crack-antarcticaรอยแยกของหิ้งน้ำแข็ง*ที่ใหญ่ที่สุดอันดับสี่ในทวีปแอนตาร์กติกาขยายออกอย่างรวดเร็ว จนนักวิทยาศาสตร์แสดงความกังวลว่ามันใกล้จะแตกตัวออก รอยแยกบนน้ำแข็งที่เร็วขึ้นเป็นผลมาจากอุณหภูมิน้ำที่อุ่นขึ้น นับตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมาแต่ละวันรอยแยกของน้ำแข็งได้ขยายยาวไปขนาดราวห้าสนามฟุตบอล

หิ้งน้ำแข็งที่เรียกว่า Larsen C ขณะนี้มีความยาวกว่า ๑๐๐ ไมล์ บางส่วนของรอยแตกขยายกว้างไปร่วม ๒ ไมล์ ยอดของรอยแตกมีระยะห่างจากสุดทางของหิ้งน้ำแข็งเพียง ๒๐ ไมล์เท่านั้น

หากรอยแตกมาถึงทางที่หิ้งน้ำแข็งขวางนั้น จะทำให้เกิดก้อนน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมี ทีมวิจัย Project Midas จากสหราชอาณาจักรได้จับตารอยแตกนี้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ คาดการณ์ว่ามันจะแตกออกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

“ปลายของรอยแตกได้เคลื่อนตัวไปสู่พื้นที่ของน้ำแข็งที่นุ่มกว่าส่วนอื่นๆ บ่งชี้ถึงความเปลี่ยนแปลงอีกขั้นของมัน” เอเดรียน เจ.ลัคแมน แห่งมหาวิทยาลัยสวอนซี ในเวลซ์ ผู้นำวิจัยของ Project Midas กล่าว

หิ้งน้ำแข็งซึ่งเป็นส่วนที่หลุดร่อนจากธารน้ำแข็ง ลอยน้ำและมีส่วนคอยช่วยให้ธารน้ำแข็งยังอยู่บนส่วนผืนดิน เมื่อหิ้งน้ำแข็งพังลง ธารน้ำแข็งที่อยู่หลังจะไหลลงสู่ทะเลเร็วขึ้น อุณหภูมิที่สูงขึ้นของพื้นที่ดังกล่าวยังมีส่วนทำให้หิ้งน้ำแข็งหายไปมากขึ้น

หิ้งน้ำแข็ง Larsen A และ B ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า Larsen C ได้แตกออกไปแล้วในปี ๒๕๓๗ และ ๒๕๔๕ หลังจากมันได้ลอยสู่น้ำทะเลแล้วไม่ปรากฎผลชัดเจนว่าทำให้ระดับน้ำทะเลของโลกเพิ่มขึ้น เพราะธารน้ำแข็งข้างหลังรอยแยกทั้งสองไม่ได้มีปริมาณน้ำแข็งที่ส่งผลมากนัก

เอริก เจ.ริกน็อต ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์วิน นักวิทยาศาสตร์อาวุโสของห้องปฏิบัติการขับเคลื่อนความดัน องค์การนาซ่า ผู้เชี่ยวชาญด้านธารน้ำแข็งชี้ว่าการพังทลายของหิ้งน้ำแข็ง Larsen C จะเพิ่มปริมาณระดับน้ำทะเลบนโลกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กังวลยิ่งกว่าคือมันจะส่งผลกระทบต่อธารน้ำแข็งที่อยู่ด้านหลัง เพราะหากธารน้ำแข็งเหล่านี้ละลายจะทำให้ปริมาณน้ำทะเลยิ่งสูงขึ้น พวกเขาที่จับตาการพังทลายของ Larsen C ชี้ว่าปริมาณก้อนน้ำแข็งในแถบแอนตาร์กติกาตะวันตกที่อยู่สถานการณ์ที่เปราะบางยิ่ง

สรุปข่าวและภาพจาก :  A Crack in an Antarctic Ice Shelf Grew 17 Miles in the Last Two Months โดย JUGAL K. PATEL เว็บไซต์ nytimes.com