C-130 ข้าวกระป๋องและน้ำท่วมใหญ่

เช้าวันเสาร์ที่ ๒ เมษายนที่ผ่านมา เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ขึ้นมารับสาย น้องที่ทำงานโทรมาแจ้งว่า ตอนสิบโมงจะมีเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศบรรทุกสิ่งของไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎรานี จะติดเครื่องไปด้วยไหม

เก้าโมงกว่า เรามาถึงสนามบินกองทัพอากาศที่ดอนเมือง  รอเจ้าหน้าที่ขนอาหารแห้ง เรือท้องแบน ยารักษาโรค จนเต็มลำเรือ คณะที่เดินทางไปด้วยสิบกว่าคนก็ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ผ้าใบวางเรียงรายสองแถวรัดเข็มขัด สักพัก C-130  ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

เครื่องบินลำเลียง  C-130 ของสหรัฐอเมริกา แม้จะมีอายุเก่าแก่กว่าสี่สิบปี ผลิตกันมาตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม แต่ถือเป็นเครื่องบินยอดนิยมของทหารทั่วโลก  เพราะอะไหล่หาง่าย ราคาถูก  เครื่องยนต์ไม่จุกจิก ใช้งานได้นาน สมรรถนะเป็นเลิศ ไว้ใจได้เสมอในทุกสภาพอากาศ ไม่ต่างจากปืนกลประจำตัว  M- 16 ที่ปัจจุบันยังได้รับความนิยมเป็นปืนประจำตัวทหารทั่วโลก ด้วยเหตุผลใกล้เคียงกัน

ก่อนหน้านี้หลายวัน C-130 ฝ่าอากาศวิปริตและเมฆฝนที่ปกคลุมภาคใต้ ทะยานลงจอดบนสนามบินเพื่อลำเลียงอาหารและสิ่งของจำเป็นแก่พี่น้องชาวใต้ที่เดือดร้อนจากภัยธรรมชาติอย่างไม่คาดฝัน อัน เป็นผลมาจากอิทธิพลของความกดอากาศต่ำจากประเทศจีนตั้งแต่วันที่ ๑๘ มีนาคมที่เคลื่อนตัวเข้ามา และมาเจอกับความกดอากาศต่ำในอ่าวไทย  เกิดการรวมตัวกันของความกดอากาศทั้งสองนี้  และเคลื่อนเข้าพื้นที่ภาคใต้ ทำให้เกิดพายุคล้ายดีเปรสชัน ฝนตกหนักตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีจนถึงจังหวัดพัทลุง  เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ภูเขาถล่มอย่างรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิตคนปักษ์ใต้ ผู้ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า กลางเดือนมีนาคมแห่งฤดูร้อน ช่างมีสภาพไ ม่ต่างจากช่วงฤดูฝนเลย

พี่จี๊ดหรือคุณจิรนันท์ พิตรปรีชา เคยเขียนถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า มีสภาพราวกับ “ภูเขายุ่ย สายน้ำโยน เป็นโคลนข้น”

สนามบินกองทัพอากาศที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี วันนี้กลายเป็นที่พำนักชั่วคราวของผู้คนจำนวนมากที่ไม่รู้จะไปไหน ตั้งแต่หน่วยทหาร หน่วยราชการหลายแห่งที่ระดมกันเข้ามาช่วยเหลือ รวมถึงประชาชนที่อยากจะเดินทางลงใต้  แต่ไม่สามารถเดินทางลงไปได้อีก เพราะถนนถูกน้ำท่วม

เราช่วยกันลำเลียงเสบียงอาหาร ถุงยังชีพ เรือท้องแบนขึ้นรถบรรทุกทหารยูนิม็อก ๖ คัน  แต่พอขบวนรถออกจากสนามบินได้ไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร ตามถนนสายเอเชียมีรถบรรทุก รถเทลเล่อร์ รถยนต์ขนาดต่าง ๆ จอดอยู่ข้างถนนหลายร้อยคัน  รถติดเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร เนื่องจากถนนถูกน้ำท่วม รถเหล่านี้ไม่สามารถเดินทางไปต่อได้ ก็เลยจอดข้างถนนหลายวันแล้ว   ส่งผลให้การจราจรติดขัด กลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการลำเลียงสิ่งของจำเป็นไปให้กับผู้ประสบภัย

ขบวนรถจึงเปลี่ยนทิศ พากันลัดเลาะเข้าสู่ทางลัดตามตรอกซอกซอย มุ่งหน้าไปตำบลหัวเตย ที่ได้รับรายงานว่าน้ำท่วมหนักมาก ยิ่งลึกเข้าไปในหมู่บ้าน ระดับน้ำตรงถนนก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สองข้างทางที่ต่ำกว่าถนน  บ้านชาวบ้านถูกน้ำท่วมเกือบถึงชั้นสอง บางหลังที่มีชั้นเดียวระดับน้ำก็สูงเกือบท่วมหลังคา  ประเมินด้วยสายตาแล้ว ระดับน้ำสองข้างทางน่าจะสูงประมาณสองเมตร ส่วนบนถนนที่อยู่สูงกว่า รถบรรทุกยังสามารถฝ่าน้ำสีโคลนดินเข้าไปได้นั้น ระดับน้ำน่าจะสูงร่วมเมตรได้

