เรื่องและภาพ : ทีมความสุขไม่จำกัด ค่ายนักเล่าความสุข

.ความสุขที่เลือกได้ / เด็กน้อยสุขใจที่ได้นั่งรถไฟเป็นครั้งแรกในชีวิตเดินทางกลับบ้านที่หัวหิน (ชาวดินเลือกภาพเอง)

.ความสุขที่เลือกได้ / เด็กน้อยสุขใจที่ได้นั่งรถไฟเป็นครั้งแรกในชีวิตเดินทางกลับบ้านที่หัวหิน (ชาวดินเลือกภาพเอง)

หากลืมตาตื่นขึ้นมาในอรุณรุ่งวันใหม่แล้วพบว่า เส้นทางชีวิตที่เคยคิดว่าเดินมาถูกต้องกลับตาลปัตร เสมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง ความสุขสารพัดดั่งใจนึกเลือนหายไป

ย้อนกลับทางเก่าไม่ได้จะก้าวต่อไปก็ไม่สะดวก

วันนี้เราจึงขอพักร่างยกระดับจิตใจ ออกเดินทางเพื่อฉีดวัคซีนความสุข

เปิดมุมมองระหว่างทางด้วยคำว่า “พอดี” และ “พอเพียง”

อนุสาวรีย์ความสุข / พลับพลาสนามจันทร์ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ

อนุสาวรีย์ความสุข / พลับพลาสนามจันทร์ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ

๑. “นั่งรถไฟสำราญใจไปหัวหิน”

เราแลกความสุขด้วยเหรียญ ๑ บาท ต่อ ๑ สถานีฯ ในการเดินทางไปหัวหินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย

นับเป็นวาระสำคัญที่จะได้ทำความฝันของเพื่อนร่วมทางอย่าง “ชาวดิน” เด็กน้อยวัยอนุบาลที่เคยเฝ้าดูรถไฟแล่นผ่านไปผ่านมาหลังเลิกเรียน

ทุกครั้งที่รถไฟแล่นผ่านไป ใจดวงน้อยนั้นแล่นตามไปด้วยจินตนาการผ่านเสียงสุดกู่จากขบวนรถไฟทุกคราครั้ง

เราถึงสถานีรถไฟธนบุรีก่อนเวลารถออก แวะหาอาหารรองท้องง่ายๆ เดินเล่นย่านตลาดบางกอกน้อย มองหามุมถ่ายภาพในวันแดดร้อนแรงจนเหงื่อชุ่ม จนเกือบได้เวลาขบวนรถธนบุรี-ประจวบคีรีขันธ์เข้าเทียบชานชาลา

“ที่นี่สถานีบางกอกน้อยๆ ขอให้ผู้โดยสารที่จะร่วมเดินทางไปกับเรา ปล่อยวางสัมภาระอันหน่วงหนักลงเสีย อดีตผ่านพ้นไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง ขอให้ระลึกไว้เสมอว่าโลกใบนี้หนักเกินกว่าเราจะแบกไหว จึงควรปลดปล่อยใจให้เป็นอิสระกับกาลปัจจุบัน เมื่อขบวนรถออกจากสถานีบางกอกน้อยไปแล้ว เส้นทางแห่งความสุขใจสถานีต่อไปคือ สถานีความสุขไม่จำกัด ”

เป๊งๆ เป๊งๆ สิ้นสุดเสียงระฆัง ล้อค่อยๆ บดไปบนรางเหล็กพร้อมส่งเสียงครางหึ่งๆ จากเชื่องช้าจนเคลื่อนขบวนด้วยความเร็วสูง ผ่านย่านชุมชนแลเห็นท้องฟ้าสีครามกว้างไกล

เมื่อมองย้อนกลับไปยังสถานที่ที่เราจากมา พื้นที่ที่เคยยิ่งใหญ่กลับกลายเป็นจุดเล็กๆ ที่ค่อย ๆ ไกลห่างออกไปนอกสายตา

ความตื่นตาตื่นใจของเด็กน้อยที่ทอดสายตาผ่านสองข้างทาง ซ้ายทีขวาที สลับกับนั่งมองบรรยากาศบนขบวนรถไฟครั้งแรก ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องแปลกใหม่ ในรอยยิ้มมีคำถามมากมายที่คนนั่งข้างๆ ต้องคอยตอบ

……….

