Enemies of people

วันก่อนมีโอกาสได้ชมภาพยนต์สารคดีเรื่องหนึ่งชื่อ Enemies of people หรือ “ศัตรูประชาชน”  เปิดเผยเบื้องหลังการฆ่าล้างผู้คนสองล้านคนในยุคเขมรแดงครองประเทศเมื่อสามสิบปีก่อน

คนที่ยังไม่ได้ชมหรือไม่ได้ยินหนังเรื่องมาก่อน คงต้องหาโอกาสไปดูก่อนหนังจะลาโรงนะครับ เวลาเพียง 90 นาทีของหนังเรื่องนี้ ทำให้คนดูตาสว่างเข้าใจประวัติศาสตร์บางช่วงได้ชัดเจน ที่สำคัญคือได้เข้าใจห้วงลึกของมนุษย์จริง ๆ

มนุษย์อย่างอดีตทหารเขมรแดงวัยหกสิบกว่าที่ออกมารับสารภาพว่าเป็นคนปาดคอเหยื่อนับร้อยคน ด้วยมือของเขาเอง ในช่วงระหว่างปีค.ศ. 1975-1979

มนุษย์อย่างนวล เจีย ผู้นำเบอร์สองของเขมรแดง ที่ออกมายอมรับการสังหารหมู่เป็นครั้งแรก รู้ว่าต้องกำจัดศัตรู แต่ไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้

Enemies of people เปิดเรื่องด้วยการติดตามการทำงานของเต็ด สัมบัท นักข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์พนมเปญ โพสต์ ผู้ใช้เวลาสิบปีในการติดตามสืบหาตามสัมภาษณ์ นวล เจีย ผู้นำเขมรแดงที่ยังมีชีวิตอยู่วัยแปดสิบปี

ในช่วงที่เขมรแดงเรืองอำนาจ พ่อและพี่ชายของเต็ด สัมบัท ถูกสังหารโหด แม่ของเขาตกเป็นเมียของนายทหารเขมรแดงคนหนึ่ง หากไม่ยอมพลีกายให้ ลูก ๆของเธออาจจะตายหมด สุดท้ายแม่ก็ตายจากการตั้งครรภ์และตกเลือด

เต็ด สัมบัทใช้เวลาหลายปีในการแวะเวียนไปหา นวล เจีย เพื่อสร้างความสนิทสนมเป็นกันเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง นวล เจียยอมเปิดปากสารภาพเหตุการณ์ครั้งสำคัญของโลก

นายนวล เจีย เกิดเมื่อปี 2468 ในครอบครัวชาวกัมพูชาเชื้อสายจีน ที่จังหวัดพระตะบอง เขาเคยเป็นศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เคยรับราชการอยู่กระทรวงการคลัง และเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หลังจากนั้น เขาก็โอนสมาชิกภาพไปสังกัดพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนที่เวียดนาม  และออกมาร่วมก่อตั้งเคลื่อนไหวกลุ่มเขมรแดงร่วมกับพอลพต

นวล เจีย เล่าให้ฟังว่า ตอนที่เขมรแดงยึดประเทศกัมพูชาได้สำเร็จแล้ว เขาเป็นคนบอกให้พอลพต อดีตนักศึกษาจากฝรั่งเศสขึ้นมาเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งของเขมรแดง และเริ่มต้นสร้างสังคมคอมมิวนิสต์ในอุดมคติ โดยทำให้คนเขมรทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีชนชั้นเหลืออยู่ ทรัพย์สินทุกอย่างถูกยึดมาเป็นของรัฐ และเริ่มต้นให้ทุกคนทำการผลิตเหมือนกัน โดยการกวาดต้อนคนในเมืองออกไปสู่ชนบทเพื่อทำนา

นวล เจียบอกว่า ตอนนั้น พวกเขมรแดงฝันที่จะสร้างรัฐสังคมนิยมให้เข้มข้นกว่าจีนแดงของประธานเหมา เจ๋อ ตง เสียอีก

นวล เจียบอกว่า การผลักดันประเทศให้เป็นสังคมอุดมคติย่อมมีผู้ต่อต้าน ย่อมมีศัตรู จึงต้องกำจัดออกไป โดยเฉพาะพวกสายลับเวียดนามที่แทรกซึมอยู่ทั่วไป หากไม่กำจัดทิ้ง เขมรก็จะพ่ายแพ้

หนังตัดฉากสลับไปที่ ชายชราร่างเล็ก ผิวคล้ำ รูปร่างล่ำสันสองคน คือ สูน กับ คูน หากเขาไม่เปิดปากพูดออกมา ก็จะไม่รู้ว่าอดีตทหารเขมรแดงสองคนนี้ เคยฆ่าปาดคอหอยคนมาหลายร้อยคนแล้ว

