|
![]() |
สัญลักษณ์เพศชาย-หญิง ใครเป็นคนคิดสัญลักษณ์ว่า คือเพศชาย คือเพศหญิง (ไม่ลงชื่อ / จ. ระยอง) |
ค้นข้อมูลแล้วไม่ทราบชื่อคนต้นคิด ทราบแต่ว่าสัญลักษณ์ทางชีววิทยาของเพศหญิง (![]() ![]() |
|
![]() |
เหตุใดจึงใช้ชื่อ "คณะราษฎร" ได้ข่าวว่า สารคดี จะทำสกู๊ปเรื่องอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ อยากจะฝากให้ช่วยค้นด้วยว่า เหตุใดคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองจึงตั้งชื่อว่า คณะราษฎร สงสัยมาตั้งแต่ สารคดี ทำสกู๊ปเรื่องเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ แล้ว (แฟน สารคดี / จ. นนทบุรี) |
ถ้าคุณ "แฟนสารคดี" ไม่ถามเรื่องนี้มา " ซองคำถาม" ก็จะไม่รู้หรอกว่า ชื่อ "คณะราษฎร" นี้ เคยเป็นประเด็นที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อการฯ ถูกโจมตีว่าร้ายมาก่อน เรื่องมีอยู่ว่า ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ฝ่ายที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์ได้โจมตีว่า ผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน เรียกตนเองว่า "คณะราษฎร" โดยราษฎรไม่รู้เห็นด้วย ในเรื่องนี้ท่านปรีดี พนมยงค์ ได้โต้ว่า ในสมัยสมบูรณาฯ นั้น บุคคลไม่มีสิทธิรวมกันก่อตั้งคณะการเมือง ฉะนั้นการก่อตั้งคณะการเมืองจึงต้องทำเป็นการลับ และยิ่งเป็นคณะการเมืองที่มีวัตถุประสงค์ล้มระบอบสมบูรณาฯ แล้ว ก็ยิ่งต้องก่อตั้งคณะเป็นการลับมาก ไม่อาจประกาศป่าวร้องให้ราษฎรหรือประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมในคณะการเมืองได้ ทั้งไม่เคยปรากฏในตำรารัฐศาสตร์ของประเทศใดมาก่อนที่สอนว่า ถ้าจะตั้งเป็นคณะหรือพรรคการเมืองที่แปลชื่อเป็นภาษาไทยว่า "ราษฎร" หรือ "ประชาชน" แล้ว จะต้องเสนอให้ราษฎรหรือประชาชนจำนวนเท่าใดรู้เห็นด้วยก่อน กระทั่งหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองมีคนตั้งชื่อพรรคว่า "พรรคราษฎร" "พรรคประชาชน" และ "พรรคสหประชาชนไทย" (จอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นหัวหน้า) ก็ไม่เห็นจะต้องขอความเห็นชอบจากประชาชน ดังนั้นข้อกล่าวหาของฝ่ายปรปักษ์จึงตกไป ท่านปรีดีเล่าไว้ว่า ตัวท่านเองเป็นผู้เสนอชื่อ "คณะราษฎร" ต่อที่ประชุมที่กรุงปารีสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๔๗๐ เหตุที่เสนอชื่อนี้ก็เพราะผู้ก่อการฯ ทุกคนเป็นราษฎรไทยแท้จริง และสมาชิกคณะราษฎรทั้งหลายยอมอุทิศตนและความเหนื่อยยากเพื่อราษฎรให้บรรลุถึงซึ่งประชาธิปไตย