เรื่องและภาพ : Puritymind

บ้านหลังใหม่ New Home New Heart

รู้จักทุกข์จึงสุขเป็น : เกือบตายทั้งเป็น ป่วยหนักชนิดที่มีโรงพยาบาลเหมือนบ้านหลังใหม่ที่อาศัยอยู่ร่วม 1 เดือน ทำไมน่ะเหรอ? ย้อนหลังไปเมื่อ 13 ปีก่อน ปี 2550 รู้ไหมว่าจากคนที่เคยยิ้มแย้ม มีความสุข ชอบร้องเพลง ถึงขนาดเคยเป็นนักร้องโรงเรียนสมัยมัธยมฯ ประกวดร้องเพลงได้รางวัลระดับประเทศมาด้วยนะ แล้ววันหนึ่งไม่สามารถร้องเพลงได้ตลอดชีวิต ป่วยเป็นอะไรนั้นโอกาสเหมาะๆ ฉันจะมาเล่าให้ฟัง ตอนนั้นต้องหัดกินอาหารใหม่เพราะหลอดอาหารตีบ ช่วงแรกๆ ที่ป่วยต้องงดน้ำงดอาหารเกือบเดือน เปลี่ยนเป็นรับสารอาหารทางหลอดเลือดดำ พออาการดีขึ้น คุณหมอให้เริ่มลองดื่มน้ำ ผลปรากฏว่ากลืนไม่ลง อาเจียน หลังจากนั้นไม่กี่วัน อยากกินไอศกรีม เลยรีเควสไอศกรีมมาเสิร์ฟถึงเตียงผู้ป่วย ถามว่ากินได้แล้วใช่ไหม อาการดีขึ้นแล้วสินะถึงจะกินไอศกรีม เปล่าเลย…ได้แค่อมไว้ในปากสักพัก สัมผัสความหวานที่ลิ้น แล้วบ้วนทิ้ง นี่อาจเป็นการค้นพบความสุขครั้งแรกที่ฉันเริ่มมองเห็นขณะยังเป็นคนป่วย

newhome02

ดอกไม้เหล่านั้นฉันจำได้ดี : แล้วความสุขก็ค่อยๆ ผุดขึ้นราวดอกไม้ที่เบ่งบานกลางทะเลทราย ความสุขที่เกิดขึ้นยามลำบากมักจะเห็นชัดเจน ฉันรู้เลยว่าอารมณ์มันเป็นอย่างไร คนที่รักเราจะ แสดงตัวหยัดยืนเคียงข้าง คอยประคองเมื่อเราจะล้มและช่วยผลักดันให้เรามีแรงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เลยรู้ว่าคนที่คบกันเพราะผลประโยชน์ของเขาฝ่ายเดียวนั้นจะค่อยๆ หายไปจากชีวิต นั่นถือเป็นสิ่งดี ฉันไม่เคยเสียดายที่ใครหลายคนหายไป แต่ฉันจะเสียดายคนบางคน ไม่ว่าคนที่คอยป้อนข้าว ป้อนน้ำยามเราเล็ก จนเราเติบโตและเจ็บป่วย คนเหล่านั้นคือพ่อ แม่และญาติพี่น้องที่แสนน่ารักของฉัน รวมถึงเพื่อนที่แสนดีอีกหลายคน ทำไมความรู้สึกนึกขอบคุณทำให้ฉันมีความสุข? คงเพราะฉันได้รับความอบอุ่นที่ส่งผ่านคำพูดและการกระทำ หรือแม้บางคนฉันสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ด้วยหัวใจ ความสุขอยู่ไหน ใครว่าอยู่ไกล ฉันเริ่มเห็นมันใกล้เข้ามาทุกที

newhome03

ไม่ยอมแพ้ : ออกจากโรงพยาบาลไม่นาน ฉันต้องเริ่มหัดกินข้าวใหม่ นับครั้งในการเคี้ยวข้าวแต่ละช้อน แต่ละคำ มีช่วงหนึ่งต้องเคี้ยวถึง 100 ครั้งก่อนกลืน ทำไมต้องเคี้ยวนานขนาดนั้นน่ะเหรอ? เพราะคุณหมอบอกให้พยายามเคี้ยวอาหารละเอียดที่สุดเพื่อป้องกันอาหารชิ้นใหญ่ติดขัดในระบบทางเดินอาหาร บริเวณที่มีปัญหาช่วงหลอดอาหารและลำไส้เล็กส่วนปลาย รู้ได้อย่างไร? ก็คุณหมอส่องกล้องเข้าไปตรวจจากปากลงไปถึงลำไส้เล็ก ถ้าจำไม่ผิดมีท่อยางสีดำๆ ขนาดเท่านิ้วชี้สอดเข้าทางปาก ทางการแพทย์เรียกว่ากล้อง endoscope ไม่สนุกเลยแหละ แต่ฉันก็ผ่านมาได้และใช้ชีวิตเป็นปรกติแล้ว

newhome04

เปลี่ยนเครื่องแบบภายนอก : หนึ่งเดือนผ่านไป ช่วงเดือนกรกฎาคม 2550 ฉันเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เป็นการประกาศว่าฉันเรียนจบระดับอุดมศึกษา แต่ฉันว่าการเรียนในวิชาชีวิตยังไม่จบ แค่เริ่มต้นในวิถีทางที่ฉันต้องเลือกเดินด้วยตนเองอีกครั้ง นั่นคือการบวช เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ในเดือนสิงหาคม 2550 ฉันจำได้ดีว่าตัดสินใจบวชเพียง 9 วัน