“ที่นี่สถานีหัวหินๆ”

ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ

สถานีรถไฟหัวหินนับว่าเป็นสถานีที่สวยที่สุดในเมืองไทย

พลับพลาสนามจันทร์ คือเอกลักษณ์โดดเด่นดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นพลับพลาจตุรมุขที่เคยตั้งอยู่ในพระราชวังสนามจันทร์ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในการเสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศฝึกซ้อมยุทธวิธีทุกปี

หลังสิ้นรัชสมัยของพระองค์ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงรื้อถอนมาตั้งไว้ ณ อำเภอหัวหิน เพื่อเป็นที่ประทับขึ้นและลงรถไฟของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเส้นทางเชื่อมต่อรถไฟสายใต้เกิดขึ้นครั้งแรก ซึ่งนำความเจริญสู่เมืองหัวหินอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

“ชอบตอนที่รถไฟวิ่งได้เห็นวิว เปิดหน้าต่างลมพัดเย็นสบาย ไม่ชอบอย่างเดียวตอนลงจากรถไฟ ”

เด็กชายชาวดิน ลิ่นบาง / อายุ ๖ ขวบ นักเรียนโรงเรียนหัวหินวิทยาลัย

ความสุขก่อนร่ำลา / เหล่าลูกเสือเนตรนารีจับมือร่วมร้องเพลงสามัคคีชุมนุมร่ำลากันก่อนปิดค่าย

ความสุขก่อนร่ำลา / เหล่าลูกเสือเนตรนารีจับมือร่วมร้องเพลงสามัคคีชุมนุมร่ำลากันก่อนปิดค่าย

ความสุขจากคณะเนตรนารีและลูกเสือขณะเตรียมตัวรวมหมู่

ความสุขจากคณะเนตรนารีและลูกเสือขณะเตรียมตัวรวมหมู่

๒. สืบสานเจตนารมณ์ลูกเสือโลก

“พลับพลาสนามจันทร์” ทำให้เราหวนรำลึกถึงความเป็นมากิจการลูกเสือในประเทศไทย

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงเล็งเห็นประโยชน์ว่า ทหารมีหน้าที่สำคัญในการปกป้องประเทศชาติ ตำรวจมีหน้าที่ปกป้องประชาชน ลูกเสือมีหน้าที่ช่วยเหลือและดูแลบริการสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ไม่ว่าเทคโนโลยี สังคม วัฒนธรรม หรือกาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร พระองค์ทรงเล็งเห็นว่าการใช้ชีวิตมีพื้นฐานร่างกายอารมณ์ จิตใจ

กิจการลูกเสือนับเป็นปฐมบทความสุข เริ่มต้นตั้งแต่วัยเยาว์ที่ได้สั่งสมประสบการณ์ส่งต่อผ่านหัวใจผู้ใหญ่ในอนาคต

“ค่ายลูกเสือศรีเจริญแคมป์” อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้เราย้อนระลึกถึงวัยเยาว์ในชุดลูกเสือที่เคยสวมใส่ในวันที่ล่วงเลย

ค่ายแห่งนี้ถือกำเนิดจากปณิธานของครูสามารถ คงคาสุริฉาย สำหรับต้อนรับลูกเสือจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อมาอยู่ค่ายพักแรม และสร้างบุคลากรลูกเสือไทยตามมาตรฐานลูกเสือโลก ทำหน้าที่ร่วมส่งเสริมกิจกรรมเดินทางไกลเข้าค่ายแรมคืน สร้างเสริมประสบการณ์แก่เหล่าลูกเสือ-เนตรนารีออกสู่โลกกว้าง

กิจกรรมการเดินทางไกล บ่งชี้ให้เหล่าลูกเสือและเนตรนารีได้เรียนรู้ว่า ชีวิตประจำวันไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่บ้าน ต้องเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจก่อนออกเดินทางโดยลำพังในอนาคต รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในทุกสถานการณ์คับขัน และดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข

วันสุดท้ายทุกคนได้เดินจับมือร้องเพลงสามัคคีชุมนุมเพื่ออำลา หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดพลาดหรือล่วงเกินกันทางกาย วาจา ใจ มีโอกาสได้กล่าวคำขอโทษและให้อภัยซึ่งกันและกัน วันใดที่หลงพลาดพลั้งก้าวเดินผิดในทิศทางที่ไม่เหมาะไม่ควร ให้หวนระลึกถึงกิจกรรมที่เคยทำร่วมกันมา ปรับพฤติกรรมหลงผิดเปลี่ยนเส้นทางใหม่แก้ไขให้ถูก

