prem3 01

ครั้งหนึ่ง โสภณ สุภาพงษ์ เคยให้สัมภาษณ์ย้อนรำลึกถึงช่วง
เริ่มต้นเข้ามาทำงานที่ “บางจากฯ” เมื่อปี ๒๕๒๗ ว่า

“…เป้าหมายตอนนั้นก็คือสร้างองค์กรภายในให้พึ่งตัวเองได้ สร้างสภาพการทำงานของพนักงานให้มีความสุข ปรากฏว่าได้ผลดีมากนะครับ เปลี่ยนจากการขาดทุนเป็นกำไรภายในปีแรกเลย หลังจากนั้นเราก็สร้างเป้าหมายอีกสองอย่าง คือการเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ กับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาความกินดีอยู่ดีของสังคมไทย…ทีนี้มาถึงเป้าหมายที่ว่า ‘พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม’  ความหมายของผมก็คือ เราคงไม่ทำธุรกิจแล้วบริจาคเงินช่วยสังคมหรือช่วยสิ่งแวดล้อมแบบสังคมสงเคราะห์ แต่จะอยู่ด้วยกันกับสังคมไปพร้อมกับชีวิตประจำวัน คือเราจะใช้ธุรกิจสร้างความยั่งยืนต่อเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคม เพราะไม่มีอะไรแยกออกจากกันได้ ไม่ใช่เราทำเรื่องหนึ่งแล้วไปบริจาคเงินอีกเรื่องหนึ่ง เราอยากมีชีวิตอยู่กับสังคม เป็นความหวังและเป็นความฝันด้วย…”

ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรมเคยเดินทางมาเยี่ยมชมกิจการบริษัทบางจากฯ หลายครั้ง  ครั้งหนึ่งคือในเดือนมกราคม ๒๕๓๐ ก่อนหน้าพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่นาน พลเอกเปรมพร้อมด้วยเรืออากาศโท ศุลี มหาสันทนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มาติดตามความก้าวหน้าและผลการดำเนินงาน  นายกรัฐมนตรีได้ให้โอวาทตอนหนึ่งว่า

“อยากจะให้เข้าใจว่าคนที่เก่ง ๆ ดี ๆ ในบ้านเมืองของเรายังมีอยู่มาก และคนที่เก่ง ๆ ดี ๆ และมีความสำนึกที่ถูกต้อง และเป็นแบบอย่างต่อบ้านเมืองก็คือพวกเรานี้เอง ผมดีใจมากที่มาได้ยินเรื่องการปลูกฝังความสำนึกในการทำงานว่าเราต้องทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่ทำเพื่อเรา ที่เรียกว่าวัฒนธรรมของบริษัท คือสิ่งที่ดีทั้งนั้น…

“พวกคุณเป็นคนที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองมาก ไม่ใช่เฉพาะบริษัท มีความสำคัญต่อชาติบ้านเมืองจริง ๆ ผมถึงภูมิใจที่ได้มานั่งอยู่ท่ามกลางคนหนุ่มที่มีความสามารถสูง และมีสำนึกที่ดีเยี่ยม ผมดีใจว่าบริษัทนี้…จะได้กำไรหรือขาดทุนมันเป็นเรื่องของธุรกิจ แต่ผมดีใจที่มีคนที่มีจิตใจที่ดี ที่ตรงกับความต้องการของชาติบ้านเมือง และเป็นสิ่งที่หาได้ยาก” 

หลังจากนั้นไม่นาน ถ้อยคำก็ตกผลึกเป็น “วัฒนธรรมคนบางจากฯ” คือ “เป็นคนดี มีความรู้ และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น” อันสอดคล้องกับแนวคิด “ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่ได้นิยามไว้ว่า การตอบแทนบุญคุณแผ่นดินหมายถึง “การประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี เป็นสถาบันที่ดี เป็นองค์กรที่ดี เป็นตัวอย่างที่ดี มุ่งกระทำแต่ความดี เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน” เพราะ “เราทุกคนมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่จะต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินที่เราอาศัยเกิดมา และเติบโตจนเป็นตัวเราในขณะนี้ ด้วยความสำนึกที่แน่วแน่ว่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องทำ หลีกเลี่ยงไม่ได้…”

แม้เวลาจะผ่านไป พลเอกเปรมยังคงผูกพันกับบางจากฯ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในยามที่บริษัทต้องเผชิญบททดสอบอันท้าทายอันเป็นผลต่อเนื่องจากสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ครั้งหนึ่งเมื่อบางจากฯ จัดการประกวดผลิตภัณฑ์ชุมชนจากภูมิปัญญาไทยในเดือนตุลาคม ๒๕๔๕ ท่านได้ให้เกียรติมาเป็นประธานมอบรางวัล พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจผู้บริหาร และพนักงานว่า 

“…บริษัทบางจากฯ ถือกำเนิดมาจากบริษัทสามทหารของกระทรวงกลาโหมมานานมากกว่า ๔๐ ปีแล้ว และได้แปรสภาพมาเป็นบริษัทบางจากฯ เป็นบริษัทน้ำมันแห่งเดียวที่คนไทยเป็นเจ้าของ คนไทยบริหาร และคนไทยใช้ ตอนนี้บริษัทบางจากฯ กำลังป่วยเพราะว่ามีเงินน้อย…ขนาดที่ป่วย ๆ นี้ บริษัทบางจากฯ ก็ยังคิดทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเราเป็นห่วงมากที่สุดก็คือคนยากคนจน คนชนบท ฉะนั้นพวกเราจึงควรที่จะสนับสนุนบริษัทบางจากฯ ให้คงอยู่ และให้สามารถทำงานในหน้าที่ที่เป็นเรื่องราวของบริษัทน้ำมัน อันเป็นหน้าที่โดยตรงของบริษัทบางจากฯ และจะได้ทำงานเพื่อคนที่เราเรียกเขาว่าคนชนบท…”

โอกาสเดียวกันนั้น ท่านเขียนอวยพรไว้ในสมุดเยี่ยมว่า 

“ขอให้พนักงานทุกคน ยืนหยัด ต่อสู้ โดยการปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ และอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อดำรงไว้ซึ่งบริษัทของคนไทยแห่งเดียว ให้ดำรงคงอยู่กับชาติบ้านเมืองของเราตลอดไป”

prem3 02
“ป๋าเปรม” เยี่ยมชมความก้าวหน้าของบางจากฯ ตุลาคม ๒๕๔๕

“ผมดีใจมาก ที่มาได้ยิน
เรื่องการปลูกฝังความสำนึก
ในการทำงานว่า
เราต้องทำเพื่อคนอื่น
ไม่ใช่ทำเพื่อเรา”

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี