๑๐๘ ซองคำถาม 108 questions

 

ส่งคำถาม (send your question via email)

Back to Top

"หลักกิโลเมตรที่ ๐ิ์"
      อยากรู้จังว่าแต่ละจังหวัดเอาอะไรเป็นหลักกิโลเมตรที่ ๐ เคยอ่านพบว่าน่าจะเป็นเสาหลักเมือง แต่ความจริงหลักกิโลเมตรที่ ๐ ของลำปางคือ หอนาฬิกาห้าแยก อยากรู้เพราะไปแต่ละจังหวัดจะได้นับระยะทางถูก อยากรู้จริง ๆ ...ขอบคุณมาก ๆ ถ้าตอบ
    (sanicha@ksc.th.com)
    หน่วยประชาสัมพันธ์ของกรมทางหลวงบอกกับ "ซองคำถาม" ว่า หลักกิโลเมตรที่ ๐ มีอยู่แห่งเดียวเท่านั้น คือ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (ไม่ใช่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ ประจักษ์พยานคือป้ายทางหลวงขนาดมหึมา ที่ด้านข้างร้านอาหารวิจิตร หัวมุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย)
    ดังนั้นจึงไม่มีหลักกิโลเมตรที่ ๐ ในแต่ละจังหวัด และการวัดระยะทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ก็เริ่มวัดจากหลักกิโลเมตรที่ ๐ ณ กรุงเทพฯ เป็นจุดเริ่มต้น
ส่งคำถาม (send your question via email)

Back to Top

หายใจในถุงกระดาษ
     เคยดูภาพยนตร์ฝรั่งเรื่องหนึ่ง ตัวละครเป็นโรคกลัวที่กว้าง เธอจึงเก็บตัวอยู่ในห้องตลอดเวลา วันหนึ่งมีเหตุจำเป็นต้องออกไปนอกห้อง เธอก็ทำท่าหายใจไม่ออก แล้วรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้อง คว้าถุงกระดาษครอบจมูก 
     
สงสัยว่าการหายใจในถุงกระดาษนั้น ช่วยบรรเทาอาการหายใจไม่ออกได้อย่างไร กลับยิ่งจะทำให้หายไม่สะดวกเสียมากกว่า ?
    (ใกล้กมล / กรุงเทพฯ)
   เห็นทีตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนั้นจะมีอาการโฟเบีย (phobia) ซึ่งเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ตื่นตระหนก จะเกิดอาการหายใจหอบถี่หรือหายใจมากเกินไป (hyper-ventilation) อาการดังกล่าวทำให้หายใจตื้นและเร็ว ออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดจึงเสียสมดุล ส่งผลให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก 
   
ผู้ที่เกิดอาการเช่นนี้ แพทย์แนะนำให้หายใจในถุงกระดาษ เพื่อช่วยให้ออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ได้สมดุลกัน ซึ่งจะทำให้อาการดีขึ้น
ส่งคำถาม (send your question via email)

