เรื่องและภาพ : โสภา ปัญญาแสง

ป่าไผ่ - ทำใจ…ในป่าสุข

“บอส…สวัสดีค่ะ วันนี้แต่งตัวสวยจังค่ะ” เสียงกล่าวทักทายพร้อมยกมือไหว้

หญิงสาววัยกลางคนในชุดแซคสีครีม รองเท้าส้นสูง ผิวขาวนวลเนียน เหลียวมองที่มาของเสียง พร้อมรับไหว้และส่งยิ้มให้ลูกน้องในแผนก เวลานี้ฉันมีความสุขจริงๆ ที่ก้าวมายืน ณ จุดนี้ได้ มีคนนับหน้าถือตาให้ความเคารพมากมายและอยากคบค้าสมาคมด้วย

ฉันกำเหรียญบาทในมือแน่น สะดุ้งกับเสียงเรียก

“กาแฟได้แล้วค่ะ”

“มีแต่เหรียญบาทนะคะทั้งหมด 25 เหรียญเลยค่ะ”

“ไม่เป็นไรจ้า…กำลังต้องการเหรียญไว้ทอนพอดี”

ฉันยิ้มเขินๆ อายนิดหน่อยแล้วขับรถจากไป ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ จากจุดที่คิดว่าสูงสุดเผลอแป๊บเดียวร่วงลงมาจุดต่ำสุดของชีวิตได้อย่างไร

pasuk02
pasuk03

เมื่อก่อนฉันเป็นพยาบาลวิชาชีพ ทุ่มเทกับการทำงานจนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกทารกแรกเกิด มีลูกน้องมีผู้คนให้ความเคารพ นอกจากนั้นยังทำธุรกิจควบคู่ไปด้วยจนเปิดบริษัทของตัวเอง มันช่างเป็นช่วงเวลาอันแสนสุข เพราะทั้งงานประจำและธุรกิจไปได้ดี ยิ่งตอกย้ำความสำเร็จของชีวิต ชื่อเสียง เงินทองมีพร้อมสรรพ ฉันตัดสินใจยื่นใบลาออกจากพยาบาลเพื่อออกมาลุยธุรกิจอย่างเดียว

ฉันซื้อคอนโดฯ โครงการของนักลงทุนเพื่อเก็งกำไรขายต่อให้ชาวต่างชาติหรือนักลงทุนในประเทศ ปลายปี 2562 ตลาดธุรกิจอสังหาฯ เริ่มฝืด เศรษฐกิจตกต่ำ แต่ก็ยังพอเคลื่อนไปได้ ไม่ทันคิดว่านี่มันแค่เริ่มต้น ก่อนพายุลูกใหญ่จะถล่มเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดช่วงต้นปี 2563

“ล็อกดาวน์ ต่างชาติเข้าไทยไม่ได้”

“นักลงทุนในไทยก็ชะลอการลงทุน”

“กำลังซื้อลดลง”

“โครงการไม่ยอมให้เลื่อนวันโอนห้อง”

เมื่อผิดสัญญาไม่มีคำว่าผ่อนผันหรือเห็นใจ โลกของธุรกิจมีแค่กำไรหรือขาดทุน ทุกอย่างคือ เงิน เงิน และก็เงิน บริษัทต้องปิดกิจการ เงินหลายล้านถูกยึดหายไปในพริบตา ชีวิตมืดมิดไม่มีแม้แสงสว่างเล็ดลอดออกมา ยามสุขเพื่อนเห็นเรา ยามยากเราเห็นเพื่อน ในวันที่เหน็บหนาว ในโลกที่มืดมน ไม่มีสักคนยื่นมือฉุดดึงให้ลุกขึ้น“แม้แต่หมายังเมิน”ช่างเป็นประโยคที่กระแทกถึงก้นบึ้งของหัวใจทีเดียว

คนฆ่าตัวตายแทบทุกวัน คนประท้วงเงินเยียวยาจากรัฐบาล คนตกงาน โรงงานปิด บริษัทปิดกิจการ ความเดือดร้อนแผ่ซ่านไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ข่าวนำเสนอเรื่องแบบนี้ซ้ำๆ ทั้งในจอทีวี ในโลกโซเชียล ตอกย้ำความมืดมิดของชีวิต สมองมีแต่เรื่องเหล่านี้จนรู้สึกเป็นภาพที่ตามหลอกหลอนอยู่แทบตลอดเวลา ณ เวลานี้อย่าว่าแต่หาทางออกเลย แค่ทรงตัวให้หายใจต่อยังลำบาก เพราะนี่ไม่ใช่แค่เริ่มจากศูนย์ แต่คือชีวิตที่ติดลบ

“เอี๊ยด……ถึงสักที” ฉันเบรกรถแทบหัวทิ่ม

pasuk04
pasuk05

ป่าไผ่เป็นทิวแถวเรียงรายแตกยอดผลิใบเขียวขจี เอนไหวตามแรงลม เสียงกอไผ่กระทบกันดังเป็นระยะ กอไผ่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรง เข้มแข็ง ต้านทานแรงลมได้ดีเยี่ยม แม้ลมพายุโหมกระหน่ำเพียงใด กอไผ่ก็ยังเหยียดลำตรงได้เหมือนเดิม ชีวิตคนเราก็ควรเป็นเช่นกอไผ่ ไม่ว่าเจอพายุร้ายแค่ไหนก็จะต้องยืนหยัดให้ได้เช่นกัน

ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ความคิดที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ! และความสุขก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

ในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จากกรรมการผู้จัดการกลายเป็นกรรมกร จากเศรษฐีนีกลายเป็นเศรษฐีหนี้ จากผู้คนห้อมล้อมมากมาย เหลือเพียงคนในครอบครัว “หึๆๆ ”…ฉันหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ดูเหมือนทุกอย่างจะเลวร้าย แต่มันกลับเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทําให้ฉันได้พบความสุขอย่างแท้จริง

ฉันตั้งหลักด้วยการใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด อยู่กับธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร พลิกผันมาเป็นเกษตรกร ปลูกของที่กิน กินของที่ปลูก เช่น มะเขือ ฟักทอง กล้วย มะละกอ ที่เหลือก็ขายหรือแจกจ่ายให้เพื่อนบ้าน เรียนรู้การทำเกษตรตามรอยพ่อหลวง ร. 9 ที่เกษตรกรต้องพึ่งตนเองได้ จากคนแต่งตัวสวย ทำหน้าสปาผิว เหลือเสื้อผ้าที่ใส่จริงๆ ไม่กี่ชุด จากคนกลัวแสงแดด กลัวตัวดำหน้าดำ กลับต้องทำงานตากแดดอาบเหงื่อทั้งวัน

ช่วงแรกๆ แทบรับไม่ไหวกับความผกผันของชีวิต ต้องฝืนใจ อดทนทั้งต่อการทำงานที่ลำบากตรากตรำ ทั้งสายตาคำพูดที่คนดูถูกเหยียดหยาม “คุณหมอตกยาก” “กรรมกรปริญญา” “คนไม่เอาถ่าน” และอีกสารพัดที่ช่างเสียดแทงให้รู้สึกเจ็บปวดใจมาก

“เมื่อยังหายใจ ฉันต้องสู้ให้ถึงที่สุด คนที่ไม่สู้คือคนที่หมดลม”

ฉันจะบอกตัวเองเสมอ ความจำเป็นทำให้เราต้องทำ แต่ความฝันทำให้เราเติบโต ฉันยังมีความฝัน ฉันนั่งคิดทบทวนวิเคราะห์ ที่เราติดอยู่กับความทุกข์ ท้อแท้ สิ้นหวัง เป็นเพราะความคิดของเราเอง ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง ฉันอยากบอกทุกคนที่หาทางออกด้วยการจบชีวิตให้มองโลกในมุมใหม่ ถอยหลังออกมาสักก้าวหรือหลายๆ ก้าว ค่อยๆ คิด ตั้งสติ ธนาคารโทรฯ ทวงหนี้จนฉันแทบอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง แต่ฉันเลือกลุกขึ้นสู้ สร้างคุณค่าและทางรอดให้ตัวเองและครอบครัวอีกครั้ง

ฉันอยู่กับป่าไผ่ เริ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสวนไผ่ ตั้งแต่โคนจดปลายของไผ่หนึ่งต้น ทุกส่วนล้วนใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น หน่อไม้กินเป็นอาหาร ฉันสร้างแบรนด์จากไผ่ด้วยเงินทุนหลักร้อย เริ่มจากทำชาใบไผ่ ทำสบู่ก้อน สบู่เหลว แชมพูจากถ่านไม้ไผ่ เป็นการต่อยอดรายได้อีกช่องทาง และวางแผนกับเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอให้แปลงไผ่เป็นแปลงเรียนรู้งานของคนในชุมชน ซึ่งทำให้ฉันได้ค้นพบความหมายและคุณค่าแท้จริงของชีวิตที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน

การแบ่งปัน การให้ ที่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ช่างเป็นความรู้สึกของการให้จริงๆ ฉันไม่ต้องวิ่งไล่ตามหาความสุขแบบที่คนส่วนใหญ่ไล่ตาม ความสุขที่เกิดจากเปลือกนอกซึ่งต้องแต่งแต้มให้สวยงามตลอดเวลา ต้องได้รับคำชื่นชมยินดีจากผู้อื่น ต้องมีชื่อเสียงเงินทองเกียรติยศ นั่นเป็นความสุขแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งไม่อาจสู้ความสุขจากภายในที่ตัวเราสร้างเองโดยไม่ยึดติดกับสิ่งใด นี่ต่างหากคือความสุขที่แท้จริง ฉันสามารถใช้ชีวิตในวิถีชีวิตแบบใหม่ได้ เข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ และที่สำคัญคือชนะใจตัวเองไม่ให้วิ่งตามกระแสสังคม

การอยู่กับธรรมชาติทำให้เรารู้จักเกื้อกูล แบ่งปัน ใช้ชีวิตเรียบง่าย ชีวิตที่สบายๆ แต่ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย จะต้องมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งเป้าหมาย ซึ่งการเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติทำให้ฉันได้พบความสุขทางใจ ฉันนั่งมองป่าไผ่พร้อมฮัมเพลงเบาๆ

ความสุขจริงๆ แล้วก็คือความเข้าใจชีวิต ว่ามีความไม่แน่นอนและต้องมีความทุกข์ปะปน เพราะสุขและทุกข์เป็นของคู่กัน แค่เราเข้าใจ ยอมรับทุกสิ่งรอบตัว ก็จะเป็นความสุขได้หมด แล้วเราจะอยู่กับความทุกข์อย่างเป็นสุขได้ง่ายๆ เราจะสามารถสร้างป่าแห่งความสุขขึ้นภายในใจของเราได้เอง

“มัวคิดอะไรก็ไม่รู้ รีบไปเก็บมะเขือเปราะดีกว่า เดี๋ยวเเดดร้อน เย็นนี้รับรองจะได้กินซุปมะเขือเปราะที่แสนอร่อยที่สุด! ”