Page 173 - Skd 298-2552-12
P. 173
หนง่ึ เราจะใชก้ ารคา� นวณครา่ ว ๆ วา่ ขณะนพี้ ระอาทติ ยไ์ ดผ้ า่ น ๖. หลักค�านวณง่าย ๆ นี้ใช้ส�าหรับแถบดาวจักรราศี ๑๒
ขอบฟ้าตะวันออกในเวลาหกโมงเช้ามาแล้วกี่ช่ัวโมง อยู่ กลมุ่ ทเี่ คลอื่ นวนอยบู่ นเสน้ สรุ ยิ วถิ ี ซงึ่ เรยี กกนั วา่ ดาวในสว่ นของ
ประมาณองศาทเี่ ทา่ ไร และจะมกี ลมุ่ ดาวจกั รราศไี หนทยอยขน้ึ “อนั โตมณฑล” สว่ นกลมุ่ ดาวทไี่ มอ่ ยใู่ นแถบจกั รราศ ี ไกลจาก
ตามมาบ้าง ชื่อกลุ่มดาวน้ันจะเรียงล�าดับตามช่ือเดือน เพียง เสน้ สรุ ยิ วถิ นี น้ั เรยี กวา่ สว่ นของ “พาหริ มณฑล” ซง่ึ ไดแ้ กก่ ลมุ่
แค่นี้ก็จะรู้ได้ทันทีว่าเวลานี้ดาวอะไรก�าลังข้ึนหรือตกอยู่ที่ ดาวตา่ ง ๆ เชน่ ดาวชา้ งหรอื ดาวจระเข ้ ดาววา่ ว ดาวแคสสโิ อ-
ริมขอบฟา้ เปีย ฯลฯ พวกน้ีจะใช้เทียบหาต�าแหน่งเอาจากแถบดาว
จกั รราศที ีอ่ ยใู่ กล้
ตวั อยา่ งเชน่ วนั ท ี่ ๓ กนั ยายน พระอาทติ ยจ์ ะเคลอื่ นผา่ น
ขอบฟ้าตะวันออกขึ้นมาในเวลาประมาณหกโมงเช้าพร้อมกับ ๗. ต�าแหน่งดาวพระเคราะห์ในแต่ละคืนนั้น ถ้าลองเปิด
กลมุ่ ดาวราศสี งิ ห ์ พอแปดโมงเชา้ ดาวราศกี นั ยก์ จ็ ะคอ่ ย ๆ โผล่ หนังสือพิมพ์รายวันหน้าดูดวง เขาจะตีพิมพ์ภาพดวงฤกษ์รูป
พ้นขอบฟ้าขึ้นมา ขณะที่พระอาทิตย์อยู่สูงขึ้นประมาณ ๓๐ กลม ๆ มีตัวเลข ๑,๒,๓,…อยู่ในช่องต่าง ๆ นั่นแหละลักษณะ
องศา พอสิบโมงเช้าดาวตุลย์จะค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้า และ ตา� แหนง่ การเรยี งตวั ของดาวพระเคราะหใ์ นคนื นน้ั ดงั เชน่ คนื
พระอาทิตย์อยู่ที ่ ๖๐ องศา ครั้นเวลาเท่ียงดาวพิจิกจะค่อย ๆ วนั ท ่ี ๓ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ดาวพระเคราะหจ์ ะโคจรอยกู่ บั
โผลพ่ น้ เสน้ ขอบฟา้ ตะวนั ออกขนึ้ มา พระอาทติ ยอ์ ยทู่ ่ี ๙๐ องศา กลมุ่ ดาวตา่ ง ๆ ดงั น้ี
และอยู่ในต�าแหน่ง “เท่ียง” คือ “ตรง” หัวเราพอดี จากนั้น
พระอาทิตย์จะเริ่ม “บ่าย” คือผ่านจุดสูงสุดของวิถีโคจรช่วง ๗๘ ๐
กลางวันและมุ่งหน้าลงไปทางฟากฟ้าซีกตะวันตก คร้ันเวลา ๒๑๓๕๔ ๖๙
บ่ายสามโมง หรือ ๙ ชั่วโมงนับจากหกโมงเช้า พระอาทิตย์จะ
อยู่ราว ๑๓๕ องศา ส่วนท่ีริมขอบฟ้าตะวันออกน้ัน กลุ่มดาว ซง่ึ หมายความวา่ ขณะทพี่ ระอาทติ ย ์ (๑) โคจรอยใู่ นกลมุ่