“ผมชื่นชอบกิจกรรมลูกเสือตั้งแต่เด็ก มีความสุขและภาคภูมิใจทุกครั้งที่ใส่ชุดลูกเสือ มุ่งมั่นจะเป็นครูสอนเด็ก ๆ เพื่อให้เด็กมีความรู้ความสามารถและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันสงบสุข ”

ครูสามารถ คงคาสุริยฉาย
ผู้จัดการค่ายลูกเสือศรีเจริญแคมป์

ความสุขจากภาพถ่าย / สนุกกับการถ่ายภาพบนเขาหินเหล็กไฟในแสงยามเย็น

ความสุขจากภาพถ่าย / สนุกกับการถ่ายภาพบนเขาหินเหล็กไฟในแสงยามเย็น

ทนทุกข์ก่อนสุขสม / ครั้งแรกของหญิงสาวที่ได้ขึ้นเขาหินเหล็กไฟ ทดลองหิ้วก้อนหินขึ้นเขาเหมือนคนเฒ่าคนแก่หัวหิน

ทนทุกข์ก่อนสุขสม / ครั้งแรกของหญิงสาวที่ได้ขึ้นเขาหินเหล็กไฟ ทดลองหิ้วก้อนหินขึ้นเขาเหมือนคนเฒ่าคนแก่หัวหิน

๓. ชีวิตเหมือนฝัน ณ จุดชมวิว “เขาหินเหล็กไฟ”

ขณะที่เราค่อยๆ คืบคลานจากเชิงเขาในระดับสายตาแบบหนอนมอง เบิ่งตาไปยังภูเขาแสนสูงเบื้องหน้า

ท้องฟ้า โลก จินตนาการไกลถึงจักรวาลกว้างใหญ่

มนุษย์ตัวเท่ามดอย่างเราค่อยๆ ไต่ระดับเดินตามหลังนักวิ่งผู้รักษาสุขภาพจากการดูแลตนเองด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ

เคยสังเกตว่าคนเฒ่าคนแก่ที่นี่เดินหิ้วถุงใส่ก้อนหินหนักๆ ไว้ในมือขณะเดินขึ้นเขาลงเขา

นับว่าผนวกการเดินทนผสมกับกีฬายกน้ำหนักเข้าด้วยกัน

เราไต่ระดับขึ้นมาหอบแฮ่กๆ จนเกือบลิ้นห้อยกว่าจะมาถึงจุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟ หรือที่คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “เขาเรดาร์”สูงจากระดับน้ำทะเล 162 เมตร มีพื้นที่ 352 ไร่ มีจุดชมวิวหลักถึง 6 จุด เปิดดวงตา
เราให้กว้างเกือบ 360 องศา

เย็นย่ำวันนี้เราชวนครู “มานิตา” ซึ่งเข้ามารับราชการเป็นครูใหม่ในเมืองหัวหินร่วมเดินทางไปกับเรา และขอความร่วมมือให้เธอหิ้วก้อนหินเดินขึ้นสู่ยอดเขา

เธอบอกว่า “เหมือนให้เข็นครกขึ้นภูเขา” พร้อมส่งรอยยิ้มแห้งๆ

เรายิ้มตอบว่า “เป็นบททดสอบเตรียมกำลังกายตระเตรียมกำลังใจสร้างความสุขที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพครู”

เราใช้ช่วงแสงยามเย็นถ่ายภาพครูไว้เป็นที่ระลึกเป็นการตอบแทน

มุมผ่านตานกมองในจุดสูงสุดทำให้เรายืนอยู่เหนือทุกเรื่องราว มองเห็นภาพไกลตาราวกับโมเดลจำลองย่อขนาด

ธรรมชาติแสดงความยิ่งใหญ่ มนุษย์อย่างเราเล็กกระจิ๋วหลิวเมื่อมองออกไปให้ไกลจากตัว

ตัวตนที่เราอาจหลงคิดว่าใหญ่ยิ่ง แท้จริงเป็นเพียงกระผีกริ้นในห้วงจักรวาล บางครั้งความยึดมั่นถือมั่นมากไปอาจสร้างความทุกข์ให้แก่ใจตนและคนรอบข้าง ดั่งก้อนหินหนาหนักที่แบกภาระร่วมเดินขึ้นเขา