ดังที่นักประชาธิปไตยส่วนมากย่อมทราบว่า ประธานาธิบดีลินคอล์นได้สรุปคำว่า "ประชาธิปไตย" ไว้อย่างเหมาะสมว่า "รัฐบาลของราษฎร, โดยราษฎร, เพื่อราษฎร" อนึ่ง ในระยะนั้นองค์การหรือสมาคมการเมืองที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า "political party" หรือที่เรียกโดยย่อว่า "party" ยังมิได้ใช้คำว่า "พรรค" แต่ใช้คำว่า "คณะ" ที่มาของชื่อ "คณะราษฎร" ก็เป็นอย่างที่เล่ามานี้ หากต้องการอ่าน "เวอร์ชัน" ที่ละเอียดพิสดาร โปรดดูจากหนังสือ กึ่งศตวรรษประชาธิปไตย (๒๔๗๕-๒๕๒๕) จัดพิมพ์โดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานกึ่งศตวรรษประชาธิปไตย (กศป.) |
|
![]() |
โอเค ซิกาแรต ขอทราบความเป็นมาของคำว่า "โอเค ซิกาแรต" เพราะสงสัยว่า คำว่า โอเค ซึ่งแปลว่า ตกลง ไปเกี่ยวกับ ซิกาแรต ที่แปลว่า บุหรี่ ได้อย่างไร (พิซซา / กรุงเทพฯ) |
เรื่องความเป็นมาของศัพท์สำนวน ถ้อยคำและสแลงต่าง ๆ นั้น ถ้าไม่มีผู้บันทึกจดจำเอาไว้ นานวันเข้าก็จะสืบที่มาหาต้นเค้าไม่ได้ เช่นว่า ทำไมเราจึงเรียกคนที่มีรูปร่างผอมแห้งว่า "ผอมเป็นกุ้งแห้งเยอรมัน" นี่เป็นคำถามฮิตที่มีแฟนคอลัมน์นี้อยากได้คำตอบมาก แต่ "ซองคำถาม" ก็ยังหาคำอธิบายไม่ได้สักที ส่วนที่มาของสำนวนว่า "โอเค ซิกาแรต" นั้น "ซองคำถาม" ก็หาคำตอบมานานแล้วเหมือนกัน บัดนี้ได้คำตอบแล้ว จากข้อมูลของ อาจินต์ ปัญจพรรค์ ที่เล่าไว้ในคอลัมน์ "วาบความคิด" มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๐๒๘ วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ดังนี้ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ "...ทหารอเมริกันเป็นทหารเศรษฐี มียุทโธปกรณ์และเครื่องบำรุงความสุขพร้อมมูล หลังอาหารทุกมื้อเขาจะได้รับแจกของกินหลังอาหารแพ็กไว้ในอับโลหะแบน ๆ ทาสีเขียวเข้ม เรียกว่า ration ในอับมีผงกาแฟ ๑ ซองกระดาษใย สำหรับแช่น้ำร้อนชงได้เลย, มีน้ำตาล ๑ ซอง-๔ ก้อน, ครีม ๑ ซอง, มีช็อกโกแลต ๑ ซอง-๔ ก้อน, มีบุหรี่อเมริกัน ๔ มวน, ไม้ขีดกระดาษใช้แผงกระดาษแข็งพับหุ้ม ๑ แผง นี่คือเครื่องบริโภคหลังอาหารของทหารอเมริกัน ตามถนนที่จอแจในกรุงเทพฯ จะมีเด็กชายอายุ ๕ ขวบถึง ๑๐ ขวบ ไม่ว่าลูกไทย-ลูกจีน ชูกล้วยหอม ๑ หวีดักหน้าทหารอเมริกัน พลางร้องว่า 'โอเค, ซิกาแร็ต' เพื่อขอแลกบุหรี่หรือแท่งช็อกโกแลตกับกล้วยหอมตามแต่จะชูนิ้วต่อรองกันว่า บุหรี่กี่มวน, ช็อกโกแลตกี่ก้อน แลกได้กล้วยหอมกี่ลูก นี่คือที่มาของวลี 'โอเค ซิกาแรต' " |
|
