บทความที่จะพาไปรู้จัก t_047 นักบันทึกภาพท้องฟ้า และนอกหน้าต่างในหลายแง่มุม

เรื่อง : อิสรากรณ์ ผู้กฤตยาคามี
ภาพ : วิศรุต วีระโสภณ

เวลาประกาศผลแอดมิชชั่นครั้งสำคัญใกล้เข้ามา ในช่วงเวลานั้นเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆ คนหนึ่งอย่าง “ตูน”-ณัฐธีร์ อัครพลธนรักษ์ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ต้องการกำลังใจมากกว่าครั้งไหนๆ เขามองออกไปนอกหน้าต่างและพบภาพเดิมที่คุ้นเคยคือตึกและท้องฟ้า แต่แล้วฟ้าก็ค่อยๆ เผยสายรุ้งงามซึ่งทอสะพานหลากสีมาบรรจบกับบ้านข้างๆ พอเหมาะพอดี นี่คงเป็นกำลังใจที่ท้องฟ้ามอบให้เขาในวันสำคัญของชีวิต

  จากท้องฟ้าสู่บ้านข้างๆ มองธรรมชาติผ่านบทสนทนาเสี้ยวหนึ่งของ t_047 t047 5

“ตูน” บันทึกภาพบ้านข้างๆ และท้องฟ้าในมุมเดิมเรื่อยมา พร้อมแคปชั่นที่บอกอารมณ์และความรู้สึกร้อยเรียงตามความเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้า เป็นเวลากว่า 7 ปี จนโลกออนไลน์รู้จักเขาในชื่อ “t_047” ในฐานะเจ้าของภาพบ้านสีขาวกับท้องฟ้าในบริบทต่างๆ

วันนี้เด็กหนุ่มคนนั้นเติบโตขึ้นในอีกฐานะหนึ่ง คือนักร้องและศิลปิน ทว่าความหลงใหลในท้องฟ้ายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ตูนนั่งลงบนโซฟาที่มีฉากหลังเป็นท้องฟ้า และบทสนทนาเสี้ยวหนึ่งก็ค่อยๆ เริ่มขึ้น

สีของฟ้า – ที่ไม่เคยซ้ำเดิม

“…เก็บรักในวันนี้ ภาพวันเวลาที่มีเธออยู่ เพราะฉันไม่อาจรู้ ท้องฟ้าพรุ่งนี้เธอเป็นยังไง อาจมีเมฆฝนและลมที่พาเธอจากไป เก็บไว้เป็นความทรงจำดีดีว่าครั้งหนึ่งฉันนั้นเคยมีเธอ…”

ตูนเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นการโพสต์ภาพท้องฟ้าลงอินสตาแกรมครั้งแรก ว่าเกิดจากการอยากถ่ายอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของเขาเลย ตูนเปิดหน้าต่าง วันนั้นเขาเห็นฟ้าสีหม่นๆ คู่กับบ้านหลังหนึ่ง จึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย แล้วโพสต์ลงอินสตาแกรมส่วนตัวพร้อมแคปชั่นสั้นๆ ถ่ายและโพสต์อย่างนั้นเสมอเหมือนเป็นการบันทึกไดอารี จนเพื่อนหลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถ่ายภาพในมุมเดิมตลอดเวลา ตูนจึงตัดสินใจเปิดอินสตาแกรมขึ้นใหม่ในชื่อ t_047 ที่เรารู้จักกันทุกวันนี้

“ไอจีชื่อ t_047 เลียนแบบมาจากชื่อหนังเรื่อง ‘P-047 แต่เพียงผู้เดียว’ ช่วงแรกทำไปแบบไม่คิดอะไร อยากจะถ่ายอะไรก็ถ่าย อยากจะลงอะไรก็ลง เหมือนเป็นไดอารีตัวเอง เช่น วันนี้อกหัก วันนี้มีความสุข อยากจะพูดอะไรก็พูด แล้วก็ทำมาเรื่อยๆ”

