จักรพันธุ์ กังวาฬ : แปล/เรียบเรียง
ภาพ : ศูนย์ข้อมูลสารคดี วีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง ถ่ายปี 2554



ฝนฤดูมรสุมที่รุนแรงและหมอกหนามิได้เป็นอุปสรรคขัดขวางเหล่าสาวกและผู้ศรัทธาหลายพันคนที่หลั่งไหลมาสู่ธรรมศาลา เมืองน้อยเชิงเขาหิมาลัยทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย เพื่อร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันประสูติครบ 90 พรรษาขององค์ดาไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
พิธีเฉลิมฉลองครั้งใหญ่นี้จัดขึ้นเป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน จนถึงวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม ผู้ที่มาร่วมงานนอกจากบรรดาชาวทิเบตพลัดถิ่นที่ลี้ภัยไปยังหลายประเทศรวมทั้งอินเดีย พระสงฆ์ในพุทธศาสนาจากทั่วโลก ยังมีกลุ่มบุคคลสำคัญเช่นรัฐมนตรีอินเดียหลายคน และดาราฮอลลีวูดชื่อดังอย่าง ริชาร์ด เกียร์ ซึ่งปวารณาตัวเป็นผู้ศรัทธาต่อดาไลลามะมาเป็นเวลานาน
ช่วงเวลาสำคัญในวันที่ 6 กรกฎาคม ณ สถานที่จัดพิธีคือ Tsuklakhang Tibetan Buddhist Complex องค์ดาไลลามะทรงปรากฏกายต่อหน้าฝูงชน ท่ามกลางเสียงสวดมนต์ การเต้นระบำหน้ากากพลิ้วไหวตามจังหวะดนตรีที่ประโคมโดยฆ้อง ปี่ และแตร รวมถึงการขับร้องเพลงอวยพรให้พระองค์มีพระชนมายุยืนยาว ขณะที่องค์ดาไลลามะเสวยขนมเค้กที่ตกแต่งด้วยผลไม้สดและดอกลิลลี่สีขาว
ก่อนหน้านี้หนึ่งวันคือในวันเสาร์ องค์ดาไลลามะทรงยืนยันกับผู้ร่วมพิธีว่าพระองค์ยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมตั้งเป้าว่าจะมีพระชนมายุยืนยาวถึง 130 พรรษา
นอกจากนั้นยังมีพระดำรัสว่าพระองค์ไม่เคยเสียพระทัยเลยเมื่อมองย้อนกลับไปในทุกช่วงชีวิตที่ผ่านมา
ดาไลลามะองค์ปัจจุบันนับเป็นดาไลลามะองค์ที่ 14 มีพระนามว่า เทนซิน เกียตโซ ประสูติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 1935 ในครอบครัวเกษตรกรที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทิเบต
ในวัยเพียงสองขวบชีวิตของเด็กชายตัวน้อยต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง เมื่อมีเบาะแสระบุว่าเขาคือดวงวิญญาณของดาไลลามะองค์ที่ 13 กลับชาติมาเกิดใหม่ จึงต้องถูกนำตัวไปทดสอบกับพระลามะชั้นผู้ใหญ่เพื่อสืบทอดเป็นดาไลลามะองค์ต่อไป
ชาวพุทธเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ขณะที่พุทธศาสนานิกายวัชรยานของทิเบตมีความเชื่อว่าองค์ดาไลลามะคือการจุติของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรผู้เปี่ยมเมตตา ซึ่งมาเกิดในร่างมนุษย์เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ และดวงวิญญาณขององค์ดาไลลามะจะกลับชาติมาเกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
รวมทั้งยังเชื่อว่าผู้ที่บรรลุสภาวะทางจิตขั้นสูงอย่างองค์ดาไลลามะสามารถกำหนดได้ว่าจะกลับชาติมาเกิดในสถานที่ไหนและเวลาใด
การค้นหาดาไลลามะองค์ใหม่จึงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและอาจชวนพิศวงสำหรับโลกภายนอก
ที่ประชุมของลามะชั้นผู้ใหญ่จะเริ่มเสาะหาเด็กชายผู้เกิดมาในเวลาไล่เลี่ยกับการสิ้นพระชนม์ของดาไลลามะองค์ก่อน โดยอาศัยเบาะแสชี้นำต่างๆ เกี่ยวกับลักษณะท่าทางหรือตำแหน่งที่อยู่ของเด็กชายผู้นั้น เช่น ภาพนิมิตจากความฝัน ทิศทางที่ควันไฟโชยไปจากกองเพลิงเผาพระศพของดาไลลามะองค์ก่อน รวมทั้งทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ทางตอนกลางของทิเบตก็เป็นสถานที่ซึ่งให้เบาะแสได้
