เรื่องและภาพ : จริยา ชูช่วย

เมื่อเม็ดฝนเต้นระบำ ทำให้รู้ว่าฉันกลัวฝนตอนโต

เม็ดฝนเต้นระบำได้บนใบไม้หลายชนิดไม่เฉพาะบนใบบอน”

ฉันกลับบ้านแล้วนั่งลงบนม้าหินตัวเดิมตรงระเบียง จดจ่อรอสายฝนค่อยๆ เทลงมา แน่นอนว่าฝนใต้เดือนอ้ายเดือนยี่ไม่เคยปรานีใคร ไม่หยุดไว้แค่ความชุ่มพอฉ่ำ แต่ใจดีสุดๆ จัดให้แบบท่วมทะลัก

ณ วินาทีที่ฝนโปรย ต้นไม้ชูคอยิ้มให้เม็ดฝน ชี้ชวนทำหน้ายวนยีเหมือนจะตะโกนว่า แน่จริงตกลงมาเยอะๆ เลยสิ เราจะได้เล่นสนุกด้วยกัน ไม่ทันขาดคำ ฝนก็เทลงมาอย่างสาสม ฉันนั่งพิจารณาดูเขาทั้งสองผ่านจินตนาการของตัวเอง แล้วความจริงที่ว่าเม็ดฝนไม่ได้เต้นระบำเฉพาะกับใบบัวก็ปรากฏตรงหน้า

ใบกล้วย ใบขิง ใบตะลิงปลิง ใบคะน้า ใบกุหลาบ ต่างสนุกสนานเหมือนๆ กันเมื่อได้เป็นเวทีให้เม็ดฝนเต้นระบำ

ฉันยิ้มให้กับฝนห่านั้น 🙂

มรสุมเข้าภาคใต้ฝั่งตะวันออก 25-28 พฤศจิกายน..”

raining02

ฉันกลับบ้านมาในช่วงมรสุมพอดี หลังจากห่างหายบ้านหลังนี้ช่วงหน้าฝนไปร่วม 17 ปี กรมอุตุฯ พยากรณ์แม่นยำขึ้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ชาวบ้านตระเตรียมของกิน ของใช้ รอไว้แล้ว ข้าวสารอาหารแห้งพร้อมสรรพ หากออกจากบ้านไม่ได้ 1 เดือน ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะยังมีกับข้าวอร่อยกินทุกมื้อ

ตั้งแต่จำความได้พวกเขาไม่เคยตื่นตกใจกับคำว่า “น้ำท่วม มรสุม น้ำป่าไหลหลาก” เพราะตระหนักดีว่านี่คือฤดูกาล และมันเกิดแบบนี้มาชั่วชีวิต เพียงพอที่มนุษย์จะเรียนรู้ ปรับตัว เตรียมตัว และเอาตัวรอด

ฤดูฝนจึงเป็นฤดูที่พวกเรารอคอย เพราะต้นไม้กลับมามีชีวิต เขียวชอุ่ม สบายตา หากน้ำท่วมต้นไหนไม่ชอบน้ำก็ตายไป ต้นไหนรอดก็อยู่ต่อ เป็นการคัดเลือกโดยธรรมชาติ เป็นฤดูที่ปลาเยอะที่สุด เรารอคอยปลาน้ำแรกเมื่อเข้าหน้าฝนเสมอ เพราะรู้ว่าทันทีที่ฝนลงและน้ำเริ่มท่วม เจ้าปลาจะออกเดินทาง หนทางหนึ่งที่ปลาไม่ได้คาดคิดก็คือปากท้องของพวกเรา

ยิ่งพวกเด็กๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาดีใจขนาดไหนที่ฝนตก ทุกคนลุ้นให้น้ำสูงขึ้นอีกๆ เพื่อโรงเรียนจะได้ประกาศหยุดเรียน และนั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาใช้วิชาทักษะชีวิตเต็มที่ เริ่มจากเล่นน้ำบนถนน ซึ่งสนุกยิ่งกว่าเล่นในสระน้ำที่โรงเรียนเสียอีก เพราะน้ำในฤดูน้ำหลากมีกระแสกึ่งเชี่ยว มีหลุมบ่อ ให้พวกเขาท้าทายและระวังตัว ต่อด้วยวิชาหาปลา แต่ละคนงัดอุปกรณ์หาปลาจากกรุในบ้านออกมาปัดฝุ่น เบ็ดเอย เบ็ดธงเอย กัด ไซ ฯลฯ แล้วแต่บ้านใครมีแบบไหน

แม้แต่ความสัมพันธ์เล็กๆ ของสรรพสิ่งที่เรามองข้ามก็เกิดขึ้นในหน้าฝน เช่น “ไส้เดือน” ที่ช่วยเราพรวนดิน พอน้ำเริ่มท่วมจะออกมาบนผิวดินเพื่อหาที่ปลอดภัย ในช่วงนี้เด็กๆ จะจดจ้องจับเจ้าไส้เดือนใส่ขวดไปเกี่ยวเบ็ดเป็นเหยื่อปลา

หลังเล่นน้ำจนเหนื่อย ถึงเวลากลับบ้าน เขารู้ว่าถ้ามีปลาเล็กปลาน้อยติดมือ อย่างแรกละจะไม่โดนพ่อแม่ด่าที่หนีมาเล่นน้ำทั้งวัน อีกอย่างพวกเขาภูมิใจกับความสำเร็จเล็กๆ ระหว่างวันนี้มาก ความตื่นเต้น เสียงโห่ร้อง และรอยยิ้มเมื่อได้ปลาไม่ต่างจากตอนเรียนได้เกรดดีเลย

ฉันยิ้มให้กับฝนห่านั้น 🙂

raining03
raining04

ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่…..ต้องการสิ่งของดังนี้….”

