เรื่อง : วรรณรดา สุราช

สิ่งดีๆ ในชีวิต : ความสุขอยู่ไม่ไกล เพียงอยู่ที่เราเลือกมอง

ใครๆ ก็ต้องการความสุข อยากให้สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตกันทุกคนใช่ไหมคะ?

ความสุขของแต่ละคนอาจจะเหมือนหรือต่างกันไป

ดี ไม่ดี ที่แต่ละคนคิดอาจไม่เหมือนกัน

บางคนมองว่าบางเรื่องนั้นแสนธรรมดา

แต่บางคนกลับมองเห็นว่าสิ่งธรรมดานั้นช่างดีเหลือเกิน

หรือบางอย่างที่เคยทำให้เรารู้สึกดี นานวันเข้าก็กลับรู้สึกเฉยๆ เห็นเป็นเรื่องธรรมดา

ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขหรือรู้สึกว่าสิ่งนั้นมันดีเสียแล้ว

เคยเป็นแบบนี้กันบ้างหรือเปล่าคะ?

มีใครเคยมานั่งคิดไหมคะ ว่าอะไรคือสิ่งดีๆ ในชีวิตของเรา

บางคนอาจบอกว่าสิ่งดีๆ ในชีวิตมีมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว

แต่บางคนก็อาจคิดว่าแทบไม่เคยพบเจอสิ่งดีๆ ในชีวิตเลย

สำหรับใครที่คิดแบบหลัง

อยากให้ลองอ่านเรื่องราวในบรรทัดถัดไปดูค่ะ

happiness01 1

#1 หลายครั้งช่วงที่เป็นหวัด จมูกก็จะตันๆ โดยเฉพาะเวลาจะนอน

หรือนอนไปแล้วก็ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะหายใจไม่ค่อยออก

พอหายจากหวัด ก็รู้สึกว่าการหายใจด้วยจมูกที่โล่งๆ นี่ช่างดีจริงๆ

happiness02 1

#2 ย้อนกลับไปตอนมัธยมต้น มีช่วงหนึ่งที่หูแอลไม่ค่อยได้ยินอะไร

มีวันหนึ่งครูเรียกอยู่หลายครั้งกว่าเราจะหันไป

ครูก็ต่อว่าหาว่าเราแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

แอลไม่ได้แกล้ง แต่มันไม่ได้ยินจริงๆ

สุดท้ายก็เลยไปหาหมอ

หมอบอกว่าน่าจะเป็นเพราะใช้คอตตอนบัด

นานวันเข้าขี้หูก็อุดเข้าไปข้างในและแพ็กตัวแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วหมอก็ค่อยๆ ใช้เครื่องมือ “ขุด” เอาขี้หูที่อยู่ลึกๆ ออกไป

เจ็บมาก…แต่ก็ดีใจมากที่กลับมาได้ยินเป็นปกติอีกครั้ง

หลังจากนั้นแอลก็แทบไม่ได้ใช้คอตตอนบัดอีก

และรู้สึกขอบคุณคุณครูท่านนั้นที่ทำให้เรารู้ตัวว่าหูไม่ปกติ

happiness03 1

#3 หลายปีก่อนแอลต้องเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกที่ปีกมดลูก

เนื้องอกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 7 เซนติเมตร!

หลังผ่าตัดต้องพักอยู่ที่บ้านนาน 1 เดือนเพื่อให้แผลสมานกัน

ช่วงนั้นเวลาเดินก็ต้องค่อยๆ เดิน

หมอบอกให้เดินขึ้นลงบันไดแค่วันละรอบก็พอ ถ้าเยอะไปแผลอาจปริได้

และเวลาจะไอจะจามก็ให้เอาหมอนมากอดไว้

แต่ในชีวิตจริงคนจะไอหรือจามเราไม่ได้รู้ล่วงหน้านานนัก

และเราก็ไม่ได้กอดหมอนอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นไอ จาม หรือหัวเราะแต่ละที ก็จะมีเสียงโอยตามมาทุกครั้ง

ตอนนี้หลังจากแผลหายสนิทแล้ว

เวลาไอ จาม หัวเราะ ก็ไม่ต้องร้องโอยๆ อีก

จะเดิน กระโดด หรือขึ้นลงบันไดกี่รอบ ก็ไม่เจ็บแผลเลย

happiness04 1

#4 ต่อมาแอลก็มีอาการตาแห้งมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เกี่ยวกับการผ่าตัดครั้งก่อน

