๑๐๘ ซองคำถาม 108 questions

 

ส่งคำถาม (send your question via email)

Back to Top

พบกันบนทางช้างเผือก
      เคยรู้มาว่าไทยมีความเชื่อเรื่องดาวหาง ว่าเป็นลางร้าย จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แล้วทางช้างเผือกล่ะ เคยมีความเชื่อบ้างหรือเปล่า
    (ไม่ลงชื่อ / กรุงเทพฯ)
    ในนวนิยายเรื่อง คู่กรรม อังศุมาลินบอกกับโกโบริว่า เราจะไปเจอกันบนทางช้างเผือก ซึ่งคงจะมาจากตำนานของญี่ปุ่น เรื่องดาวสองดวงที่เป็นคู่รักกัน แต่ถูกกีดกันให้ได้พบกับเพียงปีละครั้งที่ทางช้างเผือก
    สำหรับคนไทยแต่ก่อนนั้น เรียกทางช้างเผือกว่า คลองฟ้า (สภาพท้องฟ้าที่มีรูปเหมือนลำคลองพาดผ่าน) คนไทยปัจจุบันรู้จักกันในนามของ ทางช้างเผือก
    ถ้าเห็นคลองฟ้าพาดจากประจิมไปบูรพา ไฟจะไหม้ จะได้ทุกข์ ไม่มีลาภ ถ้าพาดจากบูรพาไปประจิม เจ้าเมืองจะได้นางผู้ดี "จะมีลาภเพราะโศกแล" ถ้าพาดจากทักษิณไปอุดร อีก ๕ เดือนเจ้าเมืองจะไดลาภเพราะศึกสงคราม ถ้าพาดจากอุดรไปทักษิณ ให้เกรงข้าศึกจะมาจากอุดร ถ้าพาดจากอาคเนย์ไปพายัพ จะได้ข้าวของ เจ้าเมืองจะได้ชัยชนะศัตรู ถ้าพาดจากพายัพไปอาคเนย์ เกรงไฟจะไหม้ ถ้าพาดจากอีสานไปหรดี จะมีลาภและอำนาจ
    การดูคลองฟ้ามีปรากฏอยู่ในตำราดูนิมิต สมุดพระตำราฤกษ์บน คัมภีร์ดาว ล้วนเป็นตำราว่าด้วยวิชาดาราศาสตร์โบราณของไทย ซึ่งการทำนายคลองฟ้าทั้งหมดนั้นจะมีเนื้อหาสอดคล้องและใกล้เคียงกันในทุกตำรา ตำรานี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ใช้แพร่หลายอยู่ในเขตภาคกลางและภาคใต้ของไทย 
    ขอบคุณ คุณนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว ที่ช่วยค้นข้อมูลเรื่องนี้ให้

ส่งคำถาม (send your question via email)

Back to Top

ส.ค.ส.
     คำว่า ส.ค.ส. (ส่งความสุข) มีที่มาอย่างไร ใครเป็นคนคิด
    (จิตติพล คงประกายวุฒิ / จ. สมุทรปราการ)
   ใครจะเป็นต้นคิดใช้คำว่า ส.ค.ส. (ส่งความสุข) ยังไม่กล้ายืนยัน แต่จากข้อมูลที่ เอนก นาวิกมูล เขียนไว้ในหนังสือ สิ่งพิมพ์คลาสสิก และได้ลงภาพ ส.ค.ส. ให้ดูด้วย พบว่ามีการใช้คำย่อ มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แล้ว เอนกเล่าถึง ส.ค.ส. ว่า
   การส่ง ส.ค.ส. เป็นธรรมเนียมที่ไทยได้รับแบบอย่างมาจากฝรั่ง เพราะธรรมเนียมไทยเราแต่เดิมเมื่อขึ้นปีใหม่ เรามีแต่การทำบุญเลี้ยงพระ แล้วเล่นสนุกกันเป็นหลัก ตัวอย่างนี้ดูได้จากประเพณีสงกรานต์ที่ยังปฏิบัติสืบมาถึงทุกวันนี้
   พระมหากษัตริย์องค์แรกของไทยที่ทรงเริ่มส่ง ส.ค.ส. (บางทีอาจจะเป็นคนไทยคนแรกด้วย) คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ หลักฐานเก่าสุดอยู่ในหนังสือบางกอกรีคอร์เดอร์ ฉบับภาษาอังกฤษ วันเสาร์ที่ ๑๓ มกราคม ค.ศ. ๑๘๖๖ (พ.ศ. ๒๔๐๙) เป็นการส่ง ส.ค.ส. ขึ้นปี พ.ศ. ๒๔๐๙ หรือเมื่อ ๑๓๔ ปีมาแล้ว
   ส.ค.ส. ของรัชกาลที่ ๔ ยังหาไม่พบ เข้าใจว่าเป็นแผ่นการ์ดตีพิมพ์
   ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ส.ค.ส. ส่วนใหญ่ที่พบในหอจดหมายเหตุแห่งชาติอยู่ในช่วง พ.ศ. ๒๔๒๙ มีลักษณะเป็นนามบัตร เขียนคำว่า ส.ค.ส. ปีนั้นขึ้นปีนี้ลงไป หรือไม่ก็เขียนคำอวยพรลงบนแผ่นกระดาษฝรั่ง นอกจากนั้นมีพบ ส.ค.ส. ฝรั่งปะปนอยู่อีกหลายแผ่น ส.ค.ส. เหล่านี้เป็นคำถวายพระพรรัชกาลที่ ๕ จากข้าราชสำนัก
   การส่ง ส.ค.ส. ได้รับความนิยมเรื่อยมา ส.ค.ส. ยุคหลัง (กล่าวจำเพาะแต่ที่สังเกตเห็นในเมืองไทย) เปลี่ยนจากลักษณะนามบัตรมาเป็นรูปวาด รูปถ่ายต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ดาดดื่นในปัจจุบัน