เด็กชายที่ถูกค้นพบจะเผชิญการทดสอบ โดยได้รับสิ่งของต่างๆ มากมาย หากสามารถระบุได้ถูกต้องว่าชิ้นใดเป็นเครื่องใช้ของดาไลลามะองค์ก่อน ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเขาคือองค์ดาไลลามะที่กลับชาติมาเกิดใหม่
เมื่อเด็กชายเทนซิน เกียตโซ ผ่านการทดสอบโดยราบรื่น ก็เข้ารับการศึกษาและฝึกฝนทางด้านศาสนา จนกระทั่งได้สืบทอดหน้าที่องค์ดาไลลามะอย่างเต็มตัวเมื่อท่านมีพระชนมายุได้ 15 พรรษา
ทว่าความพลิกผันรุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนส่งกองทัพเข้ามาผนวกดินแดนทิเบตในปี 1950 หลังจากนั้นเมื่อการลุกฮือขึ้นต่อต้านของชาวทิเบตถูกปราบปรามอย่างราบคาบในปี 1959 องค์ดาไลลามะจึงต้องอพยพลี้ภัยจากถิ่นเกิดพร้อมชาวทิเบตนับหมื่นคนมาสู่แหล่งพักพิงที่เมืองธรรมศาลา ประเทศอินเดีย ซึ่งกลายเป็นที่พำนักของพระองค์มาถึงปัจจุบัน และเป็นที่ตั้งของรัฐบาลพลัดถิ่นทิเบตอีกด้วย
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาองค์ดาไลลามะถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวทิเบตพลัดถิ่น รวมทั้งชาวทิเบตที่อยู่ภายในเขตการปกครองของจีน และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านอำนาจของจีนที่ครอบงำทิเบต
อย่างไรก็ตามนับจากทศวรรษที่ 70 องค์ดาไลลามะทรงละวางแนวคิดสนับสนุนทิเบตให้แยกตัวเป็นรัฐอิสระจากจีนอย่างสิ้นเชิง แต่หันมาส่งเสริมการเป็นเขตปกครองตนเองที่ชาวทิเบตยังสามารถรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ศาสนา และอัตลักษณ์ของตนเองได้อย่างแท้จริง
แนวทางการแก้ปัญหาอย่างสันติและปราศจากความรุนแรงขององค์ดาไลลามะ ที่เรียกว่า “หนทางสายกลาง” ทำให้พระองค์ได้รับแรงสนับสนุนจากทั่วโลก และถูกเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่อปี 1989
จนกระทั่งถึงปีปัจจุบัน ในวาระที่องค์ดาไลลามะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา พระองค์ได้ส่งสารสู่สาธารณะชนให้เห็นถึงความสำคัญของการแสวงหาความสงบสุขทางใจผ่านการเป็นคนมีจิตใจดีและเมตตากรุณา
ในพิธีเฉลิมฉลองครั้งนี้ที่มีระยะเวลา 7 วัน นอกจากมีกิจกรรมต่างๆ ทางศาสนา และการประชุมของพระสงฆ์จากทั่วโลก ยังบรรจุวาระสำคัญยิ่งที่ชาวพุทธทิเบตต่างเฝ้ารอมาเนิ่นนาน นั่นคือการประกาศเรื่องผู้สืบทอดตำแหน่งดาไลลามะองค์ต่อไป
เมื่อวันพุธที่ 2 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่สามของพิธีเฉลิมฉลอง องค์ดาไลลามะมีพระดำรัสเผยแพร่ผ่านวิดีโอว่า พระองค์จะมีผู้สืบทอดหลังจากที่สิ้นพระชนม์แล้ว โดยที่องค์กรกาเด็น โพดรัง ที่พระองค์ตั้งขึ้นเท่านั้นจะมีสิทธิ์รับรองการกลับชาติมาเกิดของพระองค์
“ไม่มีใครอื่นที่จะเข้ามาแทรกแซงได้”
ก่อนหน้านี้ชาวทิเบตจำนวนมากวิตกกังวลว่าสถาบันดาไลลามะที่สืบทอดมาร่วม 600 ปีอาจถึงกาลสิ้นสุด กระทั่งองค์ดาไลลามะทรงเผยว่าการสืบทอดตำแหน่งจะมีความชัดเจนมากขึ้นในวาระที่ท่านมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา
นอกจากนั้นพระองค์ทรงเขียนไว้ในหนังสือเล่มล่าสุดว่า
“ดาไลลามะองค์ต่อไปจะประสูติในโลกเสรี” ซึ่งหมายถึงดินแดนนอกประเทศจีน
คำประกาศเรื่องผู้สืบทอดขององค์ดาไลลามะเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นับเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งระลอกใหม่กับรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ซึ่งที่ผ่านมาประนามพระองค์ว่าเป็น “ผู้แบ่งแยกดินแดน”
กระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุในการแถลงข่าวว่า การกลับชาติมาเกิดของดาไลลามะองค์ต่อไปจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายและข้อกำหนดของจีน โดยกระบวนการเสาะหาและยืนยันตัวตนจะต้องดำเนินการในประเทศจีน พร้อมทั้งย้ำว่าการสืบทอดตำแหน่งองค์ดาไลลามะต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลจีนเท่านั้น
เหตุการณ์ความขัดแย้งในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นเป็นตัวอย่างมาแล้วในอดีต นั่นคือกรณีการสืบทอดตำแหน่งพระปันเชนลามะ ซึ่งเป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงเป็นอันดับสองของพุทธศาสนาทิเบต เมื่อปี 1995 หลังจากที่พระปันเชนลามะองค์ที่ 10 มรณภาพลง องค์ดาไลลามะทรงระบุว่าเด็กชายวัย 6 ปีที่ชื่อ เกดหุน โชคยี นยีมา คือผู้ที่พระปันเชนลามะกลับชาติมาเกิดใหม่ ทว่าอีกสามวันต่อมาเด็กชายและครอบครัวที่อาศัยอยู่ในทิเบตก็หายตัวไปพร้อมกันอย่างลึกลับจวบจนบัดนี้ ขณะที่จีนได้แต่งตั้งตัวแทนของตนเป็นพระปันเชนลามะองค์ใหม่ ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับจากคนทิเบตส่วนใหญ่
ความพยายามควบคุมการสืบทอดตำแหน่งพระลามะชั้นผู้ใหญ่สะท้อนให้เห็นว่าจีนต้องการกระชับอำนาจเพื่อควบคุมทิเบตอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางกายภาพและความคิดจิตใจของผู้คน
ขณะเดียวกันยังเผยให้เห็นความตึงเครียดระหว่างจีนและอินเดียซึ่งมีพรมแดนของประเทศติดกัน เพราะแม้ว่าอินเดียให้การยอมรับอย่างเป็นทางการว่าทิเบตเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน แต่อีกด้านหนึ่งอินเดียก็ยินยอมให้องค์ดาไลลามะเข้ามาพำนักเพื่อลี้ภัย และอนุญาตให้รัฐบาลทิเบตพลัดถิ่นดำเนินงานจากธรรมศาลา
กล่าวได้ว่าประเด็นการสืบทอดตำแหน่งองค์ดาไลลามะเป็นเรื่องที่ประชาคมโลกให้ความสนใจ รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาที่ออกพระราชบัญญัตินโยบายและการสนับสนุนทิเบต ค.ศ. 2020 (Tibetan Policy and Support Act of 2020) ซึ่งเป็นกฎหมายที่กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับทิเบต มุ่งสนับสนุนสิทธิของชาวทิเบตในการกำหนดชะตากรรมของตนเอง
แม้ว่าในระยะหลังองค์ดาไลลามะแทบไม่ได้ทรงเดินทางไปต่างประเทศเนื่องจากมีพระชนมายุสูงขึ้น ทว่ายังคงมีบุคคลสำคัญส่งข้อความอวยพรมาให้เนื่องในวันประสูติครบ 90 พรรษาของพระองค์อย่างอบอุ่น อาทิ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 คน ได้แก่ บารัค โอบามา, บิล คลินตัน และ จอร์จ ดับเบิลยู บุช
รวมทั้ง มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ส่งข้อความสนับสนุนความพยายามในการอนุรักษ์มรดกของชาวทิเบต “รวมถึงความสามารถในการเลือกและเคารพผู้นำศาสนาอย่างเสรีโดยไม่มีการแทรกแซง”
ด้านประธานาธิบดี ไล ชิง-เต๋อ แห่งไต้หวันระบุในข้อความอวยพรว่าสิ่งที่องค์ดาไลลามะทรงทำนั้น “สะท้อนถึงทุกคนที่รักเสรีภาพ ประชาธิปไตย และเคารพสิทธิมนุษยชน”
ขณะที่นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ก็ส่งคำอวยพรพร้อมยกย่องว่า “พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ความเมตตา ความอดทน และวินัยทางศีลธรรมอันยั่งยืน คำสอนของพระองค์สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความเคารพและความชื่นชมจากทุกศาสนา เราขออธิษฐานให้พระองค์ทรงมีสุขภาพแข็งแรงและมีพระชนมายุยืนยาวตลอดไป”