เราศึกษาไปเพื่ออะไร
ฉันมองไปรอบๆ ขณะแฝงตัวอยู่ในหมู่เด็กที่มาติวที่อุ๊แลนด์ในบ่ายวันเสาร์ น้องคนนั้นกำลังคิดจะสอบเข้าที่ไหนกัน น้องๆ อีก ๒-๓ คนที่นั่งจับกลุ่มอ่านหนังสือตรงพื้นข้างบันไดนั่นละ จะสอบติดกับเขาด้วยไหม ต่อไปพวกเขาจะไปทำอะไรกันบ้าง และในอนาคตจะมีชีวิตที่ดีหรือเปล่า
น้องแก๊บ ธัญญ์ ภัคพงษ์พันธุ์ชัย กำลังศึกษาชั้น ม. ๖ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เกรดเฉลี่ย ๓.๗๘ ตั้งใจว่าจะเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ตอน ม. ต้นและ ม. ปลาย น้องแก๊บเคยเรียนเปียโน วาดรูป บัลเลต์ เป็นงานอดิเรก “ตอนนี้เหรอคะ ก็เรียนสังคม ภาษาไทย อังกฤษ…เลข…” น้องแก๊บเผยวิชาออกมาเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหมด “แล้วก็วิทย์…ก็คือทุกวิชาแหละค่ะ” น้องแก๊บกวดวิชาทุกวันหยุดและไม่เว้นวันธรรมดา
โครงการวิจัยโดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อ้างผลวิจัยของ Mark Bray ว่าการกวดวิชา “ส่งผลเสียต่อการเรียนปรกติ เพราะทำให้เด็กขาดความสนใจในชั้นเรียน ไม่มาโรงเรียนเพราะเห็นว่าไม่น่าสนใจ”
กวดวิชายังทำให้เกิดความไม่เสมอภาคทางสังคม แน่นอน คนมีฐานะมีโอกาสส่งลูกไปกวดวิชาได้มากกว่า เพราะนอกจากค่าเรียนแล้วอาจยังต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นที่ตามมา ไม่ว่าค่าอาหาร ค่าขนม ค่ารถ หรือค่าเข้าร้านเสริมสวยของคุณแม่ฆ่าเวลาระหว่างนั่งรอคุณลูกเรียนพิเศษเสร็จ
ทั้งอาจทำให้ความผูกพันในครอบครัวลดลง เพราะต้องหมดเวลาไปกับการเรียนและการเดินทาง
ข้อสรุปจากการสัมมนาหัวข้อ “กวดวิชา : วิกฤตที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา”โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (๒๕๔๕) ยังระบุไว้ว่ากวดวิชา “สร้างพฤติกรรมและลักษณะนิสัยที่เห็นแก่ตน” กับ “ทำให้ขาดความเห็นอกเห็นใจและการเอื้ออาทรต่อกัน”
แต่ทั้งหมดข้างต้นล้วนเป็นสมมุติฐานที่ไม่มีผลวิจัยรองรับชัดเจน “เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น”
น้องก้อย นักเรียนชั้น ม. ๖ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์บอกกับเราว่า “ไม่รู้สึกว่าต้องแข่งกันเองกับเพื่อน แต่เพื่อนมันจะเป็นลักษณะแบบ เฮ้ย วันนี้อ่านหนังสือป่าววะ หนูว่าเพื่อนหนูเป็นคนดีนะ จะเป็นแนวแบบเวลามีอะไรดีๆ ก็มาบอกกันอยู่ตลอด” น้องก้อยบอกว่าความสนใจในห้องเรียนไม่ต่างจากเดิม เงินค่าขนมก็ใช้มากเหมือนเดิม เพราะปรกติถ้าไม่ไปกวดวิชาก็ไปเที่ยวกับเพื่อนอยู่เป็นประจำ
จะมีก็เรื่องความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาเท่านั้น ที่มีความเป็นเหตุเป็นผลอยู่ชัดเจน