ส่งคำถาม (send your question via email)

Back to Top

นางพรายตานี
     ทำไมกล้วยตานีจึงมีผีสิงสถิตอยู่ จนคนไม่กล้าปลูกไว้ในบ้าน
    (เก๋ / จ. นนทบุรี)
    เรื่องที่เป็นความเชื่อเช่นนี้ ยากที่จะหาข้อมูลมาอธิบายได้
    กรณีนางตานีก็เช่นกัน ข้อมูลที่มีอยู่ ก็บอกเล่าในเชิงตำนานความเชื่อ ไม่ได้อธิบายเหตุผลว่า "ทำไม" จึงเป็นเช่นนั้นเช่นนี้
    เจริญ อินทรเกษตร อธิบายไว้ในสารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม ๑๓ ว่า
    ต้นกล้วยตานี เป็นที่สิงสถิตของ พรายนางตานี เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนรุ่นเก่า พรายนางตานีนี้ว่ากันว่า มีหน้าตาสวย มีกลิ่นตัวหอม ไว้ผมยาว ฝ่ามือฝ่าเท้าแดงอ่อนดุจตีนนกพิราบ ริมฝีปากมีสีเหมือนตำลึงสุก ถ้ากล้วยตานีมีลำต้นอวบ พรายนางตานีก็มีรูปทรงท้วม ถ้ามีลำต้นโปร่งเปลา พรายนางตานีก็มีรูปทรงฉลวย
    โดยเหตุที่พรายนางตานีเป็นผี ชาวบ้านจึงไม่กล้าปลูกกล้วยตานีไว้ใกล้เรือน แม้จะปลูกไว้ใกล้เรือน ถ้าจะตัดเอาใบตองไปใช้ ก็ห้ามไม่ให้ตัดเอาไปทั้งใบ ต้องเจียนเอามาแต่ใบตองเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องหักก้านเสียก่อน เพราะถ้าตัดเอาเข้ามาในเรือนทั้งใบ ถือเป็นลางร้ายว่าจะมีใครในบ้านนั้นตายลงในไม่ช้า ทั้งนี้เห็นจะเนื่องจากคติเดิมที่ใช้ใบตองกล้วยตานีสามใบรองก้นโลงศพ
    กล้วยตานีนี้ถ้าคราวออกปลี จะมีพิธีพลีพรายนางตานี เครื่องพลีมีหัวหมูบายศรี สำรับคาวหวาน ของหวานก็มีขนมต้มแดงต้มขาว นอกจากนี้ยังมีข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียน น้ำหอมและเครื่องหอม มีแป้งกระแจะจันทน์ เป็นต้น เอาแหวนและสร้อยทองคำไปคล้องที่งวงปลีกล้วยเป็นเครื่องประดับ และนำผ้าผืนหนึ่งจะเป็นสีแดงหรือสีอะไรก็ได้ ไปพันรอบต้นกล้วยตานี เป็นต่างว่าได้นุ่งห่มให้แก่พรายนางตานี ขอให้คุ้มครองรักษาคนในบ้าน และให้มีลาภ บางทีมักนิยมนิมนต์พระสงฆ์ไปสวดมนต์ทำบุญด้วย บางทีหมอที่ทำพิธี เมื่อเซ่นวักแล้ว นำดอกในปลีกล้วยตานีไปตากแดดให้แห้งแล้วบดให้เป็นผงผสมกับผงอิธเจ คือผงของดินสอขาวที่ลงยันต์ซึ่งเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับใช้ในทางให้เกิดเสน่ห์ เป็นเมตตามหานิยม บางทีก็เอาดอกในปลีกล้วยตานีไปใส่ไว้ในตลับสีผึ้งสีปากซึ่งปลุกเสกแล้ว