แต่เป็นเพราะการใส่คอนแท็กต์เลนส์มายาวนาน ใส่ทุกวันตั้งแต่อยู่มัธยมต้น

มีอาการเคืองตา แสบตาอยู่เรื่อยๆ

หมอบอกว่า ถ้าจะใส่คอนแท็กต์เลนส์ต่อ ให้ใส่ได้แค่วันละไม่เกิน 4 ชั่วโมงเท่านั้น หรือไม่ก็ใส่แว่นไปเลย

แต่เวลาแอลใส่แว่นแล้วจะปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ และก็เจ็บหูด้วย

เพราะสายตาสั้นมากถึง 700 แว่นก็เลยหนาและหนัก

สุดท้ายเลยตัดสินใจทำเลสิก ผ่าตัดเพื่อแก้ไขสายตาโดยใช้เลเซอร์

ทุกวันนี้จึงใช้ชีวิตสบาย แม้ยังต้องหยอดน้ำตาเทียมอยู่บ้าง

แต่ตาก็ไม่ค่อยแห้งเหมือนแต่ก่อนแล้ว

และจะใส่แว่น (ตัดแสงสีฟ้า) ก็เฉพาะเวลานั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์

เพราะหลังผ่าตัดตาจะเซนซิทีฟกับแสงมากกว่าปกติ

ตื่นมาโลกจึงสดใสทันทีสำหรับแอล

happiness05 1

#5 สามสี่ปีก่อนเป็นช่วงที่อายุเพิ่งเข้าเลข 4 ก็พยายามฟิตออกกำลังกายทุกวัน

ด้วยการฝึกโยคะเช้าเย็น แต่หักโหมและฝืนร่างกายมากเกินไป

จนมีวันหนึ่งในระหว่างที่ฝึกอยู่ก็มีอาการปวดหลังมากๆ ก้มแทบไม่ได้เลย

ไปหาหมอ หมอก็ให้มาแค่ยาทาคลายกล้ามเนื้อ

แอลทั้งทายา ประคบร้อน แล้วก็ไปฝังเข็ม ใช้เวลากว่า 2 เดือนจึงหายเป็นปกติ

ทำให้ตอนนี้เพียงแค่ก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าได้โดยไม่ปวดหลังนี่ ก็รู้สึกดีได้ง่ายๆ แล้ว

happiness06

#6 เมื่อหลายปีก่อนแอลเครียดมาก มีปัญหาทั้งเรื่องงานและเรื่องคน

รู้สึกจมดิ่ง ในหัวมีแต่เรื่องลบๆ ไม่มีความสุขเลย

แถมยังมีนิสิตมาปรึกษาเรื่องอาการซึมเศร้าอีก

แรกๆ ฟังก็เครียดมาก ร้องไห้ตามไปด้วยทุกครั้ง

แต่หลังจากพยายามฟื้นฟูสภาพจิตใจตัวเองด้วยวิธีต่างๆ

พยายามพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีพลังบวก

อยู่ใกล้ๆ และพูดคุยกับคนที่เราสบายใจที่จะอยู่ด้วย

ระบายความรู้สึกด้วยการเขียนไดอะรี

ฟังเรื่องบวกๆ ในยูทูบทุกเช้า

ใช้หินคริสตัลบำบัด

ใช้ aromatherapy บำบัดด้วยกลิ่นน้ำมันหอมระเหย

ออกกำลังกายให้เหงื่อออก

ใช้ดนตรี เสียงคลื่น เสียงป่า เสียงขันทิเบต บำบัดให้จิตใจผ่อนคลาย

หลังจากทำหลายสิ่งหลายอย่างผ่านไปสักพักแอลก็เริ่มตั้งสติได้

ค่อยๆ แยกแยะว่าอะไรที่เรา “แก้ได้” และอันไหนที่เรา “แก้ไม่ได้”

แล้วก็โฟกัสไปที่สิ่งที่แก้ได้เท่านั้น

เรื่องงานก็ขอคำปรึกษาจากคนอื่นๆ และเอาประสบการณ์ที่มีอยู่มาใช้ แล้วค่อยๆ แก้ไขไป

ส่วนปัญหาเรื่องคน มีคนแนะนำว่าให้พาตัวเองออกมาจากบรรยากาศลบๆ

เราแก้ที่คนอื่นไม่ได้ แต่เราแก้ที่ตัวเองได้

ก็เลยปรับที่ใจตัวเองแล้วค่อยๆ ปล่อยวาง

พอวางได้ จากที่ยิ้มไม่ออกเลยก็ค่อยๆ ยิ้มได้มากขึ้นเรื่อยๆ

และแม้จะมีนิสิตที่เป็นโรคซึมเศร้ามาขอคำปรึกษาอีกหลายครั้ง เราก็ไม่ได้ร้องไห้ไปกับเขาแล้ว