เมื่อปล่อยวางหินก้อนนั้นลงกับพื้น ก็เบากายสบายใจ

“ถ้าความทุกข์เกิดจากความคาดหวังที่เราแบกไว้ ก็วางลงบ้าง บางครั้งเราอาจจะรู้จักและใกล้ชิดกับความสุขมากขึ้น”

นางสาวมานิตา สาเหล้ / ความรู้สึกหลังปล่อยก้อนหินลงจากมือ
ข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย โรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์

ความสุขชั่วคราว / ตลาดโต้รุ่งหรือถนนคนเดินหัวหิน ถนนเดชานุชิตหรือซอยหัวหิน72

ความสุขชั่วคราว / ตลาดโต้รุ่งหรือถนนคนเดินหัวหิน ถนนเดชานุชิตหรือซอยหัวหิน72

ความสุขจากได้มองมุมกว้าง / จุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟฝั่งตะวันออกที่มองเห็นทะเลจากอำเภอชะอำเลียบไปถึงเขาตะเกียบ

ความสุขจากได้มองมุมกว้าง / จุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟฝั่งตะวันออกที่มองเห็นทะเลจากอำเภอชะอำเลียบไปถึงเขาตะเกียบ

๔. ชีวิตบนท้องถนน สีสันยามราตรี

ย่ำค่ำบนถนนคนเดินในบรรยากาศคึกคัก คลาคล่ำด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา นับว่าเป็นหมุดหมายหลักใจกลางเมืองหัวหิน

ตลาดโต้รุ่งหัวหินตั้งอยู่ถนนเดชานุชิต หรือซอยหัวหิน 72 ช่วงแดดบ่ายคล้อยบรรดาพ่อค้าแม่ขายจะทยอยเข็นรถมาตั้งโต๊ะจัดเก้าอี้ วางแผงขายสินค้ามากมายละลานตา ยาวต่อเนื่องไปจนสุดถนนเลียบทางรถไฟ
ที่นี่มีสินค้าให้เลือกจับจ่ายใช้สอยนานาชนิด เป็นย่านสตรีตฟูดรวมอาหารนานาชาติ อาหารซีฟูดสดใหม่จากทะเล กุ้งลอปสเตอร์ตัวใหญ่ หอย ปู ปลา โชว์หน้าร้านให้นักชิมเลือกชมจนพอใจ จะนั่งลิ้มชิมรสในร้านหรือซื้อกลับไปรับประทานกันในที่พักก็ตามสะดวก

หากนับรอยเท้าทุกก้าวที่ย่ำลงบนพื้นถนนคนเดินแห่งนี้คงนับไม่หวาดไม่ไหว และปริมาณก็มิอาจเทียบเท่ากับความรู้สึก

ผู้คนต่างมาเก็บเกี่ยวความสุขจากการเดินทางเพียงชั่วคราว ต่างคนต่างถิ่น ข้ามน้ำข้ามขอบฟ้ามาสัมผัสความแปลกใหม่ในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วจรจากไป

ค่ำคืนนี้จะผ่านไปวันใหม่จะผ่านเข้ามา

“ตลาดคนเดินมีทุกอย่างที่นักท่องเที่ยวปรารถนา สิ่งแรกคืออาหารเลิศรสทั้งไทยเทศ ของหวาน ผลไม้ ของที่ระลึก มีข้าวของให้เลือกจิปาถะ เป็นประสบการณ์ที่ประทับใจจนต้องกลับมาที่นี่ทุกครั้งที่มาเยือนเมืองหัวหิน ”

นางสาวมันตา อุณหกะ
อาชีพพยาบาล
Pennsylvania Hospital , Philadelphia USA.

ความสุขระหว่างรอ / ชาวบ้านออกมายืนรับลมระหว่างรอครอบครัวกลับจากออกทะเล

ความสุขระหว่างรอ / ชาวบ้านออกมายืนรับลมระหว่างรอครอบครัวกลับจากออกทะเล

ความสุขจากความสงบ / ถนนทางเข้าสู่ชุมชนสมอเรียงในยามเช้า

ความสุขจากความสงบ / ถนนทางเข้าสู่ชุมชนสมอเรียงในยามเช้า

๕. สมอเรียงเคียงคู่ทะเล

เราลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงไก่ขันเจื้อยแจ้ว ร่างได้พักใจได้ผ่อนคลาย นับเป็นการเริ่มต้นความสุขวันใหม่แสนสดใส

เรามุ่งหน้าไปหาทะเล ชายหาดที่เงียบสงบ สดับเสียงลม เสียงคลื่นกระทบผืนทราย เสียงจากธรรมชาติกระทบใจให้รู้สึกผ่อนคลาย

