เรื่อง : ณัฐพงศ์ อินต๊ะริด
ภาพ : ค่ายสารคดีคลับ

สำรวจธรรมชาติ สำรวจใจ ทอดน่องเดินทางไกล ในป่าแก่งกระจาน

เข้าป่าแล้วเจอแต่เรื่องดีๆ เลยอยากชวนทุกคนมา เพราะมันเต็มไปด้วยสิ่งเล็กน้อยที่สวยงาม”

“เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เรามีเพื่อนเยอะแยะ แม้จะเป็นพืชหรือสัตว์ก็ตาม”

“เป็นคนอยากเข้าป่าระดับลึก แต่ไม่อยากรู้อะไรเลย แค่อยากปล่อยวางหัวใจไปตามธรรมชาติ”

“เข้าป่าแล้วเหมือนเห็นตัวเองตอนเด็ก ที่สนุกกับการดูสัตว์ป่าและธรรมชาติไปเรื่อยๆ”

“สนุก!…เป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายภาพสัตว์ป่า ได้เห็นรายละเอียดที่เราไม่เคยสังเกต เหมือนป่ามีความหมายกับเรามากขึ้น ได้ทั้งเทคนิคถ่ายภาพและมุมมองชีวิตเพิ่มขึ้น”

บางส่วนจากความคิดเห็นของผู้ร่วมสนุกในกิจกรรม “Exploring in แก่งกระจาน (ว่านเด้อแลนด์) เมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 26-27 พฤศจิกายน 2565 โดยมี “พี่ว่าน” จิตรทิวัส พรประเสริฐ ช่างภาพสารคดีสายสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ พาทอดน่องเดินสำรวจแก่งกระจาน 2 วัน 1 คืน มองใบไม้หลากสีบนยอดเขาสูง ดื่มด่ำทะเลหมอกยามเช้า เพื่อบันทึกภาพถ่ายสัตว์ป่าและเรียนรู้การอาบธรรมชาติกับเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์ไปด้วยกัน

วันเสาร์ที่ 26 เรานัดพบกันที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติบ้านกร่าง รถวิ่งฝ่าหมอกหนาและชื้นยามเช้า ไต่ระดับไปตามยอดเขาสูง มุ่งสู่ที่หมายท่ามกลางบรรยากาศฝนรวยริน มีนกเงือกคู่รักออกมาทักทายบนยอดไม้ริมทาง ต่างหยอกล้อเล่นกันสนุกสนาน สร้างความประทับใจให้เราอยู่ไม่น้อย เห็นดังนั้นแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ เพื่อบันทึกเรื่องราวที่พบเห็นเก็บไว้ในคมเลนส์

13.00 น. เราถึงจุดนัดพบที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติบ้านกร่าง หลังจากได้เติมพลังด้วยอาหารกลางวันจนอิ่มท้อง จึงพากันจับจองที่พัก เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนพูดคุยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินป่าให้เข้าใจร่วมกัน ซึ่งพี่ว่านแนะนำว่า “เดินป่า ต้องสำรวม อย่าวิ่ง…ใช้เสียงให้น้อยที่สุด เคารพสัตว์ป่าผู้เป็นเจ้าของบ้าน และต้องไม่คาดหวัง ต้องเปิดใจพร้อมเรียนรู้ มีสติอยู่กับตัวเอง ดื่มด่ำความสุขในธรรมชาติให้มากที่สุด”

14.45 น. เริ่มออกเดินสำรวจไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติวานิลา ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่พักมากนัก เราสัมผัสได้ถึงความเย็นจากหยดน้ำบนใบไม้ กลิ่นสาบของเปลือกไม้ด้านข้าง โดยมีผีเสื้อตัวน้อยบินสำรวจเป็นเพื่อน ซึ่งหากเงี่ยหูฟังให้ดีจะได้ยินเสียงร้องระงมของสัตว์ป่าแว่วมาแต่ไกล ในพื้นที่ป่ารกชื้นแห่งนี้ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เนื่องจากฝนตกทำให้ลื่นได้ง่าย เราค่อยๆ ย่ำเท้าเลาะหลบพืชจิ๋วระหว่างทางด้วยความใจเย็น