หลังถ่ายภาพมาได้ระยะหนึ่ง ตูนเห็นถึงการเกิดขึ้น การจากไป และความไม่ซ้ำเดิม เมื่อมองย้อนกลับไปในสิ่งที่ตัวเองเขียน ก็พบว่ามันไม่ซ้ำกัน เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงทุกวินาที และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับท้องฟ้าคือความสวยงามและความสบายใจ ทั้งเขาก็ไม่ปิดกั้นด้วยว่าท้องฟ้าต้องเหมาะกับใครหรือสิ่งใด

“ท้องฟ้ากับเราไม่สัมพันธ์กันยังไง ไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้สนิทกันด้วย ก็แค่เป็นสิ่งที่สวยงามและหาดูได้ง่าย ณ จุดที่เราอยู่ ด้วยความที่เราโตมาในเมือง โตมาพร้อมกับตึกรามบ้านช่อง โตมากับผู้คนที่มองเราด้วยสายตาแห่งความเร่งรีบไปหมด มันหาความสวยงามยากในที่เหล่านั้น แล้ววันนึงเราแหงนดูข้างบนมันก็เหลือแต่ท้องฟ้า เหมือนเรามองออกไปตอนนี้ สิ่งที่เห็นแล้วสบายใจ ความสวยงามสำหรับเรา คือท้องฟ้า นอกจากจะมีผู้หญิงเดินผ่านมา (หัวเราะ)”

ท่าทางทะเล้นและการพูดคุยด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน ทำให้เราอยากรู้จักตัวตนของเจ้าของไอจีและแฟนเพจที่มีผู้ติดตามรวมกว่า 5 แสนราย

“เป็นผู้ชายที่ปกติมากเลย ค่อนข้างจะแบ่งน้ำหนักกันประมาณหนึ่งว่าเราอยู่ในบทบาทไหน เราอยู่ในที่ทำงานในสังคม เราพูดเรื่องดีได้ อยู่กับเพื่อนก็มีโมเมนต์บ้าบอตามประสาผู้ชาย เป็นคนปกติมากและอยากเป็นมนุษย์ที่ปกติด้วย เรามีความกลัวนะ กลัวคนมาคาดหวังว่า t_047 ต้องนั่งมองท้องฟ้าทั้งวัน เขียนกวี เขียนแต่อะไรพวกนี้ ซึ่งเราอยากใช้ชีวิตให้มันธรรมชาติให้มันเป็นมนุษย์ที่สุด ไม่ต้องมานั่งแล้วแบบว่า ผมก็อืม…มองท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลา (ทำเสียงหล่อ) เรารู้สึกว่ามันไม่ต้องเป็นขนาดนั้นก็ได้”

ตูนบอกว่า t_047 เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเขา แต่เป็นส่วนที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงและสัมผัสได้

“อาจจะเป็นแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดก็ได้ มันเป็นศิลปะ เราเอาความสุนทรียะ เอาสิ่งที่คนเรียกว่าโรแมนติกออกมา แล้วสิ่งนั้นสัมผัสกับผู้คนได้โดยตรงเท่านั้นเอง”

ระหว่างบทสนทนากำลังลื่นไหล ฟ้าค่อยๆ มืดลง การได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าตรงหน้าอย่างช้าๆ เช่นนี้ช่างสวยงามและดีต่อใจ เราจึงถามตูนบ้างว่า ถ้าธรรมชาติเป็นสถานที่พักใจสำหรับผู้คน การมองภาพฟ้าในโลกออนไลน์ช่วยพักใจได้ด้วยหรือไม่

“จากผลตอบรับ เราคิดว่าเป็นอย่างนั้น…เรารู้สึกว่าจริงๆ ถ้าแต่ละคนสามารถนำเสนอมุมที่สวยงามของแถวๆ บ้านตัวเองบ้าง แบ่งปันธรรมชาติให้กัน เราว่าน่าจะกำลังดี น่าจะเป็นอะไรที่สร้างประโยชน์ สร้างความรู้สึกดีให้กับคนอื่นได้ แต่ละคนมีเพื่อนมีคนติดตาม แล้วเราไปเจอดอกไม้ ท้องฟ้า ก้อนเมฆ สวยจังเลย อยากแชร์ให้คนอื่นรู้สึกดีเหมือนเรา”