![]() |
ทำไมทองคำจึงมีค่า เคยเห็นคนบ้าทองไหมครับ ประเภทที่ใส่สร้อยเป็นพวง ๆ เต็มคอ ไม่นับแหวน กำไล สร้อยข้อมือข้อเท้า และเผลอ ๆ อาจจะใส่ฟันทองด้วย เห็นแล้วปลง ที่เขียนมาถึง "ซองคำถาม" นี้ก็เพราะนึกสนุก อยากรู้ว่าทองมันก็แค่โลหะชนิดหนึ่ง แต่เหตุใดจึงมีค่ามาก (คนรักเงิน / กรุงเทพฯ) |
สิ่งของที่มีน้อย หายาก มักจะถูกตีราคาไว้สูงเสมอ ...นี่อาจจะเป็นคำตอบสั้น ๆ สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมทองคำจึงมีค่าและราคาแพงนัก เชื่อหรือไม่ว่า หินบนเปลือกโลกในปริมาณน้ำหนัก ๑ ล้านกิโลกรัม จะมีแร่ทองคำเจือปนอยู่เพียง ๔ กรัม ในน้ำทะเลปริมาณน้ำหนัก ๙ ล้านกิโลกรัม จะมีแร่ทองคำเจือปนอยู่เพียง ๑ กรัมเท่านั้น ทองคำมีคุณสมบัติพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือ มีความแวววาวสุกใสอยู่เสมอ ไม่เป็นสนิมอย่างเหล็ก ไม่ดำคล้ำอย่างเงิน จึงไม่มีแร่ชนิดใดเหมาะที่จะนำมาทำเป็นเครื่องประดับเท่ากับทองคำอีกแล้ว ปัจจุบันทองคำจำนวนหนึ่งจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นทุนสำรองเงินตราของประเทศ ประโยชน์ใช้สอยของทองคำก็มีมากขึ้น จากเดิมที่ทำเป็นเครื่องประดับ ปัจจุบันนำมาใช้ในแผงวงจรคอมพิวเตอร์ (เพราะทองคำบริสุทธิ์เป็นสื่อไฟฟ้าที่ดีที่สุด) ใช้เคลือบอุปกรณ์สำคัญหลายส่วนของยานอวกาศ รวมทั้งกระจกครอบหน้าหนักบินอวกาศก็ฉาบด้วยทองคำ |
|
![]() |
เสียงหึ่ง ๆ ของฝึ้ง ทราบหรือไม่ว่าทำไมผึ้งบินจึงมีเสียงหึ่งๆ ใช่เสียงร้องหรือไม่ ถ้าใช่ ผึ้งส่งเสียงร้องทำไม (สมาชิก / จ. นครราชสีมา) |
เสียงหึ่งๆ ของผึ้งที่เราได้ยิน ไม่ใช่เสียงร้องของมัน แต่เป็นเสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนขณะกระพือปีก โดยทั่วไปเวลาผึ้งบิน ปีกของมันจะกระพือมากกว่า ๒๐๐ ครั้งต่อวินาที และการกระพือปีกส่งเสียงหึ่งๆ ก็เกิดขึ้นได้โดยที่มันไม่ต้องบิน ผึ้งไม่สามารถได้ยินเสียงหึ่งๆ ของพวกมัน เพราะมันไม่มีหู พวกมันจะรับรู้เสียงได้โดยการสัมผัสแรงสั่นสะเทือนผ่านหนวดหรือขาของมัน เวลาผึ้งส่งเสียงหึ่ง ๆ อาจแสดงถึงพฤติกรรมของผึ้งได้หลายแบบดังนี้ - เสียงหึ่ง ๆ ที่เกิดจากการกระพือปีกเพื่อปรับอุณหภูมิภายในรวงผึ้ง ในเวลาหนาวจัด ผึ้งจะเกาะกันเป็นกลุ่มใหญ่ในรัง เว้นช่องว่างไว้ให้ผึ้งจำนวนหนึ่งผลัดกันเข้าไปกระพือปีกอย่างรวดเร็วเพื่อให้เกิดความร้อน พวกผึ้งหึ่ง (bumble bees) ซึ่งเป็นผึ้งหัวโตขนาดใหญ่และมีขนปุกปุย จะกระพือปีกเพื่ออบอุ่นร่างกายและสร้างความอบอุ่นให้แก่ตัวอ่อนของมัน