขอรบั )
แต่ก็มีข้อสงสัยว่า พันธุกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแค่ไหน เพราะแท็กซ่ีอีกครึ่งหน่ึงท่ีได้รับการอบรม
เหมือน ๆ กนั แตไ่ มเ่ กิดการเปล่ยี นแปลงใด ๆ ในสมอง
เรอื่ งจงึ กลบั มาสูป่ ญั หาคลาสสิกเก่ยี วกับพัฒนาการของมนษุ ย ์ คืออิทธิพลของพันธกุ รรมกบั ส่งิ แวดล้อม
ไม่ว่าความเข้าใจเก่ียวกับสมองของคนโดยทั่วไปและสมองของคนขับแท็กซี่จะเป็นอย่างไรต่อ ทุกวันนี้
หลาย ๆ เมืองในประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลกมีกฎหมายบังคับว่า คนขับแท็กซ่ีท่ีจะได้รับใบอนุญาตขับข่ีรถแท็กซี่
จะต้องเขา้ รับการอบรมการขบั รถแท็กซแ่ี ละสอบผ่านเทา่ น้นั
ส�ำหรับการอบรมของแท็กซ่ีกรุงลอนดอนน้ันมีกฎหมายมาต้ังแต่ ค.ศ. ๑๘๖๕ เพ่ือให้คนขับแท็กซี่รู้จัก
เมอื งของตวั เองดีท่ีสดุ
โรงเรียนสอนอบรมการขับรถแท็กซี่จึงเป็นอีกธุรกิจหน่ึงท่ีมีการแข่งขัน และต้องได้รับการรับรองคุณภาพ
จากรัฐ บางแห่งนอกจากจะสอนเพื่อสอบรับใบอนุญาต ยังโฆษณาเรียกลูกค้าว่าพร้อมบอกเคล็ดลับการหา
รายไดใ้ นอาชพี แทก็ ซี ่ เคลด็ ลบั การหลกี หนีเสน้ ทางจราจรตดิ ขดั ฯลฯ
ย้อนกลับมาดูเมอื งไทย
ปญั หาคนขบั แท็กซี่มีพฤตกิ รรมไม่ดี เปน็ เร่ืองของพันธกุ รรมแบบว่าเกดิ มาก็เลวเลย ใชห่ รอื ไม่
เราเชอื่ ไหมวา่ แทก็ ซจี่ ะมพี ฤตกิ รรมดขี น้ึ ถา้ ผโู้ ดยสารชว่ ยกนั รอ้ งเรยี นบอ่ ย ๆ หรอื ตำ� รวจจราจรตอ้ งเขม้ งวด
กวดขนั อกี
หรอื เพราะบา้ นเราไมเ่ คยคดิ เรอ่ื ง “การศกึ ษา” ส�ำหรบั อาชพี แทก็ ซ ี่ และวา่ อนั ทจี่ รงิ คอื สำ� หรบั คนทกุ อาชพี
เราเชื่อหรือไมว่ ่ามนษุ ยท์ กุ คนมศี กั ยภาพในการเรยี นรู้และพัฒนาตนเอง
ซง่ึ เปน็ เรือ่ งท่ีตอ้ งอาศัยการ “มองไปข้างหนา้ ไกล ๆ”
น่อี าจเปน็ ค�ำถามเดียวกับการพัฒนาประชาธปิ ไตยด้วยเชน่ กัน
สวุ ัฒน ์ อัศวไชยชาญ
บรรณาธิการบรหิ าร
suwatasa@gmail.com
วฉบกิบั หนฤา้ : ต ภัยแลง้
22 กรกฎาคม ๒๕๕๘