ราศธี นกู า� ลงั เคลอ่ื นผา่ นเสน้ ขอบฟา้ ขนึ้ มา สว่ นขอบฟา้ ตะวนั ตก ดาวราศีสิงห์ และตกลับเส้นขอบฟ้าตะวันตกในช่วงเวลา
กลุ่มดาวราศีกรกฎก็ก�าลังจะร่วงหายเคล่ือนตามดาวราศีมิถุน ประมาณหกโมงเยน็ พระจนั ทร ์ (๒) โคจรอยใู่ นกลมุ่ ดาวราศี
ลงไป กรกฎ จะมองเหน็ โผลข่ อบฟา้ ตะวนั ออกขนึ้ มาเปน็ เสยี้ วในเวลา
ประมาณตสี ี่ ดาวองั คาร (๓) โคจรอยใู่ นกลมุ่ ดาวราศสี งิ ห ์ จะ
หรือในเวลาประมาณสามทุ่มของวันที่ ๓ กันยายน ตกลับขอบฟ้าตะวันตกไปในเวลาประมาณหกโมงเย็นพร้อม
พระอาทิตย์เคล่ือนผ่านขอบฟ้าตะวนั ออกไปแล้วประมาณ ๑๕ พระอาทิตย์ ดาวพุธ (๔) โคจรอยู่กับกลุ่มดาวราศีกันย์ ใน
ช่ัวโมง และตกลับจากขอบฟ้าตะวันตกไปแล้ว ๓ ชั่วโมง โดย
มกี ลมุ่ ดาวทโ่ี ผลพ่ น้ ขอบฟา้ ตะวนั ออกตง้ั แตห่ กโมงเชา้ ของวนั ท ่ี
๓ กันยายนมาแล้วคือ กลุ่มดาวราศีสิงห์ กันย์ ตุลย์ พิจิก ธน ู
มังกร กุมภ์ และมีน โดยท่ีริมขอบฟ้าตะวันออกนั้น กลุ่มดาว
ราศีมีนก�าลังเคลื่อนผ่านขอบฟ้าขึ้นมาเรื่อย ๆ ขณะท่ีทาง
ฟากตะวนั ตก กลมุ่ ดาวราศกี ันยก์ ค็ อ่ ยๆ ตกลับขอบฟา้ ลงไป
สิ่งท่ีชวนสงสัยมาร่วม ๒๐ ปีแล้วตั้งแต่เร่ิมศึกษาต�ารา ค�าตอบไม่ไดว้ า่ บางตัวเลขทปี่ รากฏนั้นมีท่ีมาอยา่ งไร
ดาวฉบับขุนโพธิ์และดูแผนท่ีดาวไทยมาทุกฉบับ ก็คือ แต่ท้ังหมดทุกฉบับของแผนท่ีดาวไทยก็บ่งบอกว่า
สญั ลกั ษณป์ ระจา� ราศธี นนู น้ั โหราจารยโ์ บราณทา่ นจะใชร้ ปู
“หอยสังข์” แทนภาพราศีธนูทั้งสิ้น เปิดแผนท่ีดาวไทยใน ภูมิปัญญาทางด้านดาราศาสตร์โบราณของบรรพชนไทย
สมุดไทยฉบับไหนก็ล้วนเป็นเช่นนี้ เป็นค�าถามยาวนานท่ียัง มปี ริมณฑลอนั กวา้ งขวาง ลมุ่ ลกึ และเป็นรากฐานความคิด
หาค�าตอบไม่ได้จนบัดนี้ว่าท�าไม หรือเพราะอะไร หอยสังข์ ความเช่ือทางด้านจักรวาลวิทยาของคนไทยสืบต่อกันมา
ไปเกีย่ วกับราศธี นไู ดอ้ ยา่ งไร อยา่ งลึกซง้ึ นัก
นอกจากแผนทด่ี าวไทยฉบบั ขนุ โพธ ์ิ เมอื งเพชรบรุ นี แี้ ลว้
ในสมดุ พระตา� ราฤกษบ์ น ตา� ราดนู มิ ติ คมั ภรี ด์ าวฉบบั ตา่ ง ๆ
ที่คัดลอกกันทั่วไปในเขตภาคกลางและภาคใต้ของไทย ยัง
ปรากฏแผนทด่ี าวเขยี นลงสไี วอ้ ยา่ งสวยงามทง้ั ในสมดุ ไทยดา�
สมดุ ไทยขาว แผนทด่ี าวเหลา่ นนั้ มโี ครงสรา้ งแผนผงั คลา้ ยคลงึ
กบั แผนทดี่ าวไทยฉบบั ขนุ โพธอ์ิ ยมู่ าก แตก่ ม็ บี างสว่ นทย่ี งั หา
ฉบับที่ ๒๙๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ นิตยสารสารคดี 17๙