เรื่องและภาพ สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ

เคยเป็นไหม
ทุกครั้งที่ดูภาพถ่ายเก่าขาวดำ
จะเกิดความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายเป็นคำพูดได้ยาก
คล้ายดั่งภาพฝัน ในความทรงจำแหว่งวิ่นหลังตื่นจากหลับใหล
ทุกสิ่ง พร่าเลือน ซ้อนทับ และซ่อนงำ
สับสน ระหว่างความจริงกับความมีอยู่
ขณะที่ภาพยืนยันสายตาว่า “พวกเขามีตัวมีตนอยู่จริงๆ”
แต่ ณ กาละ-มณฑลนี้ เราก็รู้ว่าพวกเขานั้น
“ไม่ดำรงอยู่แล้ว…”

เราเกิดความปรารถนาลึกๆ ภายใน
ที่จะพบบางสิ่งบางอย่างระหว่างภาพนั้นกับความจริง
แม้ที่สุดแล้ว อาจไม่สามารถจับต้องสิ่งใดได้เลยก็ตาม

ความรู้สึกพิเศษ อันแสนซับซ้อนนี้
ยิ่งเด่นชัด
และน่าหลงใหล
ระหว่างเดินชม นิทรรศการภาพถ่ายขาวดำจากฟิล์มกระจก
Glass Plate Negatives: Circles of Centres
ชั้น ๙ หอศิลป์กรุงเทพ
ซึ่งชุดภาพทั้งหมดวาง Centre – “ศูนย์กลาง” ไว้ที่
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
คัดสรรและประมวลภาพจัดแสดงโดยภัณฑารักษ์ คือท่านผู้หญิง สิริกิติยา เจนเซน

เราอาจเดินชมภาพทั้งหมด โดยไม่ต้องรู้เบื้องหลังใดๆ ในความคิดของภันฑารักษ์
ปล่อยให้ภาพแต่ละภาพ สร้างบทสนทนากับตัวเรา
ตามแต่ ความทรงจำ ความรู้สึก ความรับรู้ และประสบการณ์ของแต่ละคน
แต่ละภาพ ก่อเกิดปฏิกิริยากับเรา มาก น้อย แตกต่างกันไป

หากความเข้าใจ ความซาบซึ้ง อาจดิ่งลึกขึ้น
เมื่อได้อ่านคำบรรยายของภัณฑารักษ์
ตั้งแต่ตรงจุดเริ่มต้นนิทรรศการ และคำเกริ่นนำของชุดภาพ
ซึ่งแบ่งเป็นห้าบท – ระหว่างห้ามณฑลของพื้นที่จัดแสดง

สาระสำคัญท่อนหนึ่ง บันทึกว่า
“ภาพถ่ายในนิทรรศการนี้บันทึกช่วงเวลาสำคัญโดดเด่นของสยาม
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เคยเป็นโลกเปี่ยมพลังศักดิ์สิทธิ์
ประกอบด้วย ‘วงกลมแห่งศูนย์กลาง’
เมื่อก้าวจากศูนย์กลางไปสู่ชายขอบ ก็ไม่มีพิกัดละติจูดหรือลองจิจูด
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถิต ณ ศูนย์กลางของสยาม
ทรงเผชิญและจัดการกับความซับซ้อนของภูมิทัศน์การเมืองอันผันแปร
เรื่องราวนี้ไม่ได้มีเพียงมิติเดียว หากแต่มีหลากมิติ
ประกอบด้วยโครงสร้างแห่งอำนาจและ ‘กลิ่นหอมหวลอบอวล’ ที่นิยามไม่ได้
สิ่งที่มักถูกมองข้ามนี้เอง คือสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้พระองค์ทรงกระทำในสิ่งที่ต้องทำ
หรือสิ่งที่ทราบกันว่าเป็น “เหตุผล” ของพระองค์…”
(จาก บันทึกนิทรรศการ – ท่านผู้หญิง สิริกิติยา เจนเซน)

วงกลมศักดิ์สิทธิ์นั้นเรียกว่า มันดารา (mandala)

จากบทที่ ๑ การผสมผสานระหว่างเกล็ดเงินและแสง บทที่ ๒ เศษเสี้ยว
บทที่ ๓ วงกลมแห่งศูนย์กลาง บทที่ ๔ การเสด็จประพาสปักษ์ใต้และดินแดนอื่น
ดึงดูดเราให้ดำดิ่งไปในแต่ละห้วงเวลา ผู้คน และสถานที่
“เมื่อก้าวออกจากศูนย์กลางของสยามไปสู่ชายขอบ จะไร้สำนึกของสถานที่ ไร้เขตแดน ไร้พิกัดละติจูดหรือลองจิจูด…”

รอยด่างดวง เส้นริ้วและรอยแผล ฉาบเปื้อนบนภาพถ่ายแต่ละภาพ
ราวกับความทรงจำแหว่งวิ่นหลังตื่นจากหลับใหล
พร่าเลือน ซ้อนทับ และซ่อนงำ

ถึงบทจบ บทที่ ๕
ความรู้สึกพิเศษที่มีต่อภาพถ่ายเก่าของเรา ได้รับการอธิบายผ่านคำว่า Punctum
“จู่ๆ สิ่งหนึ่งในภาพก็ดูเหมือนพุ่งทะลุออกมาราวกับลูกศร แทงทะลุผู้ชม
เป็นสิ่งที่โรล็องด์ บาร์ตส์ นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส กล่าวว่ามีคำภาษาละติน
ที่อธิบายการพุ่งแทงทะลุนี้ นั่นคือ the punctum
สิ่งนี้เองคือสิ่งที่เชื่อมโยงจิตวิญญาณของผู้ชมเข้ากับภาพถ่าย”