ทุกคนเลือกจุดที่ตัวเองชอบ ต่างเดินถ่ายภาพตามมุมมองที่ตัวเองถนัด หากสังเกตให้ดีจะพบพืชจิ๋วซ่อนตัวอยู่ใต้โพรงไม้ใหญ่ เช่น ใบเปราะที่ชอบขึ้นตามซอกหิน หรือบีโกเนียที่ขึ้นเฉพาะช่วงหน้าฝนเท่านั้น ยังไม่รวมพืชจิ๋วอื่นๆ ที่อวดโฉมบานสะพรั่ง ประดับผืนป่าให้งดงามอย่างที่ควรเป็น โดยเฉพาะดอกกระโถนพระรามสีแดงสด เบ่งบานสะพรั่งท่ามกลางความมืดราวกับดวงดาวยามค่ำคืน ซึ่งมีอยู่ในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก แม้จะมีกลิ่นเหม็นเหมือนเนื้อเน่า แต่พี่ว่านบอกว่ากลิ่นของมันสามารถดึงดูดแมลงให้เข้ามาผสมเกสรได้ และพืชชนิดนี้ก็หาพบได้เฉพาะในป่าภาคตะวันตกของประเทศไทยเท่านั้น

นอกจากพืชจิ๋วแล้ว ยังพบรอยเท้าสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก ทั้งรอยช้าง เก้ง กวาง หรือแม้แต่กระทิงป่า ซึ่งพี่ว่านบอกว่าเรามีโอกาสพบสัตว์ป่าได้ตลอดเวลา และจะพบบ่อยที่บริเวณแหล่งน้ำ ซึ่งสัตว์ป่ามักจะลงมากินน้ำดับกระหายอยู่เสมอ

ตกเย็น เราชวนกันมาถ่ายนกที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติบ้านกร่าง เจ้าตัวจิ๋วแม้มีขนาดเล็กจ้อย แต่เสียงร้องกลับก้องกังวานไปทั่วบริเวณ พวกมันบินโฉบไปมาเหนือยอดไม้ซึ่งเอนอ่อนไปตามแรงลม บางตัวซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ พวกเราตื่นเต้นกับการค้นหาสายพันธุ์นกจากเลนส์กล้องที่ถ่ายได้ บางคนพกสมุดดูนกมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

วันอาทิตย์ที่ 27 เราตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อขึ้นรถจากที่พัก ฝ่าหมอกหนายามเช้ามุ่งหน้าสู่พะเนินทุ่งด้วยความตื่นเต้น จากถนนคอนกรีตแปรเปลี่ยนเป็นถนนลูกรังที่เต็มไปด้วยกรวดหิน รถวิ่งไต่ระดับขึ้นสู่ภูเขาสูง มองเห็นทะเลหมอกลอยล่องไปตามสายลมโบกโบย โดยเฉพาะเมื่อเวลาแสงอ่อนสาดส่องผ่านหมอกหนาที่ปกคลุมยอดเขาสูงเป็นสีเหลืองทอง ดูราวกับภาพวาดอันสวยงามซึ่งยากต่อการอธิบายอย่างแท้จริง

ทันทีที่รถวิ่งถึงพะเนินทุ่ง เราเดินดูทะเลหมอกลอยฟูฟ่องบนยอดเขาสูง ดื่มด่ำความชุ่มชื่นจากแสงแรกของยามเช้า สูดดมกลิ่นไอหมอกหอมอวลด้วยกลิ่นใบไม้จากสายลม มองเห็นธรรมชาติซึ่งโอบอุ้มเราอยู่ หัวใจก็ผ่อนคลายไปเองได้อย่างน่าประหลาด

หลังจากเต็มอิ่มกับการได้ชมทะเลหมอก เราลงมารับประทานอาหารเช้าที่ร้านค้าสวัสดิการด้านล่าง ระหว่างนั้นเองมีค่างครอบครัวจำนวนห้าตัว กระโดดห้อยโหนไปมาอยู่บนยอดไม้อย่างไม่กลัวตก โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กยิ่งซนใหญ่ มันกระโดดเหินฟ้าจากกิ่งไม้อีกต้นสู่อีกต้นด้วยความชำนาญ และเด็ดใบไม้เข้าปาก เคี้ยวหมุบหมับดูน่าเอร็ดอร่อย บางครั้งพวกมันก็หันหน้ามาหยอกล้อเล่นกับเราด้วยแววตาเป็นมิตร เห็นแล้วรับรู้ได้ถึงความน่ารักที่ทำให้หัวใจของเราสดใสไปด้วย

