เรื่องและภาพ : ตติยา ตรียนิติกุล

Forest Bathing...หากเราเหนื่อยล้า ให้ป่าโอบกอดเรา

เคยได้ยินคนตั้งคำถามว่า “เดินป่าไปทำไม” ฉันไม่แน่ใจกับคำตอบในใจตัวเองนัก และคิดว่าถ้าอยากได้คำตอบชัดๆ ตัวฉันเองคงต้องลองเดินป่าสักครั้ง

การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ พบกับความวุ่นวาย พบผู้คนแออัด ทั้งต้องดำเนินชีวิตแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา อาจทำให้พลังและแรงบันดาลใจของบางคนลดลง วิธีเติมพลังและแรงบันดาลใจแตกต่างกันไปในแต่ละคน สำหรับฉันคือการได้ลองทำอะไรใหม่ๆ หนึ่งในนั้นคือ “การเดินป่า”

ป่ามีทั้งความสวยงามและอันตราย ซ้ำการเดินทางในป่าก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเดินเที่ยวในเมือง แต่ป่ากลับเป็นที่ที่ใครหลายคนปรารถนาจะไปเยือน

ความเหน็ดเหนื่อยกับชีวิตในเมืองกรุง ทั้งทำงานหนัก ผจญกับรถติด และสูดฝุ่นและควันจากท่อไอเสีย ทำให้ฉันคิดถึงความเย็นชื้นสดชื่นในป่าเขาจนอยากพาตัวเองไป “อาบป่า” และสูดอากาศบริสุทธิ์ในเร็ววัน

จุดหมายการเดินป่าครั้งแรกของฉันอยู่ที่ “เขาใหญ่” ระหว่างทางแม้จะมีต้นไม้หลากชนิดรวมถึงก้อนเมฆต่างรูปทรงบนท้องฟ้าให้ชม แม้ในรถจะมีเสียงเพลงให้ฟังเพลินๆ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังรู้สึกว่าเมื่อไรจะถึงจุดหมายสักที ตื่นเต้น อยากสัมผัสธรรมชาติเร็วๆ

พอเข้าสู่ประตู “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เห็นแนวไม้เขียวๆ ฉันก็สัมผัสถึงกลิ่นธรรมชาติเลยสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด อากาศเย็นกำลังดีกับแสงแดดอ่อนๆ ชวนให้เดินป่ามากๆ แล้วแค่ผ่านประตูเข้ามาฉันก็ลืมความวุ่นวายในเมือง สมองปรอดโปร่งขึ้นเลยทีเดียว

อยากยกทั้งอากาศและกลิ่นอายธรรมชาตินี้ไปไว้ในเมืองจริงๆ คงช่วยให้เรามีพลังในการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า นี่กระมังที่เขาพูดว่า “ป่าช่วยฮีลใจ”

ฉิง ลี่ อาจารย์มหาวิทยาลัยแพทย์นิปปอน โตเกียว ทำการศึกษาในปี ค.ศ. 2009 พบว่า น้ำมันหอมระเหยในธรรมชาติ ที่เรียกว่า “ไฟตอนไซด์” (phytoncide) ซึ่งต้นไม้ใหญ่ พืชผักผลไม้บางชนิด ปล่อยออกมาเพื่อป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคและแมลง เมื่อเราเข้าป่าและสูดหายใจไฟตอนไซด์เข้าไป นอกจากจะทำให้สดชื่นแล้ว มันยังอาจช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราด้วย

และยังมีการศึกษาทางจิตวิทยาโดยให้อาสาสมัคร 498 คนทำแบบทดสอบระดับอารมณ์ด้านความเกลียด ภาวะซึมเศร้า ความเบื่อ ความเป็นมิตร สุขภาวะทางจิต และความมีชีวิตชีวา เพื่อเปรียบเทียบระหว่างวันที่ใช้เวลาในป่าเฉลี่ย 20 นาทีถึง 2 ชั่วโมงต่อวัน กับวันที่ไม่ได้เข้าป่า ผลปรากฏว่า หลังจากเข้าป่า คะแนนภาวะซึมเศร้าและความเกลียดชังของอาสาสมัครลดลง ขณะที่คะแนนความมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้น จึงอาจกล่าวได้ว่าสภาพแวดล้อมในป่าเป็นภูมิทัศน์แห่งการบำบัด

ดูอย่างพวกเราสิ แค่เปิดกระจกรถรับลมธรรมชาติระหว่างขับขึ้นเขาก็สดชื่นและผ่อนคลายแล้ว ขับชมวิวไปสักพักก็ถึงจุดเดินป่าตาม “เส้นทางศึกษาธรรมชาติ” พวกเราเลือกเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ กม. 33-หอดูสัตว์หนองผักชี

เวลาแห่งความสนุกตื่นเต้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉันแอบกังวลว่าจะเดินไหวไหมหนอ จะเจออะไรที่น่ากลัวหรือเปล่า แต่กลับกลายเป็นว่าฉันได้พบเรื่องราวน่าจดจำมากมายจนเกือบจำไม่หมด…

ใบไม้ใบหญ้าแห้งเป็นความสดใสของป่าได้อย่างลงตัวเมื่อมีความชื้นจากหยดน้ำค้างแต่งแต้ม สัตว์แปลกๆ ที่ไม่เคยเจอพาให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ แม้จะคอยระวังตัวอยู่เพราะเสี่ยงจะเจอสัตว์มีพิษได้ก็ตาม มันเป็นเสน่ห์ของป่าที่สร้างความสุขได้อย่างน่าประหลาด

เสน่ห์อีกอย่างของป่าสำหรับคนเดินป่าครั้งแรกอย่างฉันก็คือ เดินไปก็ลุ้นไปว่าทางข้างหน้าจะได้เจออะไรที่น่าสนใจอีกไหม

