ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล : เรื่องและภาพ

เสียงครวญคร่ำหลังโศกนาฏกรรมหมิงตี้ ไฟไหม้โรงงาน สารเคมีระเบิด

ก่อนรุ่งสางของวันจันทร์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ท้องฟ้าย่านกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เปลี่ยนจากสีดำของรัติกาลเป็นสีแดงฉาน จากการระเบิดของสารเคมีและไฟไหม้ภายในโรงงาน “หมิงตี้” ผู้ผลิตโฟมและพลาสติกสำหรับขึ้นรูปเป็นวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ตัวโรงงานพังถล่ม อาคารบ้านเรือนโดยรอบได้รับความเสียหาย ผลพวงจากระเบิดและไฟไหม้ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และก่อให้เกิดการปลดปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อมเป็นบริเวณกว้าง แม้ผู้ที่มีชีวิตรอดก็ได้รับความเดือดร้อนจากการสูดดมสารพิษที่เป็นไปได้ว่าจะสร้างปัญหาสุขภาพในระยะยาว มีคำสั่งให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในระยะรัศมี ๕ กิโลเมตรต้องอพยพออกจากพื้นที่

สาเหตุสำคัญของความสูญเสียเกิดจากการมีชุมชนตั้งอยู่รอบโรงงาน การอนุญาตให้โรงงานเพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงการใช้งานและการเก็บกักสารเคมีปริมาณมหาศาล โดยเฉพาะสไตรีนโมโนเมอร์

หายนะต่อชีวิต ทรัพย์สิน วิถีชีวิต สุขภาวะ ฯลฯ จากการดำเนินกิจการของโรงงานอุตสาหกรรมทำให้สังคมหันกลับมาตั้งคำถามถึงความผิดพลาดที่ก่อให้เกิดความสูญเสียอีกครั้ง

หลังเกิดเหตุมีเสียงเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่สร้างความเสียหาย เยียวยาผู้คนและสังคมที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้

แม้เวลาผ่านไป สำหรับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ โศกนาฏกรรม “หมิงตี้” คงเป็นฝันร้ายที่ยากจะลืมเลือน

aftermingtee01

ลูกชายถามแม่ว่าโรงงานไหนระเบิด เราบอกหมิงตี้ เขาก็จำมาจนทุกวันนี้”

น้ำค้าง ประจิตร
เจ้าของร้านขายของชำ

“อยู่ตรงนี้มาเกือบสามสิบปี ด้านหน้าขายของชำ ด้านหลังพักอาศัย แฟนก็ทำงานเป็นพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งในซอยเดียวกัน

“หมิงตี้ ชื่อนี้รู้จักมานานเพราะลูกค้าที่มาซื้อของที่ร้านหลายคนก็เป็นพนักงานหมิงตี้ ยังคิดเป็นห่วงอยู่ว่าจะมีใครเป็นอะไรมั๊ย

“คืนนั้นประมาณตีสาม เรานอนอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงตึ้ม ตื่นขึ้นมา แฟนพูดว่าเสียงอะไรระเบิด พอเปิดประตูมองออกไปมันเหมือนภูเขาไฟระเบิด เห็นไฟลุก ใจแป้วแล้ว ลูกชายก็ตกใจ คิดว่าตายๆ พากันตื่นหมดทั้งบ้าน ชาวบ้านกำลังนอนอยู่ต่างก็ลุกขึ้นมาดู เราดูอยู่จนเช้า ข้าวของในร้านระเนระนาด หิ้งพระ แก้วน้ำ หล่นลงมาแตก น้ำอัดลมที่วางขายอยู่บนชั้นร่วงลงมา

