ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล : เรื่องและภาพ
“หลังน้ำท่วมใหญ่คิดว่าน้ำลดแล้วชีวิตเราจะดีขึ้น แต่มันยิ่งเพิ่มสารพิษเข้ามาอีก ตอนที่น้ำท่วมก็ได้รับความทุกข์มหาศาลแล้ว มาเจอสารพิษอีก ทุกวันนี้ชาวบ้านเศร้าใจ ไม่รู้จะทำยังไง มองน้ำกกก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง จะหาปลาก็ไม่ได้”
จิรภัทร์ กันธิยาใจ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 14 บ้านร่มไทยรับผิดชอบดูแลหย่อมบ้านแก่งทรายมูลกล่าวเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ริมแม่น้ำกกสีขุ่นโคลนที่มีสารหนูเกินมาตรฐาน ไม่สามารถใช้น้ำหรือลงเล่นน้ำได้ตามปรกติ
เมื่อเดือนกันยายน 2567 เคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่หย่อมบ้านแก่งทรายมูล สายน้ำเชี่ยวพัดพาตะกอนดินโคลนมาสู่อย่างไม่เคยเกิดมาก่อนในชั่วชีวิต ก่อนที่กลางปีถัดมาจะตรวจพบการปนเปื้อนของสารโลหะหนักในแม่น้ำ คาดว่าเกิดจากการเปิดหน้าดินกลางผืนป่ารัฐฉาน และกิจการเหมืองแร่หายาก หรือ แรร์เอิร์ธ
หย่อมบ้านแก่งทรายมูลเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านร่มไทย ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่แรกที่แม่น้ำกกที่มีต้นกำเนิดจากรัฐฉานไหลเข้าสู่ประเทศไทย
ชุมชนชายแดนที่ได้รับผลกระทบใหญ่หลวงจากมหันตภัยสายน้ำที่ถูกทำให้ปนเปื้อนสารพิษ

(1)
“มันเป็นความเดือนร้อนทั้งระบบ ไม่ใช่ของร่มไทยที่เดียว”
ประเสริฐ กายทวน
ผู้ประสานงานชาวบ้านร่มไทย ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
เราเป็นหมู่บ้านชายแดน จากนี้ไปนิดเดียวก็เป็นพื้นที่ทับซ้อน ต่างคนก็ต่างบอก นี่ของไทย นี่ของพม่า
ในส่วนชาวบ้าน เมื่ออยู่ชายแดน ปัญหาหนึ่งที่เจอคือมลพิษที่มากับควันช่วงมกราคม-พฤษภาคมของทุกปี เราขอให้เขาช่วยเจรจา คุยหน่อยได้ไหมว่าอย่าให้มีการเผา อย่าให้ต้องนำเข้าควันพิษ
ปัญหาที่สองคือเรื่องน้ำหลาก ตั้งแต่วันที่ 18-19 สิงหาคม 2567 ฝนยังไม่ตกหนัก แต่มวลน้ำมา ความผิดแผกแตกต่างที่เรามองเห็นคือท่อนซุง กิ่งไม้ มาเยอะกว่าที่เคย คิดว่าไม่ปลอดภัย ไม่ปรกติ เงียบหายไปสักพักหนึ่งถึงวันที่ 9-11 กันยายน 2567 เกิดพายุยางิ เราเฝ้าติดตาม ในส่วนการเตือนภัยหมู่บ้านเปียงคำซึ่งเป็นหมู่บ้านคู่ขนานกับเราทางตอนบนฝั่งพม่าเตือนมา แต่มันไม่ได้เป็นแบบทางการ ใครมีเพื่อนติดต่อทางเฟสบุ๊กก็ส่งข่าว เห็นเขาไลฟ์สดเราติดตาม ไม่นึกว่าจะลงมาถึงเราได้