แต่สามารถรับฟัง ยิ้ม ให้กำลังใจ และทำให้เขามีรอยยิ้มกลับไปได้ด้วย

ครั้งหนึ่งเด็กคนนี้และเด็กอีกหลายคนบอกว่า เขาโชคดีที่มีแอลเป็นที่ปรึกษา

ทำให้แอลยิ้มแก้มปริ รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เพราะสิ่งที่เราทำนั้นเป็นประโยชน์กับคนอื่น

ทุกวันนี้วันไหนเบื่อๆ หรือมีเรื่องทุกข์ท้อใจ ก็จะมองย้อนกลับไป

มีอะไรมากมายที่เราผ่านมาได้

พอนึกถึงวันที่หายใจไม่ค่อยออก แต่วันนี้จมูกมันโล่ง

ก็รู้สึกขอบคุณที่วันนี้หายใจได้สบายๆ

พอนึกถึงวันที่เราแทบไม่ได้ยินอะไร แต่วันนี้หูเราเป็นปกติ

การตื่นมาตอนเช้าแล้วได้ยินเสียงนกร้อง เสียงเพลง หรือเสียงอะไรก็ตาม

ก็รู้สึกขอบคุณที่วันนี้หูของตัวเองยังได้ยินอยู่

พอนึกถึงวันที่เราเพิ่งผ่าตัด จะเดิน ไอ จาม หัวเราะ ก็ต้องระวังไปหมด

แต่วันนี้แผลหายสนิทแล้ว

ก็รู้สึกขอบคุณที่วันนี้เรายังเดินได้ กระโดดได้ จะไอ จาม หัวเราะ ก็ไม่เจ็บเหมือนตอนนั้นแล้ว

พอนึกถึงวันที่เราตาแห้งจนแสบและมองไม่ค่อยชัด

แต่วันนี้ลืมตาตื่นขึ้นมาตาไม่แห้งเหมือนแต่ก่อน แถมยังมองเห็นชัดกว่าเดิมด้วย

ก็รู้สึกขอบคุณที่วันนี้เรายังมองเห็นได้ชัดขนาดนี้

พอนึกถึงวันที่เราปวดหลังจนก้มไม่ได้ แต่วันนี้ก้มได้สบายๆ

ก็รู้สึกขอบคุณที่วันนี้หลังยังใช้การได้ดีอยู่

พอนึกถึงวันที่ทุกข์มากเครียดมาก แต่วันนี้ไม่ได้เจอปัญหาหนักแบบนั้น

ก็รู้สึกขอบคุณตัวเอง ขอบคุณคนรอบตัว ที่ช่วยให้เราผ่านเรื่องราวต่างๆ มาได้

ขอบคุณนิสิตที่ทำให้แอลได้รู้ว่าตัวเองมีประโยชน์กับคนอื่นๆ

ขอบคุณผู้คนที่ได้รู้จัก ได้พบเจอ แล้วมอบบทเรียนต่างๆ ให้

ช่วยให้แอลเติบโตมากขึ้น และเป็นคนที่เข้มแข็งกว่าเดิม

happiness07

ถ้ามีคนมาถามว่า “อะไรคือสิ่งดีๆ ในชีวิต”

แอลก็คงจะตอบว่า

“สิ่งดีๆ ในชีวิตอาจเป็นแค่การที่ยังมองเห็นท้องฟ้า พระจันทร์ ดอกไม้บาน รอยยิ้ม ธรรมชาติรอบๆ ตัว

การที่ยังได้ยินเสียงเพลง เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ

ยังเดินได้ กระโดดได้

จมูกโล่ง หายใจสบาย

และการที่สามารถผ่านเรื่องราวต่างๆ มาได้ จนเป็นเราในวันนี้ที่เติบโตและเข้มแข็งมากขึ้น

ที่สำคัญคือ การได้รู้ว่าชีวิตจะสุขหรือทุกข์เพียงใดขึ้นอยู่กับมุมมองของเรามากกว่าสิ่งอื่นใด

และนี่คือสิ่งดีๆ ส่วนหนึ่งในชีวิตของแอล

แล้วคุณล่ะคะ สิ่งดีๆ ในชีวิตของคุณคืออะไร?

ถ้ายังนึกไม่ออก ลองนึกย้อนถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาดูนะคะ

แล้วคุณก็อาจจะพบว่า

สิ่งดีๆมีอยู่รอบตัว และอาจเป็นเรื่องง่ายๆ กว่าที่เคยคิดไว้ เพียงแค่ลองเปิดใจมอง.