ในระบบการศึกษาเองก็มีความเหลื่อมล้ำได้เปรียบเสียเปรียบกันอยู่แล้ว ระบบกวดวิชายิ่งสะท้อนจุดนี้ กลุ่มเด็กในเมืองมีเด็กกวดวิชา ๗๐ % ส่วนกลุ่มเด็กนอกเมืองมีเพียง ๑๐-๒๐ % เท่านั้น จึงมีผู้เสนอแนะไว้ว่าการกวดวิชาควรมีไว้สำหรับเด็กที่มีความจำเป็นในการเรียนเพิ่มเติมเท่านั้น อาจกำหนดเกณฑ์ในการรับเด็กเข้ากวดวิชา เช่น มีผลการเรียนมาแสดงว่าเรียนอ่อนจริงโดยกระทรวงศึกษาธิการสามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้อาจต้องเปิดโอกาสให้เด็กเรียนดีของแต่ละโรงเรียนส่วนหนึ่งเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยได้โดยไม่ต้องสอบแอดมิชชันส์ ไปจนถึงพัฒนาให้การสอบเข้าศึกษาต่อมีความหลากหลายกว่านี้ จากเดิมที่มีแต่การสอบคัดเลือกจากส่วนกลางและการสอบตรง (โควตา) ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการวัดความรู้ด้านอื่นๆ มีการยอมรับนักเรียนที่มีความรู้ความสามารถต่างกันมากกว่าที่เป็นอยู่ รองรับเด็กที่มีพื้นฐานและความถนัดที่ต่างกันเพื่อออกไปประกอบอาชีพตามที่ตนถนัด
รายงานของ วราพร เตชะธเนศ และคณะ (๒๕๔๓) ระบุว่า “การกวดวิชาอาจทำให้นักเรียนเอาแต่ฝักใฝ่ในเนื้อหาวิชาที่ใช้ในการสอบคัดเลือกเท่านั้น”
รวมทั้งผลศึกษาของ อภิชัย พันธเสน ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารการศึกษาแห่งชาติ (๒๕๓๐) พบว่าการกวดวิชา “เป็นการลดคุณค่าการศึกษาในความหมายของการค้นคว้าหาความรู้ให้มีความรู้จริง”
น้องจุ๊ยเพิ่งเรียนจบ ม. ปลายจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ด้วยเกรดเฉลี่ยปานกลางคือ ๓.๖ น้องจุ๊ยไม่เคยมีแผนที่จะเรียนกวดวิชา โดยให้เหตุผลกับเราว่า แค่จ่ายค่าเทอมอย่างเดียวก็เป็นภาระกับที่บ้านมากพออยู่แล้ว น้องจุ๊ยไม่เคยติวเอนทรานซ์ แต่สอบติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เขาบอกว่าสอบติดด้วยการอ่านหนังสือ
“ผมอ่านหนักๆ ช่วง ๒ เดือนสุดท้ายก่อนสอบแอดมิชชันส์ โดยใช้วิธีไปดูข้อสอบที่เคยออกมาว่าขอบเขตเขามีอะไรบ้าง ชอบออกหัวข้อไหน เรื่องไหน แล้วถึงไปเน้นอ่านเนื้อหาตรงที่เขาออกบ่อยๆ ทำให้ช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องท่องทุกอย่าง เดี๋ยวมันตีกัน อย่างวิชาเลข ฟิสิกส์ มันก็มีแค่สูตร ผมก็อ่านให้รู้ว่าสูตรไหนใช้บ่อยในข้อสอบ แล้วก็ท่องสูตรนั้นเยอะๆ
“การตั้งใจเรียนอย่างเดียวมันไม่ได้ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ ผมว่าเรื่องการใช้ชีวิตมันสำคัญมาก เพื่อนผมคนหนึ่งก็เข้าใจว่าพ่อแม่เขาเป็นห่วง พ่อแม่ไปรับไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน แต่สถานที่รอบๆ โรงเรียนนี่ไม่รู้จักเลย ไปกวดวิชาที่สยามอยู่ตลอดแต่ไม่รู้ว่ามาบุญครองอยู่ตรงไหน”
น้องจุ๊ยเป็นเด็กไม่ชอบกวดวิชา ในชั้นเรียนเขาก็ยอมรับว่าไม่ตั้งใจเรียนและโดดอยู่บ่อยๆ ทั้งยังไม่ชอบใจกฎระเบียบของโรงเรียน เบื่อการเข้าแถวเคารพธงชาติ เบื่อการหักคะแนนจิตพิสัย เบื่อฝ่ายปกครอง เบื่อการสอบ เมื่อถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย น้องจุ๊ยสอบผ่านโดยการเก็งข้อสอบด้วยตนเอง เลือกอ่านเฉพาะที่จะใช้สอบ น้องจุ๊ยอาจเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นอีกนิดว่า ทัศนคติของผู้คนต่อเรื่อง “การศึกษา”(เพื่อสอบเข้า เพื่อแลกกับใบปริญญา และเอาไว้เพื่อสมัครงาน) นั้นแยกส่วนและเป็นคนละเรื่องกับ “การใช้ชีวิตที่ดี”หรือเปล่า ?