เต็ด สัมบัท พาพวกเขาไปยังท้องนาแห่งหนึ่ง ให้พวกเขาชี้จุดที่เคยเป็นหลุมศพขนาดใหญ่ใต้ต้นตาล บางแห่งเป็นหนองน้ำ ที่ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่า เอาไว้อาบน้ำได้ แต่ไม่กินเด็ดขาดเพราะรู้ว่าใต้ผิวน้ำ เป็นหลุมฝังศพนับร้อย

“ เราจะพานักโทษออกไปที่ลานสังหารตอนกลางคืน บางครั้งไปกันทั้งครอบครัว บางทีผมจะเริ่มฆ่าพ่อก่อน พวกเด็ก ๆ ก็ร้องไห้บอกว่าอย่าตีพ่อหนู อย่าฆ่าพ่อหนูเลย พอผมฆ่าพ่อเสร็จแล้ว ผมก็จับเด็กมาฆ่าต่อ  หรือบางครอบครัวผมก็ฆ่าเด็กก่อนจะฆ่าพ่อแม่ ” สูนยอมสารภาพเรื่องนี้เป็นครั้งแรก

เต็ด สัมบัท ได้ให้พวกเขาสาธิต อดีตทหารเขมรแดงจับชายคนหนึ่งนอนคว่ำหน้า และเอามือจิกหัวและดวงตาให้แหงนหน้าขึ้นมา ก่อนจะเอามีดทำท่าปาดคอด้วยความคล่องแคล่ว

“บางวันผมปาดคอไปหลายศพจนเจ็บมือมาก ผมจึงใช้วิธีแทงคอเหยื่อสลับกันไป” คูน กล่าวเสริมขึ้นมาว่า พวกเขาฆ่าคนวันละสิบยี่สิบศพตลอดระยะเวลาสามเดือน

ทั้งคู่ยอมรับว่า ได้กินน้ำดีของคนตายด้วย แม้ว่ารสชาติจะขมมาก แต่เชื่อว่าเป็นยาชูกำลังทำให้ร่างกายเย็นลง

บทสัมภาษณ์ของคนเหล่านี้ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย เขายอมรับความจริงว่านี่คือสิ่งที่ได้กระทำไปในอดีต จากคำสั่งของหน่วยเหนือที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร หากไม่ทำก็อาจตายได้เช่นกัน  เมื่อพวกเขาได้พูดออกมาหมดแล้ว ประโยคที่สำคัญคือคำพูดที่ว่า

“ผมดีใจที่ได้พูดออกมา การได้พูดเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกที่เก็บกดมานาน และมันจะทำให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ด้วย แม้ว่าผมจะหดหู่ใจมาก และรู้สึกว่าคงไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์อีกต่อไป”

ขณะที่นวล ผู้นำเขมรแดงคนแรกที่กล้ายอมรับว่ามีการสังหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเขากล่าวตอนท้ายเรื่องว่า

“เราทำถูกแล้ว เพราะหากเราเมตตาต่อคนเหล่านี้ แผ่นดินเขมรจะลำบาก”

ตลอดระยะเวลาที่ถ่ายทำเรื่องนี้ เต็ด สัมบัทยอมรับว่า หลายคืนที่เขานอนไม่หลับ คิดถึงพ่อแม่และพี่ชายที่ถูกฆ่า แต่เขาไม่ได้สร้างหนังสารคดีเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อความแค้นส่วนตัว แต่อยากจะทำให้คนรุ่นหลังสามารถเรียนรู้เรื่องราวความเจ็บปวดในอดีต และจะช่วยเยียวยาบาดแผลของคนทั้งสองฝ่ายได้

ดูเรื่องนี้แล้ว ย้อนกลับมาดูประวัติศาสตร์การเมืองในบ้านเรา เมื่อไรจะมีใครกล้าทำหนังสารคดีแบบ เต็ด สัมบัท กันบ้าง

กรุงเทพธุรกิจ 26 พค. 54

Comments

  1. ผู้ดูแลบล็อก

    ตอบแทนนะครับ

    เฉพาะ SF World Cinema ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ครับ จันทร์-ศุกร์ มีรอบเดียวคือ 19.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เพิ่มรอบคือ 14.00 น. และ 19.00 น. ครับ

  2. uraiwan

    ไม่ทราบว่าภาพยนต์ถ่ายทำออกมา เป็นเนื้อหาของความรุนแรงหรือเป็นเรื่องเล่าและการสัมภาษณ์ค่ะ อยากไปดูแต่เกรงว่าจะหดหู่ค่ะ แต่ถ้าเนื้อหาเป็นแนวการสัมภาษณ์อดีตทหารก็พอไหวค่ะ

ใส่ความเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.