
อันดับสุดท้ายในชุดของพระพุทธรูปปางต่างๆ สำหรับพิธีการมหาทักษา คือพระประทับนั่งขัดสมาธิเพชร ปางสมาธิ ซึ่งตามตำราให้บูชาเมื่อพระเกตเข้าแทรก จึงไม่นับเป็นพระพุทธรูปประจำวัน เพราะไม่มีวันในรอบสัปดาห์ที่เป็นวันพระเกตโดยเฉพาะ
พระพุทธรูป “ปางสมาธิ” เป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง มุ่งเน้นที่อาการของพระหัตถ์เป็นสำคัญ คือพระหัตถ์ขวาวางทับพระหัตถ์ซ้ายซึ่งอยู่เหนือพระเพลา (ตัก) แต่เฉพาะพระพุทธรูปสำหรับพิธีการมหาทักษาเมื่อเวลาพระเกตเข้าแทรก กำหนดให้ใช้พระพุทธรูปปางสมาธิ ที่ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร หรือ “วัชระอาสนะ” คือนั่งขัดสมาธิให้พระชงฆ์ (แข้ง) ไขว้กัน หงายฝ่าพระบาทขึ้นทั้งสองข้าง แลเห็นฝ่าพระบาททั้งซ้ายและขวา
พระพุทธรูปที่พบในประเทศไทยซึ่งอยู่ในอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิเพชร ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนา (หรือที่เคยเรียกกันว่า “แบบเชียงแสน”) อันได้รับแบบอย่างมาจากศิลปะแบบปาละ-เสนะ ที่เคยเจริญรุ่งเรืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย แต่เฉพาะที่เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิเพชร และทำปางสมาธิ ดูเหมือนจะพบไม่มากนัก
หนึ่งในจำนวนนั้นได้แก่ “หลวงพ่อนาก” หรือ “พระเจ้านาก” ซึ่งปัจจุบันประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ข้างสนามหลวงของกรุงเทพฯ พระพุทธรูปองค์นี้มีพุทธลักษณะงดงามและมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ
หลวงพ่อนากเป็นพระพุทธรูปองค์ย่อมๆ ขนาดตักกว้างเพียง ๓๖.๕ เซนติเมตร สูง ๔๘ เซนติเมตร หรือถ้านับตลอดฐาน (ซึ่งสามารถถอดแยกได้) ก็เท่ากับ ๘๕ เซนติเมตร กรมศิลปากรกำหนดให้เป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนา มีอายุในพุทธศตวรรษที่ ๒๑
พระนาม “หลวงพ่อนาก” เป็นชื่อใหม่ เรียกตามผิวโลหะขององค์พระที่เป็นสีนาก (โลหะผสมระหว่างทองคำ เงิน กับทองแดง) กล่าวคือแม้พระพุทธรูปองค์นี้หล่อด้วยสำริด ซึ่งเป็นโลหะผสมระหว่างทองแดงกับดีบุก แต่ก็อาจมีทองคำผสมอยู่ด้วยในเปอร์เซ็นต์สูง
ความพิเศษของพระพุทธรูปองค์นี้คือมีพระรัศมีรูปดอกบัวตูมที่ทำด้วยไม้ สามารถถอดออกได้ ภายในเป็นช่องสำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ รวมทั้งที่ฝ่าพระบาทซึ่งหงายขึ้นนั้น ยังจำหลักลายธรรมจักรและมงคล ๑๐๘ อันเป็นมหาปุริสลักษณะ (ลักษณะของมหาบุรุษ) ของพระพุทธองค์
ที่ฐานหลวงพ่อนากมีจารึกภาษาบาลี เขียนด้วยอักษรธรรมล้านนา กล่าวว่าพระเจ้ายุธิษฐิระโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ในปีมหาศักราช ๑๓๙๘ ตรงกับพุทธศักราช ๒๐๑๙ หรือ ๕๕๐ ปีมาแล้ว
เมื่อปี ๒๔๖๐ สมัยรัชกาลที่ ๖ เกิดเหตุคนร้ายลักลอบขุดกรุเจดีย์วัดป่าแดงหลวงดอนไชยบุนนาค อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา บังเอิญว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ลักลอบขุดได้ พร้อมพระพุทธรูปของกลางที่จังหวัดลำปาง “หลวงพ่อนาก” จึงถูกยึด แล้วนำไปเก็บรักษาไว้ที่ศาลจังหวัดเชียงราย เพราะขณะนั้น พะเยายังมีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของเชียงราย เพิ่งมายกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดต่างหากสมัยรัชกาลที่ ๙ เมื่อปี ๒๕๒๐ นี่เอง
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๗ พระดุลยธารณปรีชาไวท์ (ยม สุขานุศาสน์) ขณะดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวเสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือในปี ๒๔๖๙ ต่อมาภายหลัง จึงพระราชทานให้แก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร
“หลวงพ่อนาก” จึงได้มาประดิษฐานอยู่ ณ ที่นั้น จนถึงบัดนี้