“ช่วงตีสามไฟมันจะแดง หลังจากรถน้ำมาฉีดก็จะเปลี่ยนเป็นควันดำ ไม่ค่อยมีไฟแล้วตอนหลัง จะมีลม แล้วก็มีควันดำๆ พัดตามไป อย่างที่บอกว่าแรกๆ นี่อย่างกับภูเขาไฟ ตีสามมืดตึ๊ดตื๋อ แต่มองออกไปเหมือนภูเขาไฟกำลังระเบิด พอดีว่าควันไม่ได้พัดมาทางเรา ก็ยังพออยู่ได้ แต่พอควันมาแล้ว ลมเปลี่ยนทิศแล้วมันอยู่ไม่ได้ เราก็ต้องไป ประมาณ ๘-๙ โมง เขาก็บอกให้อพยพ ! วิ่ง ต่างคนต่างวิ่งออกมา วิ่งกันตาเหลือกเหมือนเวลาเขาอพยพในหนัง โอ้โห มันเป็นอย่างนั้น แล้วเวลาที่เขามีคำสั่งให้อพยพ คนงานของโรงงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในซอยก็มาถึงกันแล้ว วันนั้นเป็นเช้าวันจันทร์ คนงานสวมชุดมาทำงานแล้วก็ต้องกลับไป

“เราอพยพไปอยู่ที่คลองขุด แถวเทพารักษ์ ห่างไปประมาณ ๗ กิโลเมตร รถกระบะยังจอดทิ้งไว้ที่โรงงานของแฟน เราเห็นแล้วล่ะว่าไฟมันแรงมาก กลัวเหมือนกันว่าไฟจะลามมาถึงรถ ถ้าไหม้มาถึงรถจะทำยังไง ตกลงกับแฟนตั้งแต่ยังมืดอยู่แล้วว่าต้องยอมสละ โชคดีที่เขาดับได้ ก็รอดตัวไป แต่ออฟฟิตของแฟนก็พังเสียหายหมดเลยนะ

“หลังจากกลับมาบ้าน นอนๆ อยู่ก็ได้กลิ่นสารเคมี มีอยู่คืนหนึ่งได้กลิ่นแบบเข้าจมูกเลยแล้วก็ทิ้งช่วงไป แล้วก็กลับมาได้กลิ่นอีก

“อยู่มาสามสิบปีไม่เคยเกิดอะไรแบบนี้ นี่ครั้งแรกนับตั้งแต่อยู่มา เหตุการณ์ครั้งนี้มันแรงมากนะ ลูกชายอายุ ๔ ขวบกว่าบอกว่าเขาตกใจหมดเลย ลูกชายถามแม่ว่าโรงงานไหนระเบิด เราบอกหมิงตี้เขาก็จำมาจนทุกวันนี้ว่าโรงงานหมิงตี้ระเบิด เกิดไฟไหม้”

aftermingtee02

ไม่เคยรู้มาก่อนว่าโรงงานมีสารเคมีเยอะขนาดนี้”

นงลักษณ์ คุชิตา
แม่บ้านประจำหอพัก

เราเป็นแม่บ้าน หอพักที่ทำงานอยู่ปากซอย ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ ๙๐๐ เมตร ส่วนที่พักก็อยู่ใกล้ๆ กัน ติดถนนกิ่งแก้ว วันเกิดเหตุมองเห็นควันขึ้นผ่านดาดฟ้า ทีแรกคิดว่าเป็นไฟไหม้ธรรมดา ได้ยินเสียงระเบิด ตู้ม แล้วรถดับเพลิงก็วิ่งเข้าไป แต่ก็ยังไม่ใครประกาศว่ามีสารเคมี

“ประมาณแปดโมงกว่าเขาประกาศผ่านโทรโข่ง ขับรถส่งเสียงมาจากท้ายซอย มาจอดหน้าตึกที่เราเป็นแม่บ้าน บอกว่าเกณฑ์คนออกให้หมดนะ มันเป็นระเบิด โอ้โห อย่างกับในหนัง จะเหยียบกันตายทั้งรถทั้งคน บางคนใส่ชุดนอนวิ่งหนีตาย อะไรก็ไม่รู้