คิดว่าการรับรู้ข่าวสาร ต้องมีการข่าวของเราข้างบนสำหรับรายงานเรื่องอุทกภัยโดยเฉพาะ เราไม่ได้มองเรื่องความมั่นคง เรามองเรื่องการส่งข่าวน้ำ ที่ผ่านมามันเป็นแบบเครือญาติ ส่วนทางการยังเป็นไปไม่ได้ แล้วจะทำยังไงให้เราติดตามสถานการณ์อย่างทันต่อเนื่อง ฝนตกปั๊บเรารู้ จะส่งคนขึ้นไปดูบางทีไม่ปลอดภัย ระดับน้ำสูงขนาดนั้นคนเข้าไม่ได้ ทุกวันนี้ฝนตก ฟ้าร้อง นิดหนึ่งชาวบ้านตื่นแล้ว เขากลัวกัน
ปัญหาที่สามคือเรื่องสารพิษในแม่น้ำกก ทุกคนรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จากประสบการณ์ของพวกเรามองว่าปัญหาลำห้วยคลิตี้ปนเปื้อนสารตะกั่วที่หมู่บ้านคลิตี้ล่าง จังหวัดกาญจนบุรี เกิดมากี่สิบปีแล้วยังแก้ไม่ได้ ทั้งที่เกิดในประเทศไทย มีคนบอกขนาดคลิตี้ยังแก้ไม่ได้แล้วพวกคุณเป็นใครจะไปบังคับให้รัฐแก้ไข แล้วรัฐจะไปแก้ไขกับใคร นี่คือสิ่งที่เราได้ยินมา ก็ถ้าเราไม่พูดใครจะได้ยิน ถ้าเราไม่บอกใครจะรู้
ในเมื่อเราเจอปัญหา ถึงเวลาหรือยังที่จะตะโกนโหนข่าว ให้รัฐดูแลช่วยเหลือเรา บ้านร่มไทยทั้งแก่งทรายมูลใช้น้ำประปาภูเขา แต่มันมีช่วงที่ต้องใช้น้ำกก ถ้าน้ำประปาภูเขาซึ่งเราอิงกับธรรมชาติไม่ให้น้ำเรา น้ำไม่มา น้ำแห้ง จนทำให้ชาวบ้านแก่งทรายมูลต้องลงทุนร่วมกันซื้อเครื่องสูบน้ำกกไปใช้เมื่อ 3-4 ปีก่อน ใส่แทงค์น้ำแล้วปล่อยลงมา แล้วถามว่าชาวบ้านจะไม่เดือดร้อนได้ยังไง
เราไม่ได้มีปฏิปักษ์อะไรกับหน่วยงานรัฐ แต่เราต้องการให้สนใจพวกเราบ้าง ไม่ใช่ทำเหมือนเด็กหิวนม พูดเยอะ เอาเงินยัดปาก จบ มันไม่ใช่
ตอนนี้เป็นยุคของเรา แล้วต่อจากนี้ รุ่นลูกของเรา หลานเรา อีกกี่ปีสถานการณ์ถึงจะดีขึ้น เราขอให้เกิดกระบวนการไปเจรจา ทุกวันนี้เหมือนตีกับใครไม่รู้ ต่อยกับใครไม่รู้อยากให้คนทางโน้นลงมาคุยกัน เพราะยังไงเขาไม่ให้เราขึ้นไป อยากให้ตัวแทนหมู่บ้านลงมาคุยกัน วางระบบ มันเป็นความเดือนร้อนทั้งระบบ ไม่ใช่ของร่มไทยที่เดียว เราขอไปแล้วแต่บางหน่วยงานบอกว่าอนุญาตไม่ได้ ให้เขาเข้ามาไม่ได้
หน่วยงานเองถ้าคุณจริงใจในการแก้ปัญหา คุณเปิดได้มั้ย ไม่เป็นทางการก็ได้ ให้เขามาแล้วคุยปัญหากัน แค่เราต้องการความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน นี่คือการส่งต่อข้อมูลกันเท่านั้น0 แต่มันไม่เกิด
น้ำจากเปียงคำมาถึงเราประมาณ 3-4 ชั่วโมง จากตรงนี้ไปเชียงรายอีก 8 ชั่วโมง ถ้ารู้สถานการณ์พร้อมกันมันน่าจะป้องกันได้อยู่ เป็นไปได้ไหมเอาปัญหานี้ไปคุยที่เปียงคำ อย่างที่บอกเราไมได้มองเรื่องความมั่นคง แต่มองเรื่องอุบัติภัยที่มันจะเกิดขึ้นกับมวลมนุษยชาติ พวกเราอยากให้เกิดสิ่งนี้
เรื่องสารพิษจะให้เราตรวจกันเองก็ไม่ใช่ ไม่เหมือนโควิด ไปซื้ออุปกรณ์มาตรวจเองได้ แต่สารพิษมันเกินขีดความสามารถ ผลของการเฝ้าระวัง เท่าที่เห็นก็จะไม่มีใครลงน้ำแล้ว

(2)
“น้ำท่วมก็ได้รับความทุกข์มหาศาล ยังมาเจอสารพิษซ้ำ”
