เรื่องและภาพ : วรรณรดา สุราช

ความสุขเปลี่ยนรูป

เคยเป็นไหม เจอเหตุการณ์ที่รู้สึกแย่มากๆ ทำให้ร้องไห้ เสียใจมากมาย

แต่พอเวลาผ่านไป เราโตขึ้น ลองนึกย้อนไปยังเหตุการณ์นั้น

เรากลับไม่ได้เสียใจขนาดนั้นแล้ว

และบางทีเราก็หัวเราะกับตัวเองได้อีกต่างหาก

หรือรู้สึกขอบคุณที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา

ทำให้เราเรียนรู้ เติบโตมากขึ้น แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

กลายเป็นว่าเรื่องร้ายๆ ที่เคยทุกข์ กลับเป็นเรื่องดีๆ เมื่อเวลาผ่านไป

ในทางตรงกันข้าม

บางครั้งเราอาจเจอเหตุการณ์ที่เราคิดว่าโชคดีจัง

ทำให้เรามีความสุขเหลือเกิน

แต่พอเวลาผ่านไป ที่เคยคิดว่าดีกลับไม่ดีแล้ว

กลายเป็นว่า เหตุการณ์นั้นเป็นโชคร้ายที่มาเยือน

และสร้างความทุกข์ให้แก่เรามากมาย

เริ่มต้นด้วยสุข และจบลงด้วยทุกข์

ดูเหมือนว่าสุขกับทุกข์ไม่คงที่เอาเสียเลย

เปลี่ยนกลับไปกลับมาได้

ชวนให้สงสัยว่า แท้จริงแล้ว

อะไรคือ ความสุข ความทุกข์ กันแน่

วันก่อนเข้าสัมมนาเกี่ยวกับความสุข

มีวิทยากรท่านหนึ่งบอกว่า เราควรให้คำนิยามความสุขของตัวเรา

เพราะถ้าเราไม่รู้ ไม่เคยนั่งคิดเลยว่าความสุขของเราคืออะไร

เราก็อาจหาไม่เจอ หรือต่อให้เจอก็ไม่รู้ว่ามันคือความสุข

สำหรับใครที่ยังไม่เคยนิยามความสุขของตัวเอง

แล้วรู้สึกว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงดูมีความสุขกันจัง

ส่วนตัวเรานั้นไม่รู้ความสุขหายไปอยู่ที่ไหน

พอลองนึก ก็นึกไม่ค่อยออกว่าในชีวิตมีความสุขบ้างหรือเปล่า

วันนี้ขอนำเสนอตัวอย่างนิยามความสุข

ที่ได้สอบถามเพื่อนๆ ใน Facebook ว่าความสุขของแต่ละคนคืออะไร

happychange02

A ความสุขคือวันที่เรายิ้มได้ทั้งวัน

B ความสุขคือความทุกข์ที่ทนได้

C สุขปรกติคือ ครอบครัวไม่มีเรื่องให้เดือดร้อน

สุขภาพแข็งแรง มีงานทำกำลังดี มีเงินใช้

และจะสุขยิ่งขึ้นถ้าได้ทำในสิ่งที่ชอบและยังมีเงินใช้อยู่

D ก่อนเคยคิดว่าความสุขคือการได้ทำอะไรตามใจตัวเอง

อยากเที่ยว ก็พยายามไปเที่ยว

อยากกินของอร่อย ก็พยายามไปกินตามร้านที่ต้องการ

พยายามหาเงินเยอะๆ จะได้ใช้เงินบันดาลความสุขให้ตัวเอง

ตอนนี้เปลี่ยนความคิดแล้ว ความสุขที่ต้องใช้ความพยายาม (ความทุกข์) มันไม่ใช่

สุขทุกข์…อยู่ที่ใจ

เมื่อไรที่ใจมีความสุข กายก็มีความสุขตามไปด้วย ☺

E ความสุขคือการที่ทำอะไรสักอย่างแล้วมันสำเร็จด้วยดี

ไม่ต้องเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ แค่อยากกินผัดกะเพรา เดินไปซื้อมากินได้ ก็มีความสุขแล้ว

(ไม่กี่นาทีต่อมา ภรรยาของ E ก็มาตอบว่า ไม่ต้องเดินไปซื้อค่ะ วันนี้ทำผัดกะเพรามาให้กินแล้ว

อ่านแล้วอมยิ้มเลย 😊)

G ความสุขคือการไม่คาดหวัง

ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

H ความสุขก็คือ การที่คนอื่นรับรู้ความหมายของสิ่งที่เราทำให้เขา

เช่น เราทำข้าวไข่เจียวให้เขากิน อร่อย ไม่อร่อย เขากินแล้วยิ้มรับ แค่นั้นก็พอ ☺

I คุณแม่ลูกสองบอกว่า ความสุขคือความสงบ ใจสงบ กายสงบ

J ความสุขคือการได้อยู่พร้อมหน้ากันในวันที่สุขและทุกข์

เหมือนเป็นสัญญาว่า…ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ

K บอกว่า ความสุขนิยามได้ไม่จำกัด

ความสุขจริงๆ ก็คือ มุมมอง และทัศนคติของปัจเจกบุคคล ที่สะท้อนออกมาจากภายใน

ซึ่งแปรผันกับวัยวุฒิ คุณวุฒิ และสิ่งแวดล้อมรอบตัว

ความสุขเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง

แต่คิดว่าสุดท้ายความสุข = การดับทุกข์ = นิพพาน

L ความสุขคือการพอใจในสิ่งที่มีอยู่และสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

