รา-ทราย

เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เรามองโลกจากสายตาที่เห็น

อะไรที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจึงเข้าใจยาก และไม่รู้สึกว่ามีอยู่

ยกตัวอย่าง “รา”  สิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วที่แทรกซึมอยู่ในแทบทุกอณูบนพื้นโลก มีวิวัฒนาการมาเป็นพันล้านปี แต่ไม่อยู่ในบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร  จะยกเว้นก็เห็ดที่เพาะกิน (ซึ่งเป็นราพวกหนึ่ง) และคำอุทานด่าว่าราสีดำสีขาวที่ขึ้นอาหาร ผลไม้ หรือขนม ที่เผลอตั้งทิ้งไว้

แต่ในธรรมชาติ รามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อระบบการหมุนเวียนแร่ธาตุอาหารของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต

เช่นเดียวกับหาดทรายชายทะเล

ทุกวันนี้ภาพที่เราเห็นถ้าไปอยู่ริมชายหาด คือบริเวณพื้นทรายว่างเปล่า เศษขยะ กับคลื่นทะเลซัดสาด  ถัดขึ้นมาเป็นถนนเลียบหาดและสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์  ถ้าแย่หน่อย บางแห่งยังแปลกปลอมและน่าเกลียดด้วยกำแพงหรือขั้นบันไดหินกันคลื่น ซึ่งเป็นตัวทำลายกระบวนการสะสมหาดทรายตามธรรมชาติ

แต่ถ้าหมุนเข็มนาฬิกาย้อนหลังไป ๒๐๐-๓๐๐ ปี หรือ ๑,๐๐๐ ปี ก่อนที่มนุษย์จะมาบุกรุกตั้งถิ่นฐาน

ตรงที่เรายืนข้ามกาลเวลามาจะกลายเป็นเนินทรายที่ปกคลุมด้วยพืชพันธุ์สูงๆ ต่ำ ๆ เรียกกันว่าป่าชายหาด และเราอาจเหยียบย่ำพืชอะไรสักอย่างอยู่จนต้องรีบยกเท้าหนี

แต่วันนี้ถ้าไปถามนักท่องเที่ยวตามชายหาดว่า ป่าชายหาดคืออะไร นอกจากจะบอกว่าไม่รู้ อาจมีคนถามว่าคือป่าชายเลนไหมเพราะมีน้อยคนมากที่เคยเห็นป่าชายหาด ส่วนป่าชายเลนอาจเคยได้ยินบ้าง

ดังนั้นในความรับรู้ ป่าชายหาดจึงไม่เคยมีอย

ทั้งที่ป่าชายหาดมีบทบาทสำคัญต่อการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งจากคลื่นลม พายุ หรือแม้แต่สึนามิ มันยังทำหน้าที่รักษาแผ่นดินที่งอกเงยจากการสะสมตะกอนให้ยื่นออกไปในทะเล  ถ้าเพียงแต่มนุษย์จะแบ่งปันพื้นที่ดั้งเดิมให้มันดำรงอยู่

ราเชล คาร์สัน นักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมของโลก เคยกล่าวว่า “ในทุก ๆ โค้งหาด ในทุก ๆ เม็ดทราย โลกได้ซ่อนเรื่องราวเอาไว้”

เรื่องราวของราและทรายจึงมาบรรจบกันตรงนี้

คำถามคือบนเนินทรายที่มีแต่เม็ดทราย  ซึ่งก็คือหินขนาดเล็กจิ๋ว ไม่มีดินเหมือนตามสวนเกษตร ทำไมพืชในป่าชายหาดจึงเจริญงอกงามขึ้นมาได้

จากการศึกษารากของพืชเหล่านี้ พบราสำคัญจำพวกหนึ่งที่เรียกว่าไมคอร์ไรซา ทำหน้าที่ดูดซึมแร่ธาตุและน้ำจากพื้นทรายมาหล่อเลี้ยงพืช โดยพืชตอบแทนเป็นน้ำตาลจากการสังเคราะห์แสง

เป็นวิวัฒนาการที่มีมาร่วมกันอย่างแนบแน่นยาวนานหลายร้อยล้านปีระหว่างรากของพืชกับราไมคอร์ไรซา ซึ่งความจริงไม่เฉพาะพืชในป่าชายหาด แต่พืชในแทบทุกแห่งต่างต้องพึ่งพาราไมคอร์ไรซา  ตั้งแต่พืชอัลไพน์ในเขตเทือกเขาสูงหิมาลัย ถึงพืชป่า พืชตามที่ราบลุ่ม และพืชชายหาด

หากขาดราที่เรามองไม่เห็น พืชป่าชายหาดก็ไม่อาจเติบโตไม่อาจหยั่งรากยึดเนินทรายชายฝั่งให้คงสภาพ  ลมและคลื่นทะเลจะทำลายเนินทราย พัดทรายกลับลงทะเล หรือปลิวหายกระจายไป

และที่สุด คือชายฝั่งไม่อาจก่อตัวรุกคืบแนวเขตทะเล จนกลายเป็นแผ่นดินให้มนุษย์ตั้งถิ่นฐาน

สิ่งที่เรามองเห็น กำเนิดจากสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่อย่าลืมครับว่า ไม่ใช่ว่ามันไม่มีอยู่ หรือไม่เคยดำรงอยู่ และยังมีพัฒนาการของมันเองตลอดเวลา หากมนุษย์ไม่เข้ามาขัดขวาง

สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
บรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี
suwatasa@gmail.com