newhome05

น้อยแล้วพอดี : เธอรู้ไหมตอนนี้ย่างเข้าปีที่ 14 ภายใต้กิ่งก้านร่มเงาแห่งความสงบเย็น เป็นทางที่ทำให้ฉันรู้ตื่น เบิกบาน และมีความสุข เป็นชีวิตธรรมดา ไม่มีเครื่องปรับอากาศเปิดนอนทุกวันเหมือนครั้งก่อน ไร้เตียงนอนนุ่มๆ หรือหมอนข้างให้กอด มีเพียงความหนาวที่เล็ดลอดผ่านช่องใต้ประตูให้ฉันได้กอดในบางฤดู เสื่อและผ้าบางๆ ปูรองนอนเท่านั้น หลายอย่างที่ฉันเคยมีตอนนี้ไม่มี แต่กลับทำให้สุขกว่าเดิมหลายเท่า คงเพราะความมี ทำให้เกิดความเป็นเจ้าของ เมื่อมีเจ้าของก็หวงและห่วงหลายๆ สิ่งตามมา พอไม่มีสมบัติใดๆ ทำให้ฉันรู้ว่าใจเบาเป็นเช่นไร นี่ใช่ไหมคือความพอดี เพราะพอแล้วชีวิตมันก็ดีเอง

newhome06

ดวงตาคู่ใหม่ : ฉันเคยคิดว่าทุกคนต้องรักฉัน ชีวิตต้องไม่มีปัญหาใดๆ เคยคิดว่าถ้ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้สมใจอยากเมื่อไรก็จะมีความสุข โยนสิ่งที่ไม่ชอบออกจากชีวิตได้เมื่อไรก็จะมีความสุข ร่มเงาแสงอ่อนๆ ของใบโพธิ์ สัญลักษณ์แห่งการตื่นรู้จากความหลงนี้ทำให้ฉันตื่นขึ้นมา ไม่ใช่แค่การลืมตาด้านนอก หากเป็นการลืมตาจากด้านใน ฉันใช้ดวงตาภายในมองคน มองโลกเปลี่ยนไป จากเดิมเคยคิดตามใจ พระพุทธเจ้าสอนให้ฉันมองคนและมองโลกตามจริง รวมถึงทุกสิ่งและตัวฉันเองด้วย

หมดปัญหาเรื่องกิน : ครั้งหนึ่งเพื่อนฉันซึ่งเป็นนักบวชเหมือนกัน ถามว่าชีวิตทางโลกเป็นอย่างไร ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า บอกไปก็ไม่มีทางรู้และสัมผัสสิ่งที่บอกได้เลย แต่ที่แน่ๆ คือ ชีวิตทางโลกนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในทุกๆ วัน สิ่งหนึ่งที่ต้องคิดคือ วันนี้จะกินอะไร รวมถึงเที่ยงและตอนเย็น เพื่อนฉันถามเหมือนอยากลองลิ้มรสเส้นทางที่ดูมีสีสันซึ่งฉันเคยผ่านมา แต่ฉันกลับมองว่าแม้มีสีสันแบบลูกกวาด ก็ให้โทษหลายหลาก ถึงจะหอมหวานเพียงใดก็ตาม ขณะที่ทุกวันนี้ฉันลืมตาขึ้นมา ไม่เคยคิดว่าจะกินอะไรดี

newhome07

เล็กไม่น้อย : พระอาทิตย์ส่องแสงสลัดความมืดออกไปในยามเช้า ชีวิตฉันยังหายใจเข้าออกเช่นเดิม ที่เพิ่มเติมคือความสุขอย่างพอดี อาจไม่ปังเหมือนใคร แต่ถ้านำความสุขที่ฉันมีไปชั่งน้ำหนักละก็ ฉันว่าตาชั่งอาจพัง อยากรู้หรือยังว่าสุขที่ฉันมีนั้นเกิดขึ้นอย่างไร เธอคงนึกในใจ บอกมาสักทีสิ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก ความสุขของฉันเกิดจากวิธีมองชีวิตที่เปลี่ยนไป เดิมนิสัยฉันมักตั้งตนเป็นศูนย์กลาง ทุกคนต้องทำตามฉันถึงจะสุขใจ วินาทีนี้ไม่ใช่อีกต่อไป เหมือนที่เล่าค้างไว้ ฉันใช้ตาข้างในมองดูโลกและคนตามจริง เลิกมองตามใจ ยอมรับและยืดหยุ่นได้ในทุกความเปลี่ยนแปลง การยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้มันช่างยิ่งใหญ่ คงเพราะชีวิตฉันไม่ผลักไสกับสิ่งที่ไม่พอใจ และไม่เหนี่ยวรั้งในสิ่งที่ชื่นใจเมื่อสิ่งนั้นจะจากไป ต่อแต่นี้ฉันจะมีชีวิตอยู่อย่างสุขใจได้ในทุกห้วงเวลา นั่นคือการมีสติในชีวิตประจำวันและมีความสุขกับปัจจุบันไปพร้อมๆ กัน ความสุขของฉันอาจไม่ยิ่งใหญ่ในสายตาใคร แต่ก็เป็นความสุขเล็กๆ ที่มีค่าไม่น้อยกว่าใคร มาลองใช้ชีวิตแบบฉันดูไหม แล้วเธอจะได้สัมผัสความสุขนั้นเหมือนฉันในตอนนี้