“จากตีสามมาถึงแปดโมงกว่า เขาประกาศช้าไป อันที่จริงตีสามตีสี่ก็น่าจะประกาศแล้วใช่มั๊ย ห้ามคนเข้า นี่ยังให้คนเข้ามาทำงานปรกติ ถ้าเขาแจ้งตั้งแต่ตอนที่มันระเบิดใหม่ๆ บอกว่าเป็นสารเคมี เราก็น่าจะได้เตรียมตัวเก็บข้าวของ คนก็จะมีเวลาเตรียมตัวได้ แต่นี่ผ่านไปตั้งนานจนพนักงานหลายโรงงานที่ตั้งอยู่ข้างในก็ยังมาเข้างานตามปกติ เราเองก็มาทำงานปกติ มันน่ากลัวตรงนี้ เพราะเขาไม่ได้ประกาศว่ามันมีสารพิษ

“ถ้าระเบิดวันธรรมดาจะยิ่งสูญเสียมากกว่านี้อีก นี่ยังเป็นช่วงตีสามของเช้าวันจันทร์ ถ้าวันทำงานน่าจะหนักเพราะมีคนเข้ากะ

“พอขึ้นรถได้เราก็อพยพไปกันทั้งครอบครัวแบบไม่มีปลายทาง ไปไกลมากเพื่อตั้งหลักว่าจะทำยังไง ความจริงก็ไม่รู้จะไปไหนเพราะเราไม่มีญาติ สุดท้ายปลายทางไปสุดที่ฉะเชิงเทรา ไปพักรีสอร์ทสามวันสามคืน ห้องใหญ่ห้องเดียวอยู่กัน ๖ คน คืนละ ๑,๐๐๐ บาท ตั้งแต่คืนวันที่ ๕ กลับมาเช้าวันที่ ๙ ไปแต่ตัวด้วยนะ ไม่ได้เอาอะไรไป ต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ต้องเช่าห้อง ต้องซื้อข้าวกิน

“ตอนอยู่ฉะเชิงเทราฟังข่าวตลอดว่าสถานการณ์เป็นยังไง เขาให้กลับได้หรือยัง ที่พักของเราอยู่ห่างแค่ ๑ กิโลเมตร ถึงอยากกลับ แต่กลัวก็กลัว

“ไม่เคยคิดว่ามันจะระเบิด เราอยู่ที่นี่มานานก็จริง แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าโรงงานมีสารเคมีเยอะขนาดนี้รู้ว่าเขาทำธุรกิจพวกเม็ดพลาสติก แต่ไม่รู้ว่าใช้สารเคมีชนิดไหน ไม่รู้ว่ามีสารเคมีมากเหมือนจะระเบิดทั้งเมืองของเราได้

“ไม่ได้ค่าชดเชยอะไร ไม่มีการมาถามว่าเสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ระยะห่าง ๑ กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุถือว่าใกล้มาก เคยถามว่าไม่มีการเยียวยาคนในหอเหรอ พวกเราก็หนีตายเหมือนกัน”

aftermingtee03

เห็นแสงไฟแตกอยู่บนอากาศ ลูกแรกใหญ่มาก แล้วตามมาอีก ๒๓ ลูก”

อรวรรณ แปลงไธสง
พนักงานบริษัท

ห้องพักเราอยู่ชั้นสาม เข้านอนประมาณห้าทุ่ม ตอนตีสามกำลังหลับสนิท เป็นช่วงที่เกิดระเบิด เสียงดังมากแรงมากเหมือนทั้งอาคารสั่น ประตูห้องน้ำสั่น หลังระเบิดแล้วก็ยังสั่นแบบแรงมาก ตัดสินใจเดินลงมา ทีแรกคิดว่ารถพ่วงอาจจะชนตึก แต่ออกมาดูมันไม่ใช่ มองไปเห็นแสงไฟแตกอยู่บนอากาศ ๒-๓ ลูก ที่ระเบิดแล้ว ๑ ลูกเป็นลูกใหญ่มาก แล้วยังมีที่แตกบนอากาศอีก ๒-๓ ลูกตามมา ตึ้ม ตึ้ม ตึ้ม แต่ไม่ได้แรงเหมือนลูกแรก เห็นรถดับเพลิง รถป่อเต็กตึ๊ง วิ่งตามๆ กันเข้าไปก็เลยรู้ว่าเหตุเกิดข้างในซอยนี้