อีกบทบาทหนึ่งของตูนคือ เป็นนักร้องนำของวง t_047 ซึ่งมียอดวิวหลายล้าน ตูนเล่าว่า การถ่ายภาพท้องฟ้าเกิดเป็นสิ่งแรก ส่วนการแต่งเพลงเกิดขึ้นในลำดับต่อมา

การแต่งเพลงเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา เพื่อให้ความคิดและความรู้สึกของเขาได้ตกตะกอนก่อนเขียนออกมาเป็นเพลง บทเพลงแตกต่างจากแคปชั่นสั้นๆ ตรงที่สามารถใส่รายละเอียด น้ำเสียง และลำดับการเล่าเรื่องได้ รวมถึงความเป็นธรรมชาติที่ถูกสอดแทรกในทุกเพลงด้วย

“เพราะเราชอบความธรรมชาติความธรรมดาด้วยแหละ เราพยายามให้เห็นว่ามันอยู่ในชีวิตเราตลอดนะ เราพยายามมองให้ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เศร้าไม่อะไรกับสิ่งที่ผ่านเข้ามา เพราะเดี๋ยวก็ต้องไป ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเสมอ ไม่เคยซ้ำ การแต่งเพลงก็เลยออกมาในทางนี้”

t047 2 2

t047 2 1

t047 3

Magic Hour – เสน่ห์ดั่งต้องมนตร์ของธรรมชาติ

“…จดจำไว้เพียงสายตา ว่าช่วงเวลานี้ดีเพียงใด นั่งมองเธอที่นั่งมองแสงตะวันลาลับไปเพียงไม่นาน รอยยิ้มเมื่อเธอหันมา ในดวงตาเธอมีเราอยู่ นั่งมองเธอที่นั่งมองความสวยงามที่ค่อยค่อยผ่านเราไป…”

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนติดตาม t_047 คือภาพท้องฟ้าของเขา จริงๆ แล้วเสน่ห์ของท้องฟ้าคืออะไรกันแน่ในความคิดของตูน

“เราว่าเสน่ห์มันคือการเอาแน่เอานอนไม่ได้ เราไม่รู้ว่าวันนี้มันอาจจะชมพูสวย เหลือง หรือจะครึ้มฝนหรืออะไร มันจะไม่มีการเฝ้ารอเกิดขึ้น เพราะท้องฟ้ามันฟิกซ์ไม่ได้ขนาดนั้นด้วยเวลาและสถานที่ มองท้องฟ้าต่างที่กัน ความสวยยังไม่เหมือนกันเลย (หัวเราะ) สายรุ้งไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ทุกวัน มันต้องอาศัยสภาพอากาศและทุกอย่างเข้ามาช่วย เสน่ห์คือมันไม่พยายามให้คนต้องมาคิดว่ามันสวยงาม แม้กระทั่งท้องฟ้าที่พระอาทิตย์กำลังตกไม่ใช่ทุกคนที่มองว่ามันสวยงาม บางคนอาจจะไม่รู้สึกอะไรก็ได้ คุณต้องเจอด้วยตัวเอง บางวันเจอเจ้านายด่า เจออะไรที่ไม่โอเคในชีวิต แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า คุณก็จะรู้สึกและได้รับเอง”

ท้องฟ้ามอบอะไรให้ตูนมากมาย สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือทำให้เขาเห็นถึงชีวิตที่ไม่แน่นอน แล้วต่อยอดสิ่งเหล่านั้นออกมาเป็นบทเพลงและศิลปะภาพถ่าย แต่นอกจากท้องฟ้า เขายังชอบความรู้สึกเวลาไปทะเลด้วย