ใช้สำหรับสีปากเพื่อให้เกิดเสน่ห์เป็นเมตตามหานิยมเช่นเดียวกัน เมื่อใช้สีผึ้งนี้สีปากแล้ว แย้มปากพูดออกมาก็มีเสน่ห์ กระทำให้ผู้ใหญ่มีเมตตา ถ้าเป็นผู้หญิงสาวก็ทำให้เกิดความรักขึ้นมาได้ทันที ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้หญิงทาสีผึ้งนี้แล้ว เมื่อแย้มปากพูดออกมา ผู้ชายก็จะเกิดความรักขึ้นในทันทีเช่นเดียวกัน
    ถ้ากล้วยตานีที่ทำพิธีเซ่นวักแล้วออกปลีกลางต้น ก็ถือกันว่ากล้วยตานีนั้นเกิดมีพรายนางตานีขึ้นแล้ว กล้วยตานีที่ออกปลีกลางต้นนี้ พวกชายหนุ่มที่ยังเป็นโสดอยู่ ถ้าเป็นผู้รู้เรื่องเกี่ยวกับพรายนางตานี ก็จะไปทำพิธีเซ่นวัก เป็นทำนองเดียวกับที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แล้วไปที่ต้นกล้วยตานีนั้นในเวลากลางคืนทุกคืน สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้ พอไปถึงก็กล่าวคำเกี้ยวประเล้าประโลมพรายนางตานี ต้องตั้งความเพียรไปเกี้ยว จนกว่าพรายนางตานีจะใจอ่อนเห็นอกเห็นใจ  แล้วเอามีดเฉือนตอนโคนกล้วยที่มีลักษณะเป็นเหมือนเหง้า เอามาก้อนหนึ่งแกะสลักเป็นรูปผู้หญิงใส่ตลับหรือภาชนะอื่นไว้ และต้องเซ่นวักทุกเช้าเย็น ทำอย่างนี้อยู่หลาย ๆ วัน พรายนางตานีก็จะมาปรากฏร่างให้เห็นในความฝัน เป็นผู้หญิงสาวรูปร่างหน้าตาสวยสดงดงาม สมดั่งใจที่เคยนึกเคยพะวงเป็นจินตนาการมาก่อน แล้วนางจะยอมตนเป็นเมียผู้นั้น อันเป็นความฝันอีกเหมือนกัน เมื่อได้นางพรายตานีเป็นเมียแล้ว ชายคนนั้นจะไปมีเมียอื่นอีกไม่ได้ ถ้ามีก็มักเป็นอันตราย ถ้าต้องการจะมีเมียจริง ๆ ก็อาจทำได้ โดยบอกกล่าวขออนุญาตพรายนางตานีเสียก่อน พรายนางตานีเป็นเมียที่ดี เมื่อเห็นสามีซื่อสัตย์ไม่ปิดบังความจริง ก็จะอนุญาตให้มีได้ ซ้ำยังจะช่วยเหลือเพื่อให้การนั้นสำเร็จไปด้วยดีอีกด้วย ไม่มีหึงหวงแยกเขี้ยว หรือร้องไห้ตีโพยตีพายเหมือนเมียมนุษย์

กลับไปที่หน้า สารบัญ Sarakadee December 2000
ส่งคำถามที่คุณสงสัย แต่ยังไม่มีใครเคยตอบ ได้ที่นี่
108@Sarakadee.com
๑๐๘ ซองคำถาม เล่มที่ ๘


สำนักพิมพ์ สารคดี | สำนักพิมพ์ เมืองโบราณ | วารสาร เมืองโบราณ | นิตยสาร สารคดี
[ วิริยะบุคส์ | มีอะไรใหม่ | เช่าสไลด์ | ๑๐๘ ซองคำถาม | สั่งซื้อหนังสือ | WallPaper ]

สงวนสิทธิ์ ตามกฏหมาย
CopyRight. All rights reserved.

สำนักพิมพ์ สารคดี