คำอธิบายที่เข้าใจได้ยากนั้น
ยืนยันด้วยภาพหนึ่งบนผนัง ที่แทงทะลุ สะกดให้เรายืนซึม
ระลึกถึงทุกภาพที่ผ่านตา และทุกสิ่งที่พระองค์ต้องเผชิญมา

“ผลที่จะได้นั้นมีแต่ชื่อเสียงปรากฏเมื่อเวลาตายแล้วว่าเป็นผู้รักษาวงศ์ตระกูลไว้ได้ และเป็นผู้ป้องกันความทุกข์ของราษฎรซึ่งอยู่ในอำนาจความปกครอง ต้องหมายใจในความสองข้อนี้เป็นหลักมากกว่าคิดถึงการเรื่องอื่น ถ้าผู้ซึ่งมิได้ทำใจได้เช่นนี้ ก็ไม่แลเห็นเลยว่าจะปกครองรักษาแผ่นดินอยู่ได้” – พระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๗
.
ส่วนสำหรับคุณจะเป็นภาพไหน
คงต้องหาเวลาไปสนทนากับภาพชุดนี้ และค้นพบภาพที่จะทิ่มแทงตัวคุณ
ด้วยตัวคุณเอง
ก่อนนิทรรศการจะสิ้นสุด วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๘

ขอขอบคุณ

  • ท่านผู้หญิง สิริกิติยา เจนเซน
  • เกล้ามาศ ยิบอินซอย
  • รศ.ดร. กิติเชษฐ์ ศรีดิษฐ
  • จิตรทิวัส พรประเสริฐ

ภาพลำดับต่อไปนี้
คือความรู้สึกพร่าเลือนและหลงใหลที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวกับผู้เขียน
ในนิทรรศการ Glass Plate Negatives: Circles of Centres
ซึ่งขอนำมาแบ่งปัน

ให้ภาพทิ่มแทง ใน Mandala แห่งกาลเวลา
ภาพแรกที่บ่งบอกว่านิทรรศการนี้ไม่ได้นำเสนอภาพถ่ายที่สมบูรณ์แบบ ไร้รอยตำหนิ
timtang02
น้ำหนักแสงที่ผิดเพี้ยน ดูราวกับเธอทั้งสามจะอยู่คนละมิติ แม้จะนั่งอยู่ด้วยกัน
timtang03
การจัดแสดงภาพ ที่พาเราเลื่อนไหลไปในมณฑล – มันดารา
timtang04
กลุ่มภาพที่เลือกวางมาประกอบกัน สร้างบทสนทนาอีกบทหนึ่ง เมื่อเรายืนมองจากระยะไกล
timtang05
ด่างดวง และดวงพระเนตร
timtang06
อยากรู้ว่าเมนูอะไรบ้าง
timtang07
ข้าวในจาน นิ้วชี้ และผ้าพันคอ
timtang08
ขีดรอย ทุ่งนา
timtang09
วิญญาณในภาพถ่าย – ภาพซ้อนที่เกิดจากความผิดพลาดในการใช้เพลทฟิล์มกระจกถ่ายซ้ำ
timtang10
ทับซ้อน
timtang11
เก้าอี้ กระถางลายจีน
timtang12
“ผู้คนอาจจำเสี้ยวส่วนหนึ่งของพระพักตร์ได้ การเคลื่อนไหวของพระกรหรือพระหัตถ์ อาจไม่เคยจำพระองค์ท่านได้อย่างครบถ้วนเลย นอกจากผ่าน “เศษเสี้ยว” เหล่านี้ สิ่งนั้นอาจไม่ใช่พระองค์ ขณะเดียวกันก็ไม่อาจเป็นใครได้อีก” – ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน
timtang13
“ภาพคู่” ที่เราจะเห็นบ่อยบนผนังจัดแสดง เป็นภาพที่ถ่ายเพื่อใช้ดูกล่องดูภาพ “สามมิติ” โดยภาพซ้ายกับภาพขวาจะถ่ายเลื่อมมุมกันเล็กน้อย
timtang14
กล้องถ่ายภาพสามมิติ
timtang15
แม่อุ้มลูก ชาวจีนที่อพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่ ไว้ผมเปียอย่างคนราชวงศ์ชิง หลากชาติพันธุ์
timtang16
รอยแตกระแหง และรถเจ๊ก
timtang17
ภาพขยายใหญ่ในขนาดที่พาเราเข้าไปดำดิ่งกับรายละเอียดเล็กๆ ในภาพได้ง่ายๆ พร้อบกับบทบรรยายถ้อยคำสละสลวย
timtang18
ความผิดพลาด กับคลับคล้ายเมฆหรือลมทะเล
timtang19
มือไม่ว่าง
timtang20
ดอกหญ้า ดวงวิญญาณ รอยเปื้อนจากกาลเวลา
timtang21
กาลครั้งหนึ่ง
timtang22
ระหว่างมันดาลา
timtang23
แอบมอง
timtang24
ทำอะไรอยู่นะ
timtang25
หญ้าลอยลม ซ่อนมุมภาพ
timtang26
ทุกคน กล้องพร้อมยัง?
timtang27
ฉากคาวบอยตะวันตก
timtang28
ทรงควบม้าพระที่นั่ง
timtang29
“ภาพทั้งภาพคล้ายถูกอาบไล้ด้วยไอหมอกแห่งกาลเวลา แต่สายพระเนตรกลับกระจ่างชัด แววพระเนตรนั้นเองคือ punctum ของภาพนั้น” – ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน
timtang30
ทอดพระเนตรการแข่งว่าว
timtang31
punctum ของใครบางคน
timtang32
ระหว่างภาพ และภันฑารักษ์ ท่านผู้หญิงสิริกิยา เจนเซน