“จริงๆ เราชอบฟีลตอนไปทะเลมากกว่า ทะเลเป็นพื้นที่ที่หลายคนไปรวมตัวกัน ไปดูวิว ไปเล่นน้ำผ่อนคลาย แล้วบังเอิญมองฟ้ามันสวย หลายคนมาดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน มันเป็นเหมือนมนตร์วิเศษบางอย่างที่ทำให้คนที่ไม่รู้จักกัน ณ จุดหนึ่งได้รู้ว่ามีคนที่สนใจแบบเดียวกับเรา แล้วเมจิกมันเป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่า มันจึงเรียกว่าชั่วโมงต้องมนตร์ไง”

หลายคนคงสังเกตได้ว่าเทรนด์การถ่ายภาพท้องฟ้าในอินสตาแกรม รวมถึงโลกออนไลน์ เริ่มมีมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ทว่า t_047 ก็เป็นไอจีหนึ่งที่ทำให้คนออกมาแชร์ ออกมาเผยแพร่ความสวยงามของท้องฟ้า ตูนคิดอย่างไรกับสิ่งนี้

“เราเห็นว่าเทรนด์การถ่ายท้องฟ้าออกมาหลังจากที่เราทำ มันอาจจะมาจากเราหรือไม่เกี่ยวเลยก็ได้ ถามว่าภูมิใจไหม ก็ไม่เชิงภูมิใจ แต่เป็นความดีใจมากกว่า ที่รู้สึกว่าทำให้เขาได้เห็นสิ่งสวยงามที่มันอยู่รอบตัวได้ แบบบางคนในไอจีมีแต่การอวด อย่างน้อยในนั้นมีท้องฟ้าคั่นสักรูปหนึ่งก็น่ารักดี คนที่ถ่ายท้องฟ้าถ่ายป่าไม้ เราจะรู้สึกว่าคนแบบนี้มีเสน่ห์จัง”

t047 4

t047 2

t047 6

หลังคา – คน สัตว์ และป่า ทุกสิ่งอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน

เราพูดถึงธรรมชาติ ส่วนธรรมชาติของตูน นอกจากสิงสาราสัตว์และป่าไม้แล้ว เขายังหมายถึงการได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและใกล้ชิดกับความสวยงามของสิ่งที่โลกใบนี้สร้างขึ้น

“เรารู้สึกว่าธรรมชาติมันสำคัญกับมนุษย์ มันควรรักษา เพราะธรรมชาติเป็นจุดกำเนิดของความเป็นทุกอย่าง ธรรมชาติอยู่ในทุกอย่างได้ แล้วทุกอย่างมันจะออกมาโอเค เราอยากให้ทุกคนเห็นเหมือนเราว่าจริงๆ ท้องฟ้ามันใกล้มาก บางทีคนบอกว่าฉันจะออกไปตามหาธรรมชาติ ต้องขับรถไปไกลอะไรอย่างนี้ ซึ่งถ้ามันไม่มีเวลาขนาดนั้น ลองหาเวลาว่างดูท้องฟ้า ลองแหงนขึ้นไปมองบ้าง คุณก็เห็นธรรมชาติ เห็นก้อนเมฆอะไรแล้ว”

ตูนยังให้ความเห็นว่า บ้านและโลกของธรรมชาติต่างเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันมาโดยตลอด

“ธรรมชาติคือบ้านของสัตว์ ใช่-บ้านของมนุษย์ถูกดีไซน์มาให้เป็นรูปร่างของอิฐหินดินปูน แต่อย่าลืมเราก็เป็นส่วนหนึ่งของบ้านคือธรรมชาติมาโดยตลอด ทุกอย่างที่เรากระทำมันกำลังส่งผลกระทบต่อบ้านของใครหลายๆ คน ไม่ว่าจะในป่าในอะไรก็ตาม เราเปลี่ยนมุมมองก่อน มนุษย์มองทรัพยากรเป็นโปรดักส์ค่อนข้างเยอะ เรารู้ว่ามันจำเป็นต้องใช้ แต่เราจะใช้ยังไงให้เกิดผลกระทบต่อส่วนรวมน้อยที่สุด เราต้องใช้ไม้ใช้พลาสติก ขณะเดียวกันเราก็ต้องแคร์การจัดการสิ่งเหล่านี้ด้วย มันต้องเริ่มรู้สึกก่อนว่าเรากำลังใช้บ้านร่วมกันอยู่นะ ไม่ใช่บ้านของคนคนเดียว”