บ้านหลังใดโชคดีอยู่บนที่เนิน  บริเวณที่ว่างกลายเป็นที่จอดรถหนีน้ำ ของเพื่อนบ้าน บริเวณคอสะพานบนถนนที่เป็นจุดสูงกว่าที่อื่น ๆ จะมีชาวบ้านอพยพมาตั้งเต้นท์ยึดเป็นเรือนนอนชั่วคราว และปล่อยให้เป็นที่เลี้ยงวัว เลี้ยงหมา

แต่รถยนต์หลายคันที่หนีน้ำไม่ทันก็ถูกปล่อยจมไว้ข้างถนน เช่นเดียวกับหมูหลายตัวที่ยังยืนขาแช่น้ำอยู่หลายวัน เพราะเจ้าของจนปัญญาจะนำหมูเหล่านี้ไปไว้ตรงไหน

“น้ำมันมาแรงและเร็วมาก ป้าเก็บของไม่ทันเลย” ป้าคนหนึ่งผู้มารอรับสิ่งของยกมือขอบคุณพวกเราที่ดั้นด้นมาถึงที่นี่เป็นทีมแรก ขณะที่ลุงคนหนึ่งว่ายน้ำมาจากบ้าน เพื่อมารับสิ่งของไปให้กับลูกหลานในบ้านหลายคน  อีกด้านหนึ่งตำรวจน้ำหลายคนยืนเรียงแถวส่งเสบียงเป็นทอด ๆ ไปให้กับผู้ประสบเคราะห์อีกหลายคนที่ไม่สามารถออกมาจากบ้านได้

ก่อนหน้านี้เราเห็นน้ำและถุงอาหารยังชีพจำนวนมากกองอยู่บนปากทางเข้ามา เพราะไม่มีรถขนาดใหญ่ที่สามารถฝ่าน้ำท่วมขนเสบียงเข้ามาได้

“ข้าวกระป๋องพวกนี้ สุกแล้วนะพอเปิดออกมาแล้วกินได้เลยไม่ต้องหุงใหม่” เจ้าหน้าที่ตะโกนบอกชาวบ้าน เพราะทราบดีว่า คนเหล่านี้ไม่มีทางจะก่อไฟหุงอาหารได้

รถยูนิม็อกฝ่าน้ำไปได้ไม่กี่กิโลเมตร ก็เริ่มถอดใจ ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นมาก จนพลขับเกรงว่าเครื่องจะดับกลางถนน เรือท้องแบนก็ถูกนำมาใช้ต่อไป คราวนี้เราตัดเข้าไปตรงท้องทุ่งที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ ผ่านโรงงานไม้ยางพาราที่จมน้ำ ผ่านวัด มุ่งหน้าไปหมู่บ้าน แห่งหนึ่ง  เห็นบ้านหลังหนึ่งอยู่บนที่ดอน จึงแล่นเรือไปจอดตรงนั้น เพื่อใช้เป็นจุดขนถ่ายเสบียงอาหารให้แก่ชาวบ้านละแวกนั้น

สักพักชาวบ้านก็เดินลุยน้ำ บ้างก็พายเรือเล็ก ๆ เข้ามารับเสบียงถุงยังชีพอย่างทั่วถึง ซึ่งแน่นอนว่าความช่วยเหลือแบบนี้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หากน้ำลดแล้ว ความเสียหายจริง ๆของชาวบ้านหลายล้านคนคงจะเผยโฉมให้เห็นจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมบ้านเรือน  ไร่ปาล์ม สวนยาง สวนผลไม้ ฯลน ที่เสียหายจะกู้คืนมาอย่างไร ไม่รวมถึงชีวิตหลายสิบคนที่สูญเสียไปจากภัยธรรมชาติที่มนุษย์ไม่ได้คิดจะวางแผนรับมือเลยในครั้งนี้

“ผมมีนากุ้งอยู่สิบบ่อ บ่อหนึ่งลงทุนไปหลายล้านบาท พอน้ำท่วมทีเดียว กุ้งหายหมด ผมล้มละลายทันที ไม่รู้ว่าจะไปใช้หนี้สินได้อย่างไร” หนุ่มใหญ่คนหนึ่งระบายให้ฟังถึงอนาคตของตัวเองด้วยความเครียด

ในอนาคต มนุษย์ตัวเล็ก ๆอย่างเราจะปรับตัว ตั้งรับ กับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่แปรปรวนตลอดเวลาได้อย่างไร

ใกล้เที่ยงคืนแล้ว เครื่องบิน C-130 ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า บินทะลุเมฆฝนลอยต่ำ ตัดอ่าวไทยมุ่งหน้าสู่มหานครใหญ่

เรามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเพียงความมืดมิดในยามรัตติกาล  บางขณะรับรู้กับสภาพเมื่อเครื่องบินขนาดใหญ่สั่นไปทั้งลำเมื่อตกหลุมอากาศ

เริ่มตั้งแต่ต้นปีมานี้  เหตุแผ่นดินไหว  คลื่นยักษ์สึนามิ และพายุพัดกระหน่ำมาเป็นระลอก ทำให้เชื่อแล้วว่า มนุษย์ตัวกระจิดริดจริงๆ ยามเมื่อธรรมชาติจะเอาคืน

จากสารคดี เมษายน 2554

Comments

  1. aruneeben

    ตามอ่านตลอด เปลี่ยนหน้าที่การงานแล้ว งานยุ่งขึ้นหลายเท่าตัว ก็ยังแบ่งเวลามาเขียน ดีจริง ขอบคุณ

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.