ลุงหาปลายืนสงบนิ่ง ดวงตาจดจ้องไปยังท้องทะเล รอจังหวะเหวี่ยงแหเมื่อมั่นใจว่าจะมีฝูงปลาติดขึ้นมาเป็นอาหารเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัว

ใจเราสัมผัสถึงความหวังของคนๆ หนึ่งที่เผื่อแผ่ความสุขไปสู่คนรักที่รออยู่ที่บ้าน

ริมขอบฟ้าปรากฏแสงสี ม่วง เหลืองส้ม แดง พระอาทิตย์ดวงกลมโตโผล่หน้ามายิ้มทักทาย แสงสะท้อนเหนือผิวคลื่นส่องประกายระยิบระยับจับตา ทาบทับชายหาด ก้อนหิน ภูเขา น้ำทะเล แม้แต่ร่างคน

เราเดินเลียบทะเลมาทางทิศเหนือผ่านศาลเจ้า สะพานปลา แวะเข้าชุมชน “สมอเรียง” ซึ่งอยู่เคียงคู่ทะเลมายาวนาน

ราวพุทธศักราช 2377 หัวหินยังเป็นป่าดงพงไพร ราษฎรจากตำบลบางจาน บางแก้ว จังหวัดเพชรบุรี มีอาชีพทำนาฝืดเคืองเพราะข้าวราคาถูก จึงชักชวนสมัครพรรคพวกเดินทางไปทางใต้ กระทั่งถึงดอนอีกลึงจึงลงหลักปักฐานตั้งรกรากถางพงทำไร่อยู่ตรงนั้น เรียกว่า สมอเรียง เป็นชื่อเดิมของหัวหิน สันนิษฐานว่าคำเดิมเป็นภาษาขอม สมอ หรือ ถมอ แปลว่าหินหรือศิลา สมอเรียงหมายถึงหินหรือศิลาที่เรียงกัน ในวันน้ำลดจะปรากฏก้อนหินเรียงรายริมชายหาดให้เราพบเห็น

“พ่อออกทะเล เราตื่นตีห้าออกไปรับพ่อ ระหว่างรอนั่งฟังเสียงคลื่นลม แม่ได้ปูปลานำไปขาย เรากินปูกินปลาอาหารทะเลสดใหม่ ชาวสมอเรียงสืบทอดอาชีพประมงอยู่ในสายเลือด อยากให้ดำรงความเป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีน้ำจิตน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอมา”

นายสมบูรณ์ แสงสว่าง
ผู้นำชุมชนสมอเรียง อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ความสุขปากท้อง / หลังการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยไม้ตายชาวบ้านงมหอยขมเพื่อนำไปประกอบอาหาร

ความสุขปากท้อง / หลังการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยไม้ตายชาวบ้านงมหอยขมเพื่อนำไปประกอบอาหาร

ความสุขในถิ่นฐานบ้านเกิด / ชาวบ้านหนองพลับอำเภอหัวหินเกิดศึกษาและทำงานในบ้านของตนเอง

ความสุขในถิ่นฐานบ้านเกิด / ชาวบ้านหนองพลับอำเภอหัวหินเกิดศึกษาและทำงานในบ้านของตนเอง

๖. พลิกผืนดินแล้งเป็นผืนป่าเขียวขจี

ถนนลาดยางมะตอยแคบๆ พาเรามุ่งหน้าสู่ภูเขา ลัดเลาะไปตามเนินโค้งสูงต่ำ

เราทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวใจร้อนรีบลัดไปจุดปักหมุดทันที

สะพานไม้ที่ทอดยาว ภาพท้องฟ้า ภูเขาเขียว ดอกหญ้า นกบินผ่าน สะพานไม้ สะท้อนในผิวน้ำ

“อ่างเก็บน้ำหัวยไม้ตาย” อยู่ภายในโครงการจัดการที่ดินชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่สวยงาม ร่มรื่น นักท่องเที่ยวมักมารอชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ตกกลางคืนเป็นพื้นที่ของนักล่าช้าง (ถ่ายทางช้างเผือก) และชมดวงดาว

เมื่อน้ำมาป่ามี ผู้คนในพื้นที่แห่งนี้จึงมีชีวิตอุดมสมบูรณ์พูนสุข ริมอ่างเก็บน้ำกลุ่มนักตกปลาวางเบ็ดรอปลามาฮุบเหยื่อ ฝั่งตรงข้าม ชายชรางมหอยเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายอาหารผ่านไปได้อีกมื้อ