11.00 น. เรากลับมาที่พักบนหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติบ้านกร่าง ชวนคุยสะท้อนกิจกรรมที่เดินป่ามาตลอดทั้งสองวัน ว่าแต่ละคนมีมุมมองต่อการเดินป่าอย่างไรกันบ้าง

เราสะท้อนความคิดเห็นที่คล้ายกันว่า ในป่ามีอะไรมากกว่าที่คิด ป่าเต็มไปด้วยสิ่งเล็กน้อยที่สวยงาม การยืนดูต้นไม้ใบหญ้าให้ความสุขทั้งภายในและภายนอก และพร้อมส่งต่อความสุขให้แก่ผู้คนที่มาเยือนธรรมชาติได้เสมอ

“มาที่นี่ไม่ได้จับมือถือเลย ทำให้คลายความเครียดจากงานได้มาก”

บางคนเหนื่อยกับงาน จึงเข้าป่าเพื่อหนีชีวิตอันวุ่นวายในเมืองใหญ่ ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ไม่อยากเป็นใคร แค่อยากอยู่กับตัวเอง เฝ้ามองตัวเอง ให้ธรรมชาติเป็นผู้เยียวยาจิตใจจากความหมองเศร้า ซึ่งมันช่วยบำบัดจิตใจที่เหนื่อยล้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาจึงมาแล้วมาอีก ซึ่งทุกครั้งที่มา พวกเขาหลงรักป่ามากขึ้น และมากขึ้นไปอีกเท่าตัว

“มาเห็นสัตว์ป่าด้วยตา มันดีกว่าในจอเยอะเลย”

“เรารักป่ามากขึ้น ป่าเต็มไปด้วยชีวิต หากไม่มีป่า ก็คิดไม่ออกว่าโลกนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป”

ความคิดเห็นเหล่านี้ แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำกิจกรรม แต่กลับสะท้อนมุมมองถึงการดำดิ่งไปกับผืนป่ารอบตัวได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้จากภูเขากว้างใหญ่ เสียงนกร้องระเริงอยู่บนกิ่งไม้ ที่กำลังเคลียคลอลูกนกตัวเล็กในรังอันแสนอุ่นใจ หมอกยามเช้าที่หายไปพร้อมสายลมโบกโบย อากาศเย็นสบาย กลิ่นไอดินคลุ้งอวลอยู่ ได้จิบกาแฟบางๆ และปล่อยใจไปตามเสียงร้องของพงไพร ความเหนื่อยล้าถูกปัดเป่าจากป่าเขียวกว้างใหญ่ หัวใจผ่อนคลายไปตามสายน้ำ ซึ่งไหลเอื่อยอย่างไม่มีวันหวนกลับ

อย่างที่พี่ว่านได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า

“การสังเกตธรรมชาติทำให้เราเรียนรู้ที่จะอดทน ได้เฝ้ามองรายละเอียดเล็กน้อยแต่สำคัญ เปรียบเหมือนการเฝ้ามองตัวเอง เพื่อเรียนรู้ที่จะเฝ้ามองผู้อื่นด้วย”

เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรม จิตใจของเราถูกบ่มเพาะให้งดงาม เช่นเดียวกับต้นไม้ที่แข่งกันโต ความละเอียดอ่อนจากการได้เฝ้าดูเพื่อนต่างเผ่าพันธุ์ คล้ายเป็นการค้นหาความหมายของชีวิตผ่านธรรมชาติ เพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

#ค่ายสารคดีคลับ จัดขึ้นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ของศิษย์เก่าค่ายสารคดี เพื่อให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของรุ่นพี่-รุ่นน้อง ตลอดจนการเข้าร่วมกันสร้างสื่อที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

  • kangkrajarntrip02
  • kangkrajarntrip03
  • kangkrajarntrip04
  • kangkrajarntrip05
  • kangkrajarntrip06
  • kangkrajarntrip07
  • kangkrajarntrip08
  • kangkrajarntrip09
  • kangkrajarntrip10
  • kangkrajarntrip11
  • kangkrajarntrip12
  • kangkrajarntrip13
  • kangkrajarntrip14
  • kangkrajarntrip15
  • kangkrajarntrip16
  • kangkrajarntrip17
  • kangkrajarntrip18
  • kangkrajarntrip19
  • kangkrajarntrip20
  • kangkrajarntrip21
  • kangkrajarntrip22
  • kangkrajarntrip23
  • kangkrajarntrip24
  • kangkrajarntrip25
  • kangkrajarntrip26