“ประมาณตีสี่ หลังจากที่ลงมาอยู่ด้านล่างก็กลับขึ้นไปนอนต่อ เขาไม่แจ้งว่าอะไรระเบิด เพิ่งมาบอกตอนเช้า ประมาณ ๗-๘ โมง กำลังหลับนะ ได้ยินเสียงคนวิ่งไปวิ่งมา ได้ยินเสียงรถหวอ น้องด้านล่างโทรมาบอกว่าอพยพด่วน ให้ออกจากพื้นที่ มันจะปะทุอีกรอบ แล้วก็ได้ยินประกาศตามมา ‘อพยพครับ อพยพ ตอนนี้ควบคุมไฟไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ควบคุมไฟไม่ได้แล้ว ขอให้ทุกคนออกจากพื้นที่ ขอให้ทุกคนออกตอนนี้’ มองลงไปข้างล่างเห็นพนักงานใส่เสื้อสีฟ้าวิ่งออกมาจากท้ายซอย จากตอนกลางคืนเรามองเห็นไฟ พอเช้ามาเป็นควัน ก็รีบลงข้างล่าง หยิบอะไรได้ก็เอาแค่นั้น เสื้อผ้าก็ไม่มี สุดท้ายไปพักที่บ้านเพื่อนเจ้าของบริษัทที่เราทำงานอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี

“ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัทที่ตั้งอยู่ชั้นล่างของตึกคือบานกระจกกระเด็นหลุดออกมาจากร่องตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ถึงจะไม่แตกแต่ก็เป็นรอยร้าว ต้องเปลี่ยนใหม่

“กลับมาอยู่ห้องวันแรกๆ คิดว่าไม่มีอะไรแล้ว แต่ตื่นเช้ามาแสบโพรงจมูกมาก ห้องเราไม่ติดเครื่องปรับอากาศ เป็นห้องหน้าต่าง ปิดห้องก็ไม่ได้หายใจไม่ออก ต้องใส่หน้ากากนอน กลิ่นมันมาไม่แน่นอน แล้วแต่ช่วงแล้วแต่ลม บางครั้งก็มาก่อนนอน ต้องใส่ผ้าปิดจมูกนอนเพราะว่ากลิ่นมันแรง เป็นกลิ่นสารเคมี ถ้าไม่ใส่ผ้าปิดก็แสบจมูก

“ทุกวันนี้ก็ยังนอนไม่ค่อยหลับ มันผวา มันสะดุ้ง เวลาได้ยินเสียงแปลกๆ

“เราคงไม่สามารถย้ายไปอยู่ที่อื่นได้เพราะบริษัทเราอยู่ตรงนี้ เราเป็นคนต่างจังหวัด เข้ามาทำมาหากิน ที่ผ่านมาใช้ชีวิตที่นี่เยอะกว่าอยู่บ้าน กลับบ้านต่างจังหวัดอย่างน้อยก็เดือนละครั้ง แต่อยู่ที่นี่ทั้งชีวิต อยู่มาประมาณ ๕ ปี เป็นลูกจ้าง ทุกวันนี้ (สัมภาษณ์วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔) ก็ยังต้องไปทำงานที่บ้านเจ้าของ เพราะยังไม่ได้ใส่กระจก ยังทำงานที่ออฟฟิตไม่ได้

“ไม่รู้ว่าทางโรงงานจะจัดการเรื่องนี้ยังไง จะบริหารกันยังไง ถ้ามีสารเคมีเยอะมันก็ไม่ปลอดภัย ขอร้องว่าอย่าเกิดเรื่องแบบนี้ดีกว่า”

aftermingtee04

ไม่รู้ว่าโรงงานทำท่อหรือทำถังเก็บสารเคมีได้ดีมากน้อยแค่ไหน”

