มีความเชื่อหนึ่งที่ซ่อนในหัว คือถ้าเรามีเข็มทิศหรือแผนที่เราจะไม่หลงทาง
แต่ความจริงยังขึ้นอยู่กับว่าเราอ่านเข็มทิศกับแผนที่ออกไหม
และสำคัญกว่าอีกคือเรารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนและกำลังจะไปไหน
มนุษย์วิวัฒนาการมาจากการเดินทาง จากเอปหรือลิงไม่มีหางที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ ลงมาเดินสองขาตัวตรงท่องไปในทุ่งหญ้า เดินไกลไปเรื่อยๆ จากทวีปแอฟริกา ขึ้นทิศเหนือไปยุโรป เลี้ยวขวามาตะวันออกกลาง อินเดีย จีน ตะวันออกเฉียงใต้ สุดขอบแผ่นดินแล้วยังไม่พอใจ หาทางลงเรือข้ามทะเลไปตามหมู่เกาะ ถึงทวีปออสเตรเลีย และจากตอนเหนือยุโรปยังอ้อมซ้ายไปถึงทวีปอเมริกา
ตั้งแต่ โฮโม อิเร็กตัส เดินทางไปเกือบรอบโลกเมื่อราว ๑ ล้านปีก่อน พร้อมกับเกิดวิวัฒนาการหลายเผ่าพันธุ์ ทั้งต่อสู้แย่งชิงและผสมกลืนเผ่าพันธุ์อื่น จนเหลือเพียง โฮโม เซเปียนส์ ในวันนี้ มนุษย์เดินทางตลอดเวลาไปรอบโลกกลมๆ
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าสมองมนุษย์มีความสามารถในการสร้างแผนที่แผ่นดินอยู่ในหัว เช่นเดียวกับสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะนกที่บินบนฟ้าสูงและมองลงมายังแผ่นดินเบื้องล่าง นกรู้ว่าวันนี้ เช้า สาย บ่าย เย็น จะไปหากินต้นไหน กลับมาเกาะคอนนอนต้นไหน (ใครจะรู้ มันอาจวางแผนไว้แล้วด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้ เดือนนี้ หรือฤดูนี้จะไปไหนบ้าง) ยิ่งนกอพยพข้ามทวีมยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้จะมีคำอธิบายว่านกมีเข็มทิศแม่เหล็กในสมองทำงานด้วยผลจากควอนตัมกับสนามแม่เหล็กโลก แต่มันก็ต้องรู้ว่าจะไปที่ไหน ไม่ใช่แค่ทิศไหน แผนที่บอกตำแหน่งจุดหมายจะอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ใช่ในสมองเล็กๆ เท่าผลลำไย
สัตว์ป่าสมองใหญ่และฉลาดที่สุดอีกเผ่าพันธุ์ ฝูงช้างป่านำโดยช้างอาวุโส จะเดินท่องไปในป่าโดยไม่หลงทาง มันมีเส้นทางเดินหาแหล่งอาหารกลางป่าใหญ่หลากหลายและยาวไกล หลายเส้นใช้เป็นทางประจำในแต่ละเดือนแต่ละปี ถ้าฝูงช้างไม่มีแผนที่ป่าและต้นไม้พืชอาหารเก็บเป็นชิปเมมโมรีในหัว เชื่อว่าเผ่าพันธุ์มันคงไม่รอดหากปล่อยตัวปล่อยใจเดินแบบสะเปะสะปะอย่างสุ่มและอย่างเสี่ยง
ขณะที่มนุษย์บางกลุ่มหยุดเดินและตั้งเมืองตั้งถิ่นฐานสร้างวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น มนุษย์บางกลุ่มยังชอบผจญภัย เที่ยวแสวงหาดินแดนที่ยังไม่รู้จักต่อไปอีก แผนที่ในหัวสมองจึงถูกแปรเป็นภาพสัญลักษณ์ขีดเขียนบนวัตถุสื่อกลาง เพื่อสื่อสารความเข้าใจต่อที่ตั้งเมือง แผ่นดินโลก และตำแหน่งของโลกในจักรวาลที่ใหญ่กว่า
แล้ววันหนึ่งจากการครอบครองถิ่นฐานก็กลายเป็นเขตแดนการปกครอง แผนที่ทวีความสำคัญในฐานะหลักฐานการแบ่งแผ่นดินว่าส่วนไหนตรงไหนเป็นของใคร เพื่อถือสิทธิ์ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทุกประเภท ทั้งทรัพยากรมนุษย์และธรรมชาติในเส้นขีดล้อมรอบ แม้แต่นกและช้างก็ถูกมนุษย์ยึดครองด้วยอำนาจของแผนที่
สงครามแย่งชิงแผ่นดินเกิดขึ้นนับไม่ถ้วน อาจมากกว่าจำนวนเมืองและจำนวนผู้ปกครองผู้มีอำนาจและยังไม่เห็นอนาคตว่าสงครามครั้งสุดท้ายนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไร
ทุกวันนี้แม้จะมีแผนที่ดิจิทัลละเอียดที่สุดจากดาวเทียมบนฟ้า ที่สามารถเห็นแม้แต่รูขุมขนบนตัวเรา
มนุษย์ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน และจะไปที่ไหน
สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
บรรณาธิการบริหารนิตยสาร สารคดี
- จากบทบรรณาธิการ สารคดี ฉบับที่ 474 กันยายน 2567
- อ่านบทความของ สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
- ติดตามเพจ Sarakadee Magazine