Back to Top

ทองใบ แตงน้อย
     อยากรู้จัก ทองใบ แตงน้อย คนที่เขียนแผนที่น่ะค่ะ
    (แตงใหญ่ / จ. นนทบุรี)
คลิกดูภาพใหญ่    "ซองคำถาม" ใช้หนังสือแผนที่ภูมิศาสตร์ ของ ทองใบ แตงน้อย มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก กระทั่งบัดนี้ก็ยังมีหนังสือแผนที่ ของท่านอยู่บนโต๊ะ ไว้ใช้อ้างอิงเวลาทำงาน แม้แผนที่โลกปัจจุบัน จะเปลี่ยนไปจากหนังสือแผนที่ ที่ท่านทำ กล่าวคือมีประเทศใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก แต่ "ซองคำถาม " ก็ยังคุ้นเคยกับแผนที่ของ ทองใบ แตงน้อย ซึ่งเส้นสายชัดเจน และลายมือในแผนที่นั้น ก็คลาสสิกเอามาก ๆ 
    เมื่อได้คำถามจากคุณแตงใหญ่ "ซองคำถาม" ไปค้นข้อมูลแล้วหลงทางอยู่พักใหญ่ เพราะชื่อ ทองใบนั้นเป็นชื่อเดิม ท่านมาเปลี่ยนชื่อเป็น ทวี ตามรัฐนิยมในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ดังนั้นชื่อที่ปรากฏในดัชนีคำค้นประวัติ จึงใช้ชื่อว่า ทวี แตงน้อย
    ทวี (ทองใบ) แตงน้อย เป็นบุตรขุนอภิเทศสุรทัณฑ์ (ไชย แตงน้อย) และนางอภิเทศสุรทัณฑ์ (เที่ยง) เกิดเมื่อวันที่ ๒๒" ธันวาคม ๒๔๕๔ ที่ตำบลสะพานเหล็ก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพี่น้องร่วมบิดามารดาอีกแปดคน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๖
    เมื่อท่านเปลี่ยนชื่อจาก ทองใบ เป็นทวี แต่คนทั้งหลายก็ยังเรียกท่านว่า ครูทองใบ ตลอดมา ในการเขียนตำราท่านจะเขียนชื่อทองใบไว้ในวงเล็บทุกครั้ง บางทีก็ใช้ชื่อว่า ท. แตงน้อย
    ท่านสำเร็จการศึกษาชั้นสามัญ จากโรงเรียนวัดบวรนิเวศ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ แล้วเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนฝึกหัดครูประถมวัดบวรนิเวศนั่นเอง จนสอบไล่ได้ประกาศนียบัตรประโยคครูประถม (ป.ป.) ได้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๔
    ครูทองใบอุปสมบทที่วัดชนะสงคราม จังหวัดพระนคร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ แต่ไปจำพรรษาที่วัดนวล
    นรดิศเป็นเวลา ๔ เดือนเศษ หลังจากรับกฐินแล้วจึงลาสิกขา และสมรสกับนางสาวเชื้อ ต้อยปาน เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๗๕ มีบุตรแปดคน เป็นชายล้วน
    เริ่มรับราชการครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑" มิถุนายน ๒๔๗๕ ได้รับบรรจุเป็นครูโรงเรียนมัธยมวัดนวลนรดิศ จังหวัดธนบุรี ในขณะนั้นเองได้ใช้เวลานอกราชการศึกษาต่อหลักสูตรครูมัธยม และได้วุฒิประกาศนียบัตรประโยคครูมัธยม (ป.ม.) ใน พ.ศ. ๒๔๗๙ และย้ายไปดำรงตำแหน่งครูตรีโรงเรียนประจำจังหวัดจันทบุรี "เบญจมราชูทิศ" ใน พ.ศ. ๒๔๘๓ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นครูใหญ่โรงเรียนประจำจังหวัดระยอง "ระยองมิตรอุปถัมภ์" ปัจจุบันคือ โรงเรียนประจำจังหวัด "ระยองวิทยาคม" และ พ.ศ. ๒๔๙๘ ก็ย้ายไปดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนประจำจังหวัดปราจีนบุรี "ปราจิณราษฎรอำรุง" ตำแหน่งสุดท้ายในชีวิตราชการ คือเป็นอาจารย์ประจำกรมวิสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ใน พ.ศ. ๒๕๐๘ ครั้น พ.ศ. ๒๕๑๓ เห็นว่าควรได้พักผ่อนเพื่อประกอบอาชีพส่วนตัว จึงลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุ ๑" ปี รวมเวลารับราชการ ๓๘ ปี
    ชีวิตของครูทองใบเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ เพื่อผดุงฐานะเศรษฐกิจของครอบครัว เพราะมีบุตรหลายคน รายได้จึงไม่ใคร่พอเพียงกับรายจ่าย ครูทองใบเป็นคนที่มีฝีมือมาตั้งแต่ยังเด็ก สามารถถักลูกไม้ได้เช่นเดียวกับเด็กผู้หญิง และจีบพลูได้ดี เคยนำไปฝากขายเป็นรายได้พิเศษ" เมื่อมีลูกมากขึ้นก็พยายามเลี้ยงเป็ดและหมูเป็นงานอดิเรก นอกจากนั้นก็พยายามใช้ความถนัดของตนเขียนตำราแผนที่ภูมิศาสตร์ขึ้น ให้โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชพิมพ์จำหน่าย ซึ่งปรากฏว่าได้รับความนิยม ในตลาดหนังสือตำราเรียนอย่างรวดเร็ว ครูทองใบได้พยายามปรับปรุงแก้ไขอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับเหตุการณ์ โรงเรียนทั่วไปก็นิยมใช้กันอยู่จนปัจจุบันนี้ รายได้จากการจำหน่ายหนังสือภูมิศาสตร์ของครูทองใบ ทำให้ครอบครัวมีฐานะดีขึ้น
    หลานคนหนึ่งของครูทองใบเล่าว่า
    "น้าทองใบ แตงน้อย มีฝีมือทางวาดเขียนและลายมืองาม ผลงานที่ทำให้น้าทองใบมีฐานะและชื่อเสียง คือ แผนที่สากล และแผนที่ภูมิศาสตร์ที่พิมพ์ออกจำหน่ายกว่า ๔๐ ปี ในบั้นปลายชีวิต น้าทองใบมีความสุขอยู่กับครอบครัว ใช้ชีวิตอย่างง่าย ๆ สมถะ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ร่วมงานสังคมกับวงญาติสม่ำเสมอ และทำบุญเป็นประจำ"
    ครูทองใบถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๒๙ รวมอายุได้ ๗๕ ปี ๑๑ เดือน ๑๕ วัน ทิ้งผลงานแผนที่ทั้งหมดเก้าเล่ม ไว้เป็นอนุสรณ์และวิทยาทานแก่คนรุ่นหลัง
ส่งคำถาม (send your question via email)