พัชรณัฏฐ จิรวัฒน์กลกร
อาสากู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง

“เราเป็นอาสากู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง พักอยู่ที่นี่ (หอพักหน้าปากซอยโรงงานหมิงตี้) คืนนั้นไม่ใช่เวรเราแต่พักอยู่ตรงนี้ มองเห็นประกายไฟเป็นม้วนๆ คิดว่าไฟไหม้ในซอยแน่นอน ก็เลยขับรถเข้าไปดู ตอนนั้นมีแค่รถผมกับรถของพี่ร่วมกตัญญูอีกหนึ่งคันเท่านั้น แต่พี่เขาเจอคนเจ็บก็เลยขับพาไปส่ง ส่วนผมขับเข้าไปถึงข้างใน ตอนไปถึงสามแยกหน้าป้ายบริษัท ตรงนั้นยังไม่มีใคร ปรากฏว่าอยู่ไม่ได้ ร้อนมากจนต้องถอยรถออกมา

“รอบแรกที่เข้าไปไม่ได้ดูเวลา ระเบิดปุ๊บก็เข้าไปเลย กางเกงขาสั้นด้วย แล้วก็เลยกลับออกมาแต่งตัว เข้าไปใหม่

“ภาพที่เห็นคือไฟกำลังลุก หมุนเป็นลูกๆ ไหม้ๆ อยู่ก็มีเสียงบึ้มดัง นานๆ ก็มีเสียงบึ้มดังขึ้นมาอีกที ช่วงแรกมันจะระเบิดแล้วกระจายเป็นวงกว้าง ได้กลิ่นสารเคมี

“วอขอรถดับเพลิงมาที่เกิดเหตุ แจ้งศูนย์วิทยุว่าเป็นสารเคมี เป็นโรงงาน มีไฟไหม้สารเคมี แต่ไม่ทราบชื่อว่าเป็นสารเคมีชนิดไหน ตอนนั้นเราไม่เจอใคร มีแต่ระเบิด มีแต่ไฟ แล้วมันได้กลิ่น คิดว่าช่วงชุลมุนคงจะมีคนโทรแจ้งไปหลายสาย ถ้ามีคนที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาเขาก็คงจะรายงานไปอีก

“หลังจากทีมผจญเพลิง มีนักดับเพลิงเข้ามา ผมก็เลยถอยออกมาอยู่รอบนอก ช่วยงานจราจร ช่วยโบกรถ ช่วยอพยพคนออกไป ย้ายคนเจ็บจากโรงพยาบาลหนึ่งไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ชุลมุนมาก พอช่วยอพยพคนเสร็จก็ไปช่วยปิดถนนกิ่งแก้วไม่ให้รถสัญจรผ่านเข้ามา แต่บางคนก็อยากเข้ามา บางทีก็แอบหรืออ้างโน่นอ้างนี่ เราบอกก็ไม่เชื่อ ก็พยายามทำเท่าที่เราจะทำได้ ฟังจากนักดับเพลิงพูด ถ้าเราเอาไม่อยู่ แล้วมันเกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก จะมีคนตายมาก

“เราเคยเรียนดับเพลิง เคยมีประสบการณ์ดับไฟมาบ้าง แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์ใหญ่ๆ ขนาดนี้ แล้วนี่เป็นกรณีสารเคมี ระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว กำลังนอนอยู่นี่สะดุ้งตื่น เด้งขึ้นมาอัตโนมัติ ไม่เคยมีประสบการณ์ใกล้เคียงกับแบบนี้มาก่อน

“บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะทำยังไงไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก เราก็ไม่รู้ว่าโรงงานทำท่อหรือทำถังเก็บสารเคมีได้ดีมากน้อยแค่ไหน”

หมายเหตุ : สัมภาษณ์วันที่ 15 กรกฎาคม 2564