เหลียวหลังแลภาพอดีต พื้นที่แห้งแล้งแห่งนี้ 4,794 ไร่ เคยให้เช่าปลูกสับปะรดต่อเนื่อง ๒๐ กว่าปี สารพัดมรสุมทำให้ดินเสื่อมโทรมขาดความอุดมสมบูรณ์ ถูกกัดเซาะเป็นร่องน้ำลึก หน้าดินถูกชะล้างและพัดพาไปจนเกือบหมด ประกอบกับการใช้สารเคมีมายาวนาน ตกค้างเป็นอันตรายต่อพืชและสัตว์เลี้ยง

เนื่องในวโรกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงครองราชย์ครบ ๕๐ พรรษา จึงมีพระราชดําริให้มูลนิธิชัยพัฒนาและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงร่วมกันดําเนินการปลูกป่า ฟื้นฟูสภาพแวดล้อม โดยอย่าให้มีผลกระทบกับปัญหาที่ดินทํากินของชาวบ้าน เป็นต้นแบบบ้านพอเพียง เป็นแนวทางดำเนินชีวิตด้วยการพัฒนาพึ่งพาตนเองอย่างเหมาะสม

ปัจจุบันพื้นที่ของโครงการชัยพัฒนา-แม่ฟ้าหลวง ซึ่งตั้งอยู่ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และตำบลไร่ใหม่พัฒนา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

พื้นที่กว่าหมื่นไร่ได้รับการฟื้นฟูจนเป็นป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ระบบนิเวศฟื้นกลับมาอีกครั้ง

“ยามใดที่รู้สึกเหน็ดหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำงานและการเรียน เมื่อได้มานั่งรับลมเบาๆ ณ สะพานไม้ที่ทอดยาวบนผืนน้ำที่สะท้อนแสงกับดวงอาทิตย์ จะช่วยบรรเทาความเครียดและความทุกข์ได้เป็นอย่างดี นี่คือความสุขที่ได้จากธรรมชาติอันแสนสวย ณ ห้วยไม้ตาย ”

นางสาวสุกัญญา ถมทอง
ชาวบ้านตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ / พนักงานบริษัทเอกชน

ความสุขจากใจ / เดินจงกลมริมชายหาดทำให้จิตใจสงบยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์และเป็นการนวดเท้าจากทรายได้อีกทาง

ความสุขจากใจ / เดินจงกลมริมชายหาดทำให้จิตใจสงบยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์และเป็นการนวดเท้าจากทรายได้อีกทาง

ความสุขจากการงาน / กวาดลานวัดคือการทำงานที่สามารถชำระจืตใจให้ขาวผ่องไปพร้อม ๆ กัน

ความสุขจากการงาน / กวาดลานวัดคือการทำงานที่สามารถชำระจืตใจให้ขาวผ่องไปพร้อม ๆ กัน

๗. โลกภายในสงัด สุขสดใสในเส้นทางธรรม

“ข้าพเจ้ามีความยินดีมากที่ได้มาร่วมเป็นหัวหน้าของชาวบ้านเขาเต่าเพื่อทำการวางศิลาฤกษ์โบสถ์ เพราะครั้งก่อนๆ ลำบากมากด้วยต้องทำการอุปสมบทในทะเล”

พระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9
เนื่องในวันกระทำพิธีวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถวัดเขาเต่า ตำบลเขาเต่า อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
วันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๐๒

เป้าหมายของเรา คือมุ่งสู่เส้นทางสีขาวทางก้าวสะอาด ยึดพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจ

วันนี้ทุกคนนุ่งขาวห่มขาวสุภาพเรียบร้อยเข้าวัด สวดมนต์ เข้ารับการอบรมการนั่งสมาธิเพื่อพัฒนาจิตตามหลักอาณาปานสติ เนื่องจากท่านเจ้าอาวาสวัดเขาเต่าเห็นว่า พุทธศาสนิกชนที่เข้ามาทำบุญในวัดไม่มีกิจกรรมในการพัฒนาจิตใจ จึงสนับสนุนส่งเสริมให้ฝึกฝนชำระล้างกิเลส ขัดเกลาจิตใจให้ปราศจากความมัวหมองทั้งปวง ก่อนกลับไปดำเนินชีวิตฆราวาสหรือในฐานะผู้ครองเรือน ครองตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี

อาคารสีขาวติดกับชายหาดเขาเต่าเป็นที่ตั้งของสถาบันพลังจิตตานุภาพ ๑๘ มีครูสมาธิจิตอาสาที่ผ่านมาตรฐานรองรับการเรียนการสอนผ่านหลักสูตรสมาธิจากพระพรหมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล คอยให้คำชี้แนะ

สถาบันพลังจิตตานุภาพสาขาวัดเขาเต่าเปิดให้ผู้เข้าวัดได้ร่วมกิจกรรมพัฒนาจิตวิญญาณ อีกทั้งอาณาบริเวณวัดเงียบสงบจากธรรมชาติแวดล้อม เหมาะแก่การเจริญธรรม

เกิดสันติสุขแก่จิตใจทั้งตนเองและเผื่อแผ่ไปยังชาวโลก

“การที่เรามีความสุขจากการศึกษาแนวทางการปฏิบัติสัมมาสมาธิที่ถูกต้อง และได้ส่งผ่านความสุขนั้นต่อเพื่อนผู้ร่วมปฏิบัติ ทำให้เรามีพลังจิต มีความปิติปลาบปลื้มใจเมื่อเห็นผู้อื่นมีความสุขใจเช่นเดียวกัน”

นางศศิเพ็ญ วิมุกตานนท์ / อาจาริยสา ประจำสถาบันพลังจิตตานุภาพ ๑๘

ร้านความสุข / เกิดจากความรู้สึกพอเพียงของกลุ่มญาติในการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มที่คนในครอบครัวทำขายเอง

ร้านความสุข / เกิดจากความรู้สึกพอเพียงของกลุ่มญาติในการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มที่คนในครอบครัวทำขายเอง

มวลความสุขโดยรวม / ร้านหอยเสียบจิ้มมะละกอ อาหารท้องถิ่นหัวหินใต้ต้นก้ามปูบนถนนชมสินธุ์

มวลความสุขโดยรวม / ร้านหอยเสียบจิ้มมะละกอ อาหารท้องถิ่นหัวหินใต้ต้นก้ามปูบนถนนชมสินธุ์

๘. สัมผัสวิถีพื้นบ้าน อาหารท้องถิ่นเลื่องชื่อ

พรพรรณ ปานปลอด หรือพี่ต้อมแม่ค้าหอยเสียบใต้ร่มต้นก้ามปูบนถนนชมสินธุ์ นำโต๊ะไม้ยาวมาวางง่ายๆ บนพื้นที่หน้าบ้าน จัดเป็นร้านเล็กๆ เรียงข้าวของสารพัดอย่างพิถีพิถัน แล้วนำหอยหลากชนิดที่รวบเป็นมัดวางรวมกัน หมึกปลาเสียบไม้วางเรียงรายเต็มโต๊ะ

นี่คืออาหารจานเด็ดของชาวหัวหินที่ทุกคนมาแล้วต้องลองชิมสักครั้ง

กลิ่นไหม้กระดาษ เสียงพัดกระพือลมเบาๆ ถ่านติดไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ

เราเลือกหยิบเมนูที่อยากลองประเดิมร้าน ยื่นให้แม่ค้าแล้วนั่งยองๆ บนเก้าอี้เล็กๆ ที่มีโต๊ะเตี้ยๆ หน้าบ้าน

แม่ค้าหยิบปลาหมึก หอย วางบนตะแกรงย่างด้วยไฟอ่อนๆ พลิกไปพลิกมาให้ความร้อนกระจายทั่วถึง

สักครู่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนลิ้นเราชวนน้ำลายสอ

เมื่อสุกได้ที่ กลิ่นหอมกำลังดี แม่ค้านำมาเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสหวานเปรี้ยวเผ็ด มีส่วนผสมของถั่วคั่วโชยกลิ่นหอมยวนยั่ว พร้อมมะละกอสับขูดเป็นเส้นๆ บนจานพูนๆ

รสชาติความหนึบหนับของหอยนุ่มๆ หวานมันอร่อยลิ้น พร้อมรสชาติสดชื่นของมะละกอส่งกลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวอร่อยถึงจมูก

สัมผัสความสุขในบรรยากาศชุมชนที่ทักทายโอภาปราศรัยกันอย่างเป็นมิตร

“อาหารว่างเรียบง่าย ความสุขผ่านตาที่ได้สัมผัสวิถีชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพที่ดีของคนในชุมชนที่มีให้แก่กัน ”