Back to Top

ปีกผีเสื้อทำให้ตาบอด ?
     เคยได้ยินมาว่า ถ้าเอามือจับปีกผีเสื้อแล้วเผลอขยี้ตาตัวเอง จะทำให้ตาบอด เรื่องนี้จริงหรือไม่ และเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
    (ผึ้ง / กรุงเทพฯ)
    ปีกผีเสื้ออาจทำให้ตาอักเสบได้ แต่ไม่ถึงกับทำให้ตาบอดหรอกจ้ะ
    อาจารย์องุ่น ลิ่ววานิช นักกีฏวิทยาผู้เชี่ยวชาญทางด้านผีเสื้อ จากกองกีฏวิทยา กรมวิชาการเกษตร อธิบายเรื่องนี้ว่า เนื่องจากตามปีกผีเสื้อจะมี "ขน" ลักษณะเป็น scale คล้ายเกล็ดปลา มีขนาดเล็กเท่าขี้ผง ซ้อนกันอยู่จำนวนมาก ลักษณะของเกล็ดก็แตกต่างกันไปตามชนิดของผีเสื้อ บางชนิดขอบเรียบ บางชนิดขอบหยัก เมื่อจับปีกผีเสื้อ เกล็ดเล็ก ๆ เหล่านี้จะติดมือมาด้วย และถ้าเราเผลอขยี้ตา เกล็ดที่ว่านี้ก็จะทำให้ตาระคายเคือง ยิ่งถ้าเป็นเกล็ดที่มีขอบหยักมาก ๆ ก็จะทำให้ตาอักเสบ เหมือนกับถูกเข็มเล็ก ๆ ทิ่มแทง
    เมื่อหลายปีก่อน เกิดกรณีชาวบ้านที่จังหวัดตากเป็นโรคภูมิแพ้ และตาอักเสบ ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลกันเป็นจำนวนมาก จนเป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ แพทย์พยายามหาสาเหตุและในที่สุดก็ค้นพบว่า เป็นเพราะช่วงขณะนั้นมีผีเสื้อกลางคืนชนิดหนึ่งแพร่ขยายพันธุ์เป็นจำนวนมาก เจ้าผีเสื้อชนิดนี้มีขนปุกปุย ขนของมัน (หรือ scale) ปลิวฟุ้งอยู่ในอากาศ จนทำให้ชาวบ้านเกิดอาการภูมิแพ้ไปตาม ๆ กัน 

กลับไปที่หน้า สารบัญ Sarakadee February 2001
ส่งคำถามที่คุณสงสัย แต่ยังไม่มีใครเคยตอบ ได้ที่นี่
108@Sarakadee.com
๑๐๘ ซองคำถาม เล่มที่ ๘


สำนักพิมพ์ สารคดี | สำนักพิมพ์ เมืองโบราณ | วารสาร เมืองโบราณ | นิตยสาร สารคดี
[ วิริยะบุคส์ | มีอะไรใหม่ | เช่าสไลด์ | ๑๐๘ ซองคำถาม | สั่งซื้อหนังสือ | WallPaper ]

สงวนสิทธิ์ ตามกฏหมาย
CopyRight. All rights reserved.

สำนักพิมพ์ สารคดี