และในฐานะของ t_047 บนโลกออนไลน์ และโลกแห่งเสียงเพลง เขามีบทบาทอย่างไรต่อโลกของธรรมชาติ

“เพื่อทำให้หลายคนเห็นความสำคัญของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ สำหรับเราและสิ่งที่ t_047 ทำคือ บอกให้คนรุ่นใหม่รู้ว่าธรรมชาติสวยงาม บอกว่าครั้งหนึ่งมีอินสตาแกรมที่บันทึกท้องฟ้าและทำเพลงที่เกี่ยวกับธรรมชาติ ถ้าไม่มีท้องฟ้าที่ดี มันอาจจะไม่มีเพลง ‘Magic Hour’ ไม่มีเพลง ‘เพียงฤดู’ หรืออาจจะไม่มีเพลง ‘แม่กำปอง’ หากวันนั้นภาพที่เราไปเจอแม่กำปองเต็มไปด้วยฝุ่นควันและควันไฟ เราแค่หวังว่าเราอาจจะเป็นอีกทางที่ช่วยได้ อย่างน้อยเราอยู่ในจุดที่มีคนฟังเพลงเรา มีคนติดตามเรา เราได้เงินมาจากคนกลุ่มนี้ แล้วถ้าเราให้แต่ความบันเทิง เราว่ามันไม่แฟร์”

ช่วงท้ายเราพูดคุยถึงกลุ่มคนที่รักและตั้งใจรักษาธรรมชาติเพื่อให้บ้านของพวกเราสวยงามยิ่งขึ้น และขอความเห็นจากตูน

“เราว่าเขาแคร์กว่าเราอีก ซึ่งเราต้องบอกว่าขอบคุณมากที่รักธรรมชาติเหมือนเรา เรื่องพวกนี้มันต้องใช้ใจสัมผัสในระดับหนึ่งเลย ซึ่งเราไม่อยากให้แบ่งแยกถึงขนาดที่ว่าพวกนั้นทำลายธรรมชาติ ผมเกลียดคุณ สุดท้ายมันก็เกิดความขัดแย้งกันระหว่างคนที่รักธรรมชาติกับคนที่ไม่เข้าใจ เราไม่อยากให้คนคนหนึ่งปกป้องธรรมชาติจนไปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน สำหรับคนที่ทำอยู่ เราเชื่อว่ากำลังใจเขาดีอยู่แล้ว ก็เป็นกำลังใจให้และขอบคุณจริงๆ จากใจ”

บทสนทนาเสี้ยวหนึ่งในวันนั้น มีเพลง “หลังคา” ผลงานหนึ่งของวง t_047 คลอปิดท้ายอยู่ในใจเราด้วย

“…ไม่มีสายธารที่เย็นฉ่ำ ไม่มีสายลมจากฟ้า แต่จะเป็นหลังคา ในทุกเวลา ที่เธอเหนื่อยล้า ฉันไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ ไม่มีอะไรให้พักพิง เพียงคุ้มครองจากสิ่งที่โหดร้าย…”


มาร่วมกับเป็นส่วนหนึ่งในการสานสัมพันธ์กับธรรมชาติด้วยกันใน

เฟซบุ๊กกรุ๊ป Park ใจ > คลิกที่นี่

ชวน Park ใจ โดย นิตยสารสารคดี นายรอบรู้ นักเดินทาง สนับสนุนโดย เพจความสุขประเทศไทย และ ธนาคารจิตอาสา