จิรภัทร์ กันธิยาใจ
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 14 บ้านร่มไทย ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
รับผิดชอบหย่อมบ้านแก่งทรายมูล
11 กันยายน 2567 บ้านเปียงคำ หมู่บ้านคู่ขนานฝั่งรัฐฉานในเมียนมาเตือนว่าน้ำกำลังมาแล้วนะ เราส่งเสียงตามสายว่าน้ำกำลังจะขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะมหาศาล แถวนี้เป็นน้ำหมด ข้าวของเสียหาย เอาออกไปไม่ได้ ใครก็คิดไม่ถึง คิดว่าเดี๋ยวน้ำก็ลง เสียหายเยอะ โคลนเต็มบ้าน
หลังน้ำท่วมใหญ่คิดว่าน้ำลดแล้วชีวิตเราจะดีขึ้น แต่มันยิ่งเพิ่มสารพิษเข้ามาอีก ตอนที่น้ำท่วมก็ได้รับความทุกข์มหาศาลแล้ว มาเจอสารพิษอีก ทุกวันนี้ชาวบ้านเศร้าใจ ไม่รู้จะทำยังไง มองน้ำกกก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง จะหาปลาก็ไม่ได้
น้ำขุ่นเพิ่มขึ้นทุกวัน มันขุ่นแบบสีแดง ๆ เวลาน้ำกระเพื่อมจะเห็นเป็นเส้น แบบสะเก็ดขาว ๆ แถวฝั่งน้ำ ไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับไปเหมือนเดิม
พอตรวจพบว่าแม่น้ำกกมีสารหนูทางท้องถิ่นก็แจ้ง มีป้ายประกาศว่าห้ามลงเล่นน้ำ ไม่ให้สัมผัสน้ำ
ปรกติหน้าร้อนจะเป็นที่พักผ่อน ทำแพ ตั้งแต่กุมภาพันธ์ถึงเมษายน พฤษภาคม เป็นรายได้ของชุมชนที่ทำมาค้าขาย ลงเล่นน้ำ หาปูหาปลา เก็บผักตามริมน้ำ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในชุมชนทั้งสองฝั่ง
บางคนเป็นแผลดำ ๆ บางคนเป็นผื่นไม่หายเพราะลงไปทำแพ ลงไปเล่นน้ำ มีเณรด้วยนะ ปรกติเล่นกันไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้ลงเล่นไม่ได้ เวลาเจ้าหน้าที่จะมาเอาปลาไปตรวจ ให้ลงไปจับก็ไม่มีใครอยากลง

(3)
“กลัวต้องรับสารพิษระยะยาว กลัวรัฐบาลแก้ปัญหาช้า กลัวบานปลายกว่านี้”
ทศพร สามหน่อวงศ์
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 14 บ้านร่มไทย ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
ชาวบ้านวิตกกังวล กลัวต้องรับสารพิษระยะยาว กลัวรัฐบาลแก้ปัญหาช้า กลัวบานปลายกว่านี้
ที่ผ่านมามีหน่วยงานสาธารณสุข อำเภอ เข้ามาแจ้ง ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสารพิษ สารปนเปื้อน สารหนู สารตะกั่ว ว่าถ้าร่างกายได้รับจะเป็นอะไรบ้าง เตือนว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเล่นน้ำ
มีตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เฉพาะกลุ่มเสี่ยง เฉพาะหย่อมบ้านแก่งทรายมูลประชากรประมาณ 2,000 คน สุ่มตรวจ 6 คน แบ่งเป็นเด็ก คนสูงอายุ คนตั้งครรภ์ เขาใช้วิธีสุ่มตรวจ ไม่ได้ตรวจทุกคน