ส่วนในฤดูร้อน ผึ้งจะกระจายตัวกันอยู่ และจะกระพือปีกพัดน้ำที่หามาให้ระเหยเหมือนพัดลมปรับอากาศ ทำให้อากาศในรังเย็นลง การปรับอุณหภูมิในรังเป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งของผึ้งที่ไม่พบในแมลงทั่วไป - ผึ้งทุกตัวจะกระพือปีกส่งเสียงหึ่ง ๆ หากมันถูกแหย่ขณะอยู่ในรังหรือถูกจับ - การกระพือปีกส่งเสียงหึ่ง ๆ เป็นเทคนิคเฉพาะของผึ้งที่จะนำเอาละอองเกสรมาจากดอกไม้ที่มีโพรงเกสรเล็กมาก ไม่สามารถใช้วิธีโฉบเอามาง่าย ๆ ได้ มันจะโหนตัวจากดอกไม้ โดยใช้ขาทั้งหกเกาะโพรงเกสรไว้ แล้วทำการกระพือปีกจนเกิดเสียงหึ่ง ๆ เกิดการสั่นสะเทือนจนละอองเกสรตกลงมายังที่เก็บละอองเกสรบนตัวมัน นอกจากนี้ปีกที่สั่นของผึ้งยังช่วยในการกระจายกลิ่นหอมของดอกไม้ที่เหล่าผึ้งงานพบ ทำให้ผึ้งตัวอื่น ๆ พบแหล่งอาหารนี้ได้ - ขณะผึ้งนำน้ำหวานกลับสู่รัง มันจะกระพือปีกอย่างเร็วเพื่อทำให้เกิดความร้อนแปรสภาพน้ำหวานเป็นน้ำผึ้ง และเมื่อถึงรังผึ้งจะเกาะที่ปากรังทำการกระพือปีกระบายอากาศ เพื่อให้ได้น้ำผึ้งที่ดี |
|
![]() |
แม่นางกาหลง "ซองคำถาม" เคยได้ยินเครื่องรางของคลังที่ชื่อ นางกาหลง หรือไม่ เล่ากันว่าเป็นรูปแกะสลัก ใครได้ครอบครองก็จะมีคนหลงใหล (พงษ์ / กรุงเทพฯ) |
"ซองคำถาม" ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่ค้นเรื่องนี้ได้จากสารานุกรมไทย ของ อุทัย สินธุสาร มีรายละเอียดดังนี้ นางกาหลงเป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง เป็นรูปหญิงคล้ายเด็กแกะจากไม้ต้นกาหลง แล้วบรรจุในขวดใส่น้ำมันจันทน์ แล้วแช่นางกาหลงในขวดนั้นจนน้ำมันท่วม อุปเท่ห์ในเรื่องนี้มีว่า ครั้งหนึ่งพญากาโกรธพวกฝูงกาที่ละทิ้งรังไปอยู่ที่อื่น และตั้งใจว่าถ้าพบกาลูกฝูงเมื่อใดจะฉีกเนื้อเสีย วันหนึ่งพญากาได้เข้าไปแวะพักที่ต้นไม้ร่มครึ้มต้นหนึ่ง ด้วยมนต์เสน่ห์ของนางกาหลง เทพที่สิงอยู่ที่ต้นไม้นั้น ทำให้พญากาไม่สามารถไปจากที่นั่นได้ จนถึงกับทิ้งถิ่นพำนักเดิม ปรากฏว่าที่นี่เป็นที่แห่งเดียวกับที่กาในฝูงของตนละถิ่นเดิมมาอยู่นั่นเอง เกจิอาจารย์จึงหาไม้กาหลงมาแกะสลักเป็นรุปนางกาหลง เสกเป่าประจุอาคมอย่างลัทธิไสยศาสตร์ เพิ่มความขลังขึ้นอีก นางกาหลงนี้ว่ามีคุณทางเสน่ห์ทำให้หญิงรักชายหลง ที่มีชื่อเป็นที่นิยมกันคือนางกาหลงของอาจารย์วัดประดู่ในกรุงเทพฯ |
[ วิริยะบุคส์ | มีอะไรใหม่ | เช่าสไลด์ | ๑๐๘ ซองคำถาม | สั่งซื้อหนังสือ
| WallPaper
]
สงวนสิทธิ์ ตามกฏหมาย CopyRight. All rights reserved.