บางที หากเริ่มจากการตั้งคำถามว่า “เราศึกษาไปเพื่ออะไร” อาจทำให้ได้คำตอบในการแก้ไขทั้งปัญหาโรงเรียนในระบบและโรงเรียนนอกระบบอย่างโรงเรียนกวดวิชาไปพร้อมๆ กันก็ได้
บรรณานุกรม :
“๑๐ ปีปฏิรูปการศึกษาไทยเหลว นร. ติวระห่ำตั้งแต่อนุบาล อุดมศึกษาปั่นป่วนผุดหลักสูตรเป็นธุรกิจ”. ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๑.
ประภาภรณ์ เจริญกุล. “ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดอุปสงค์ที่มีต่อการเรียนกวดวิชาและความสำเร็จในการสอบเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา” . วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๔.
ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ๒๔๕๙-๒๕๔๒. กรุงเทพฯ : สารคดี, ๒๕๔๒.
เปลโต้. อุตมรัฐ (The Republic). แปลโดย ปรีชา ช้างขวัญยืน. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๒๓.
พิพัฒน์ พสุธารชาติ. ไชลด์เซ็นเตอร์ : สำนวนซ้ำซากของการศึกษาไทย. กรุงเทพฯ : ศยาม, ๒๕๔๗.
มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว. “ผลสำรวจ ‘ความคิดเห็นของครอบครัวในวาระก้าวสู่ปีที่ ๑๐ ของการปฏิรูปการศึกษาไทย’ “, มิถุนายน ๒๕๕๑.
“ยุคทองกวดวิชาผุดคอมเพล็กซ์ ตะลึงซื้อที่พญาไท ๒๕๖ ล.” ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๘.
ราชกิจจานุเบกษา. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒.
วราพร เตชะธเนศ และคณะ “กวดวิชา : ค่านิยมเด็กไทยในปัจจุบัน”.รายงานวิชาบัณฑิตอุดมศึกษาไทย คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๓.
วิชาญ บุพชัยศรี, ว่าที่เรือตรี. “ความแตกต่างระหว่างนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่อาศัยอยู่บริเวณธนบุรีตะวันออก ที่เรียนกวดวิชาบริเวณปิ่นเกล้า (ถนนบรมราชชนนี) กับที่เรียนบริเวณสยามสแควร์”. วิทยานิพนธ์อักษรศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาภูมิศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๕.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. “สรุปการสัมมนาเรื่องกวดวิชา : วิกฤติที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” กลุ่มประเมินผล ๒, ๒๕๔๕.
สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ. “โครงการวิจัยเรื่องผลการกวดวิชาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีผลต่อการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา” .๒๕๔๗.
สุดารัตน์ ศิริเมือง, น้ำฝน กัลญา. โรงเรียนกวดวิชาพารวย Tutorial School: How to. กรุงเทพฯ : Busy-day, ๒๕๔๙.
เว็บไซต์ :
– เว็บไซต์สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
(สทศ.)
– เว็บไซต์โรงเรียนกวดวิชาคุมอง
– เว็บบอร์ดของนักเรียนกวดวิชาใน
– เว็บบอร์ดของวิทยาลัยอัสสัมชัญ
– ฟรีดิกชันนารีออนไลน์
ขอขอบคุณ :
โรงเรียนกวดวิชายูเรก้า โรงเรียนกวดวิชา Enconcept
โรงเรียนกวดวิชาวรรณสรณ์ โรงเรียนกวดวิชา Da’vance
รองศาสตราจารย์ ดร. นภาภรณ์ หะวานนท์
คุณวิมลพร พันธุมนตรี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
คุณจิตรา จันทรากุล
น้องก้อย น้องจุ๊ย น้องแก๊บ น้องลั้ง น้องตั้ม น้องแพรว
และผู้ปกครองเด็กกวดวิชาทุกท่าน