พวกเราคือผู้ประสบภัย

เอาจริงๆ ฉันก็คุ้นเคยกับคำนี้ไม่นาน และเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ประสบภัยก็เมื่อเพื่อน พี่น้องจากต่างภาค ต่างจังหวัดโทรศัพท์มา ไลน์มาบ้างว่า “เป็นยังไงบ้าง เห็นในข่าว น้ำท่วมหนักเลย ต้องการอะไรไหม?” ถึงขั้นต้องไปเปิดโทรทัศน์ดูเลยว่า เอ๊ะ! ในข่าวบอกว่าพวกเราเป็นอะไร ทำไมถึงมีคนห่วงใยถามไถ่ไม่ขาดสาย

“ผู้ประสบภัยน้ำท่วม”

เขาบอกว่าเราคือคนนี้

ไม่เฉพาะฉัน ชาวประมงพื้นบ้านลุ่มน้ำทะเลสาบก็คงงงไม่แพ้กัน วันน้ำหลากคือวันที่พวกเขาดีใจ เร่งทำมาหากิน ได้ปลาเป็นกอบเป็นกำ เป็นวันเดียวกับที่มีคนนำถุงยังชีพใส่บะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง และข้าวสาร นั่งเรือท้องแบนมามอบให้ถึงบ้าน

เราควรให้ปลาเขาตอบแทน หรือควรทำตัวให้น่าสงสาร เพื่อไม่ให้เขาเสียน้ำใจ?”

ที่เห็นน้าๆ ลุงๆ เกร็งๆ ตอนรับ ไม่ใช่อะไร เขาก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนฉันนี่แหละ ตามบทบาทของผู้ประสบภัยเราจะยิ้มแย้มอย่างไรได้ ให้คนมีน้ำจิตน้ำใจเขาเสียขวัญ

ฉันยิ้มให้กับฝนห่านั้น 🙂

ฝนตกหนัก น้ำเจิ่ง รถติดยาว ไปทำงานไม่ได้”

raining05
raining06

ฉันได้ยินประโยคแบบนี้บ่อยขึ้นเมื่อมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ สารภาพว่าช่วงแรกก็ปรับตัวยากที่ต้องรังเกียจและกลัวสายฝน อารมณ์เหมือนวันหนึ่งมีใครสักคนเดินมาบอกว่าให้เกลียดกลัวเพื่อนที่เล่น ที่โต ที่หัวเราะมาด้วยกัน ด้วยความผิดที่ว่าเม็ดฝนทำให้เขาไปทำงานไม่ได้ ทำให้เขาเปียก ทำให้เขาเสียเวลาบนถนน ทำให้เขาคันเนื้อคันตัว ฉันเองก็เช่นกัน ทุกครั้งที่โดนเม็ดฝน ต้องรีบกลับไปอาบน้ำ ล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด

เมื่อเปลี่ยนสถานที่ เราต้องกลัวเพื่อนเก่าขนาดนี้เลยเหรอ

ฉันร้องไห้ให้กับฝนห่านั้น T T

เม็ดฝนทำให้ฉันกลับมาทบทวนและตั้งคำถามกับตัวเอง

“ฉันเริ่มเกลียด กลัวเม็ดฝนตอนไหน”

ตอนฝนตกหนัก ตอนฝนปรอยๆ ตอนฝนตก 3 วัน 3 คืน ตอนฝนตกในวันทำงาน ตอนฝนตกเมื่อฉันอยู่ในเมืองใหญ่ ฯลฯ และค้นพบคำตอบว่า

ฉันกลัวเม็ดฝนก็เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่นี่แหละ”

raining07
raining08

เพราะไม่มีเด็กคนไหนกลัวฝน ฝนลงคราใดเหมือนเปิดม่านการแสดง อยากออกไปเล่นเสียเดี๋ยวนั้น ร่ม หมวก เสื้อกันฝน รองเท้าบูตไม่เคยต้องการ ขอแค่ได้เล่นกับเพื่อนชื่อเม็ดฝน

วันนี้ วันที่เราเป็นผู้ใหญ่ เม็ดฝนยังคงมาชวนเราเล่นและเต้นระบำบนไม้ใบสวยเหมือนเดิม

เธออยากเต้นระบำเหมือนเม็ดฝนไหม ลองถอดวิญญาณผู้ใหญ่ออก แล้วทำหน้ายวนยีเหมือนต้นไม้ที่ตะโกนว่า แน่จริงตกลงมาเยอะๆ เลยสิ เราจะได้เล่นสนุกด้วยกัน

จากนั้นก็แค่สนุกกับเม็ดฝน เช่นวัยเด็ก

ฉันจะยิ้มให้กับฝนทุกห่า 🙂

….

บันทึกสิ่งดีๆ ในวันน้ำท่วมอยู่กับบ้านวันที่ 3

พัทลุง