นายมาวิน ทองส่งโสม
นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
วิทยาเขตวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ความสุขจากภาพรวม / สถานีรถไฟหัวหินมุมกว้าง สถาปัตยกรรมแบบครึ่งตึกครึ่งไม้ อิทธิพลจากสถาปัตยกรรมวิกทอเรีย ทาสีด้วยโทนครีมตัดกับสีแดง ตัวอาคารมีลวดลายสวยงามประดับเสาค้ำยัน

ความสุขจากภาพรวม / สถานีรถไฟหัวหินมุมกว้าง สถาปัตยกรรมแบบครึ่งตึกครึ่งไม้ อิทธิพลจากสถาปัตยกรรมวิกทอเรีย ทาสีด้วยโทนครีมตัดกับสีแดง ตัวอาคารมีลวดลายสวยงามประดับเสาค้ำยัน

ความสุขจากการปล่อยวาง / สวมกอดกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน

ความสุขจากการปล่อยวาง / สวมกอดกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน

๙. ความสุขไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เราตั้งใจไปรับลมหลังมื้อเย็นแถวสถานีรถไฟ บังเอิญดวงตาประสานเข้ากับร้านเล็กน่ารักที่มีชื่อว่า “ความสุข”

หลังบทสนทนาทราบว่าเจ้าของร้านไม่ได้บังเอิญตั้งชื่อว่า “ความสุข”

ก่อนหน้านี้เคยเปิดร้านอาหารชื่อว่า “บ้านเพื่อน” แต่ร้านมีปัญหาเนื่องจากแม่ครัวจนต้องตัดสินใจปิดตัวไปในที่สุด

ต่อมาบ้านที่ปล่อยว่างไม่มีคนอยู่ จึงปรึกษาญาติพี่น้อง ช่วยกันคิดเปิดร้านอาหารอีกครั้ง โดยอาศัยความสามารถของคนในครอบครัว มีความสุขในการกินอย่างไรก็ขายอาหารอย่างนั้น

เริ่มจากความสุขที่ตัวเองก่อน ลดความอยากมีอยากได้ และพอใจกับเศรษฐกิจพอเพียง

นับเป็นความสุขที่ตกตะกอนผ่านประสบการณ์ที่ได้ลงมือทำจริง

…………………..

ปู๊น ๆ เสียงหวูดส่งสัญญาณว่าขบวนรถไฟที่ใครหลายคนเฝ้ารอกำลังจะมาถึง

สักครู่เสียงดังกระหึ่มวิ่งเข้ามาใกล้ รถจอดสนิท

บางคนลงจากรถยิ้มร่าเมื่อเห็นหน้าคนในครอบครัวมารอรับ

การรอคอยสิ้นสุดลงโมงยามแห่งความสุขที่ได้พบกันเพิ่งเริ่มต้น

เป๊งๆ เป๊งๆ เสียงระฆังครั้งสุดท้ายบีบคั้นหัวใจโดยเฉพาะคนที่มาส่งคู่รักขึ้นรถกลับ

ในอ้อมกอดวงแขนแน่นกระชับค่อยคลายออก สบตาครั้งสุดท้าย ต่างคนต่างหันหลังเดินจากไปเมื่อถึงเวลา

ในช่วงไม่กี่นาที สถานที่แห่งนี้เป็นจุดพบเจอและพลัดพรากจากลาในห้วงเวลาเดียวกัน

เรามองเห็นมุมกว้างสถานีรถไฟหัวหินอย่างที่ไม่เคยสังเกต มองเห็นความงามสถาปัตยกรรมที่อยู่คู่เมืองหัวหินมาเนิ่นนาน

แต่ไม่ช้าไม่นานสถานที่แห่งนี้อาจไม่เหมือนเดิม โครงการขบวนรถไฟฟ้ารางคู่ความเร็วสูงที่กำลังก่อสร้างจะแล้วเสร็จในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

สิ่งต่าง ๆ รอบตัวก็คงหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

จะสุข หรือทุกข์ เป็นเรื่องของใจ อยู่ที่เราจะคัดสรรสิ่งใดเข้ามา

เริ่มต้นที่ความคิดดี ทำดี ชีวีมีสุข แบ่งปันความสุข ความรัก ความปรารถนาดีต่อคนรอบข้าง สังคม ประเทศชาติ

ความสุขจะกระจายต่อเนื่องสู่วงกว้างไม่มีที่สิ้นสุด