สองปีที่ผ่านมาน้ำในแม่น้ำกกมีสีขุ่น รู้มาว่าทางเหนือน้ำทำถนน ความผิดปกติเริ่มต้นหลังจากเหตุการณ์พายุยางิช่วงเดือนกันยายน 2567 น้ำหลากเข้ามาในหมู่บ้าน ตลิ่งและบ้านเรือนพังเสียหาย ถึงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมปกติน้ำจะเริ่มลดและสีเริ่มใส แต่เข้าเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 แล้วน้ำยังไม่หายขุ่น
ช่วงก่อนสงกรานต์ 2568 ก่อนที่จะมีข่าวออกยังเล่นน้ำกันอยู่ เพราะไม่มีใครบอกว่าสาเหตุเกิดจากอะไร

(4)
“เคยจัดทีมเด็ก ๆ เตะฟุตบอลตามชายหาด พาไปเล่นน้ำ ถ้าตรวจสุขภาพจริงก็อยากพาเด็ก ๆ ไปตรวจด้วย”
ก๊อบ โกฏคำ
ผู้นำเยาวชนบ้านร่มไทยตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
ผมเกิดบ้านแก่งทรายมูล ตอนนี้อายุ 42 ปี ทำแพริมน้ำกกและเป็นเกษตรกร ออกหาปลา ที่ผ่านมาหาปลาให้นักข่าวกับเจ้าหน้าที่หลายคน ตอนจับปลาให้กรมประมงต้องสัมผัสแม่น้ำกก ยังไม่มีใครมาตรวจสุขภาพผมเพราะเขาสุ่มตรวจไม่เจอ การจับปลาส่วนมากใช้วิธีตก ช่วงนี้เขาไม่ให้ลงน้ำ
ผมเล่นน้ำกกมาตั้งแต่เด็ก โตมาก็ทำแพท่องเที่ยว ซุ้มอาหาร เวลาทำแพต้องลงแช่น้ำเป็นวัน เคยออกผื่นแดง ๆ คัน ๆ ขึ้นตามขอบกางเกงก่อน ตอนนั้นยังไม่มีข่าวออก ข่าวมันมาออกทีหลังว่ามีสารหนู มีสารอะไรบ้างในแม่น้ำผมก็ไม่รู้
เคยจัดทีมเด็ก ๆ เตะฟุตบอลตามชายหาด พาไปเล่นน้ำ ถ้าตรวจสุขภาพจริงก็อยากพาเด็ก ๆ ไปตรวจด้วย
ผมเป็นผู้นำเยาวชน พาเด็ก ๆ ตระเวนแข่งฟุตบอลได้ที่หนึ่งตลอดนะ แล้วก็พาไปเล่นน้ำ ล่าสุดมี อสม. กระทรวงสาธารณสุขมาบอกไม่ให้ลงเล่นน้ำ แต่ผมจัดไปแล้ว
บางคนไม่แพ้เหมือนผม บางคนแพ้แต่ไม่กล้าออกสื่อ มีคนออกผื่นตามขา ผู้ใหญ่อายุ 40 กว่า 50 กว่าก็มี เด็กที่เป็นนักกีฬาอาการน้อยกว่าเพราะภูมิต้านทานน่าจะสูง
กระทบอาชีพการงานเยอะมาก ปรกติก่อนมีนาหรือเมษาผมต้องเริ่มทำซุ้มแล้ว เป็นรายได้ช่วงหน้าเทศกาล วันสงกรานต์ รายได้ตรงนี้แค่เดือนกว่า เวลาที่เหลือไปทำสวน จับปลา ปลาที่หาได้ส่วนใหญ่ขายในหมู่บ้าน ไม่ได้ไปทุกวัน สัปดาห์หนึ่งบางทีไป 2-3 วัน ไม่เคยตีเป็นเลขกลม ๆ วันหนึ่งจับปลากดได้ประมาณ 3 กิโลกรัม ตีไปกิโลกรัมละ 100-120 บาท
หมายเหตุ : อ่านข่าวอื่น ๆที่เกี่ยวข้อง
- Transboundary Environmental Problems ผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน
- “ต้องไม่ปฏิเสธว่าปัญหาลุ่มน้ำกกเป็นภัยความมั่นคงขั้นสูงสุด” – ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- “หยุดแหล่งกำเนิดมลพิษเป็นอันดับแรก…ฟื้นฟูระบบนิเวศแม่น้ำที่ปนเปื้อน” – ผศ.ดร.เสถียร ฉันทะ สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย คณะกรรมการลุ่มน้ำโขงเหนือ
- แม่สายสะอื้น สารหนูปนเปื้อนแม่น้ำ