อย่างไรก็ตามพวกเราชื่นชมป่าแบบซึมซับความสวยงามของธรรมชาติ เราไม่เด็ดดอกไม้ใบหญ้าเก็บมาไว้ชมคนเดียว เพราะความสุขความสวยงามจากธรรมชาติเหล่านี้มีไว้ให้ทุกคนได้สัมผัส ไม่ได้ให้ใครคนใดครอบครองเป็นเจ้าของ

ความร่มรื่นที่แวดล้อมทำให้ฉันเป็นสุข เหมือนป่าโอบกอดเรา เหมือนธรรมชาติมอบพลังกายพลังใจให้ กลิ่นอายของป่าเหมือนเจือด้วยมนตร์สะกด สูดหายใจเข้าไปแล้วอารมณ์ดี แจ่มใส ปลอดโปร่งโล่งใจ

แม้จะย่ำเดินบนพื้นดินที่เปียกจนชุ่มก็ไม่ได้รู้สึกเลอะเทอะเปรอะเปื้อน กลับรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นอีกเสียด้วยซ้ำ สายลมที่พัดตลอดเวลาช่วยให้สบายตัว เดินป่าได้ไม่เหน็ดเหนื่อย แถมยังสบายอารมณ์จากการมองใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลม…

ระหว่างทางเราได้พบรอยเท้าขนาดใหญ่ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเอะใจพร้อมเดาว่าน่าจะไม่ใช่รอยเท้าคนแต่เป็นรอยตีนช้าง นั่นทำให้บางคนกลัวว่าถ้าเดินต่อแล้วเจอสัตว์ใหญ่จะทำอย่างไร ลังเลว่าจะเดินกลับ แต่สุดท้ายพวกเราทั้งหมดก็ตัดสินใจเดินต่อ

เดินมาอีกสักระยะได้พบคนที่มาเดินป่าเช่นกันทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเดินสวนกับใคร ทุกคนต่างยิ้มให้กัน เหมือนยินดีที่ได้พบ “คนไทป์เดียวกัน” ชื่นชอบธรรมชาติเหมือนๆ กัน

ฉันคิดว่า ป่าช่วยเติมความสุขให้ใจเรา เราก็เลยเดินป่ากันอย่างมีความสุข…

เพื่อนฉันพูดถึงบทความที่เขาได้อ่านที่ Richard Mitchell นักวิจัยแห่ง University of Glasgow ในสกอตแลนด์ บอกว่า คนที่อยู่ใกล้สวนและพื้นที่สีเขียวมีอัตราการตายและเป็นโรคต่างๆ ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในเมือง คนและสถานที่ที่อยู่ใกล้ต้นไม้ใบหญ้าดูเหมือนจะได้รับพลังพิเศษจากสีเขียวๆ นั้น ย่านที่มีพื้นที่สีเขียวมากมีแนวโน้มจะเกิดความรุนแรงได้น้อย และถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ธรรมชาติ เพียงแค่ดูภาพธรรมชาติ ก็ส่งผลให้กลุ่มตัวอย่างที่เขาทำการวิจัยมีความสงบมากขึ้นและทำงานต่างๆ ได้ดีขึ้น

ฉันฟังแล้วรู้สึกคล้อยตามข้อมูลนี้ เพราะฉันเองก็เพลิดเพลินสดใสกับป่าเขียวๆ มากจนมารู้ตัวอีกทีก็เดินมาได้ครึ่งทางแล้วทั้งที่ตอนแรกกังวลว่าอาจจะเดินไม่ไหว หรือแม้แต่ตอนเห็นทากเกาะอยู่ที่ขา ฉันก็ทันตั้งสติแล้วหยิบมันออกโดยไม่ตกใจโหวกเหวก

ความเงียบสงบในป่าช่วยให้เราได้ยินเสียงร้องของสัตว์ต่างๆ อย่างเสียงนกหลายชนิด เสียงลิง แทรกด้วยเสียงจักจั่น การได้อยู่ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่รอบตัว ได้ฟังเสียงธรรมชาติ ได้สูดกลิ่นป่า ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติด้วย สุขใจอิ่มใจมาก หรือนี่จะเป็น “รางวัล” จากป่าที่มอบให้คนที่บากบั่นเดินทางมาเยี่ยมเยือน

ก่อนถึงช่วงท้ายเส้นทางฉันเริ่มเหนื่อยบ้างแล้ว แต่สิ่งที่ได้รับจากป่านั้นคุ้มค่า ควรแก่การเดินต่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง เพื่อนฉันบอกว่าหลายคนมาเดินป่าแล้วเข็ดไม่อยากมาอีก แต่สำหรับฉัน มันเป็นประสบการณ์ที่ดีและประทับใจมาก แม้ระหว่างทางจะทุลักทุเลบ้าง แต่มันก็เป็นความสุขที่หาไม่ได้จากที่ไหนนอกจากป่า

ฉันเคยได้ยินคำพูดว่า “ธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่มาจะเจอภาพที่ไม่ซ้ำกันเลย” ฉันจึงตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะกลับมาเดินป่าที่นี่อีก จะได้มาพบเจอทิวทัศน์ใหม่ๆ จากสถานที่เดิมที่ฉันบันทึกความสวยงามไว้ในใจแล้ว…

foresbathing18
Forest Bathing

มาร่วมกับเป็นส่วนหนึ่งในการสานสัมพันธ์กับธรรมชาติด้วยกันใน
เฟซบุ๊กกรุ๊ป Park ใจ
.
ชวน Park ใจ โดย นิตยสารสารคดี นายรอบรู้ นักเดินทาง
สนับสนุนโดย เพจความสุขประเทศไทย และ ธนาคารจิตอาสา