M ความสุขเกิดได้ทุกที่

ถ้าตอนนั้นใจสงบ ถึงจะยืนแน่นในรถไฟฟ้า BTS

แค่เงยหน้ามองผู้คนกับการดำเนินไปของคนก็มีความสุขแล้ว

หรือนั่งที่ระเบียงซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขา ลมพัดเย็นๆ มองใบไม้ที่ปลิดปลิว ก็มีความสุข

แต่ความสุขจะเพิ่มทวีขึ้น หากได้ช่วยเหลือคนอื่นหรือสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ

แม้แต่ช่วยมดตกน้ำ ก็มีความสุขแล้ว ^^

N ความสุขคือวันธรรมดาที่ไม่ทุกข์ ก็สุขแล้ว ☺

O บอกว่า แต่ก่อนก็ไม่ชัดเจนว่าความสุขคืออะไร

แต่พอเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุข ถึงเข้าใจว่าอะไรคือความสุขของเรา

จุดเริ่มต้นของความสุขทุกวัน คือการได้นอนหลับอย่างเพียงพอ

ทำให้ตื่นมาด้วยความแจ่มใส

ได้ร่วมงานกับคนที่มีพลังงานดี ที่เราชอบ

ได้ทำงานอดิเรก ทำกิจกรรมต่างๆ และพูดคุยกับมิตรที่ดี

P ความสุขคือการมีเงินเยอะๆ

เพราะความสะดวกสบาย ความปลอดภัย การศึกษา หรือปัจจัยพื้นฐาน ก็ล้วนใช้เงินทั้งนั้น

ถ้าปัจจัยพื้นฐานครบถ้วน ก็สามารถเสพอย่างอื่นที่เราต้องการได้

เช่น ดนตรี ท่องเที่ยว

Q บอกว่า ความสุขคือการเห็นคนที่เรารักยิ้ม

happychange03

บางคนดูจะตอบได้ทันที

บางคนบอกขอไปคิดดูก่อน

บ้างบอกจำไม่ได้แล้วว่าอะไรคือความสุข

แบ่งความสุขได้เป็นสองมิติ คือ

มิติที่อยู่ภายในใจของเราเอง

และมิติที่อยู่ภายนอก มีคนอื่นหรือสิ่งอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ยังมีมิติของเวลาและขนาดอีกด้วย

คุณจุ้ย ศุ บุญเลี้ยง บอกว่า ความสุขมีหลายแบบ

สุขมาก…สุขน้อย

สุขสั้น…สุขยาว

ขอเติมอีกหนึ่งคือ สุขง่าย…สุขยาก

มีการวิจัยเกี่ยวกับความสุข โดยแบ่งอาสาสมัครเป็นสองกลุ่ม

กลุ่มแรก ให้เงินไปซื้อหรือทำอะไรก็ได้ให้ตัวเอง

กลุ่มที่ 2 ให้เงินไปซื้อหรือทำอะไรก็ได้ให้คนอื่น

ในช่วงแรก คนกลุ่มแรกจะมีระดับความสุขมากกว่าคนกลุ่มที่ 2

แต่พอเวลาผ่านไป เมื่อให้คิดถึงสิ่งที่ได้ทำ

คนกลุ่มที่ 2 ยังคงมีความสุข และมีระดับความสุขมากกว่าคนกลุ่มแรกเสียอีก

แปลว่า ความสุขแบบแรกนั้น

แม้ช่วงแรกจะสุขมากกว่า

แต่ความสุขนั้นกลับลดลงอย่างรวดเร็ว

เรียกได้ว่าเป็นสุขมาก แต่สุขสั้น

ส่วนความสุขแบบที่ 2

แม้ช่วงแรกจะสุขน้อยกว่า

แต่ความสุขนั้นคงอยู่ในใจยาวนานกว่า

ถือเป็นสุขน้อย แต่สุขนาน

happychange04

ที่เล่าเรื่องนี้ ไม่ได้จะบอกว่าความสุขแบบใดดีกว่ากัน

และไม่ได้ให้เลือกความสุขแบบใดแบบหนึ่ง

แต่เราสามารถเลือกมีความสุขทั้งสองแบบได้

ให้รางวัลตัวเองด้วยความสุขสั้นๆ บ้าง

และให้ตัวเองได้สุขยาวๆ ด้วยการสร้างและสะสมความทรงจำดีๆ

หากวันนี้อยากเพิ่มความสุขในชีวิต

อย่านำบรรทัดฐานความสุขของคนอื่นมาใช้

หากอยากได้ อยากมี อยากเป็นตามคนอื่น

ทั้งๆ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ

พอได้มาแล้ว ได้เป็นแล้ว

อาจพบว่า สิ่งที่เราได้ มี เป็น ไม่เห็นจะสุขตรงไหนเลย

ความสุขของเรา เราควรนิยามด้วยตัวเอง

เพราะความสุขของคนคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเหมือนของใครๆ

ขอความสุขจงอยู่กับทุกคน

และหากมีความทุกข์ จงเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและผ่านพ้นไปให้ได้นะ 😊