เรื่อง : ดร. ชวลิต วิทยานนท์
ภาพ : ฝ่ายภาพ สารคดี

pla buek1ปลาบึก อยู่ในวงศ์เดียวกับ ปลาสวาย เทโพ สังกะวาดเหลือง (Family Pangasidae) เป็นวงศ์ที่ เรารู้จักกันมานาน เพราะมีประโยชน์ในทางเศรษฐกิจด้านเป็นอาหารปลา ในวงศ์นี้พบเฉพาะในเขตอนุทวีปอินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำสินธุ คงคา จนถึงลุ่มแม่น้ำโขง และบอร์เนียว รวม ๒๔ ชนิด แต่ในลุ่มแม่น้ำโขงและในประเทศไทย มีความหลากหลายทางชนิดพันธุ์ มากที่สุดถึง ๑๓ ชนิด

ปลาบึก จัดเป็นปลาหนัง (catfish) ที่ใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่งของโลก และอาจนับเป็นปลาน้ำจืดที่มีน้ำหนักมากที่สุดอีกชนิดหนึ่ง เคยมีรายงานพบปลาบึกขนาดลำตัวยาวที่สุด ๒.๕ เมตร หนักกว่า ๓๐๐ กิโลกรัมแต่เป็นชนิดที่พบเฉพาะถิ่นคือในลุ่มแม่น้ำโขงเท่านั้น

ปลาบึก มีลักษณะรูปร่าง คล้ายกับ ปลาสวาย (P. hypophthalmus) ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกันคือ Pangasianodon ปลาในสกุลนี้ มีก้านครีบท้อง มากถึงแปดเก้าอัน ปากกว้าง และมีฟัน บนขากรรไกร น้อยมาก เมื่อเทียบกับ ปลาชนิดอื่นๆ ในวงศ์เดียวกัน โดยเฉพาะปลาบึก ที่ตัวโตกว่า ๒๕ เซนติเมตร ฟันบนขากรรไกร จะหายไปหมด รวมทั้ง ซี่กรองเหงือกด้วย กระเพาะลมของปลาสกุลนี้ มีเพียงตอนเดียว โดยกระเพาะลม ของปลาบึก จะสั้น อยู่เฉพาะในช่องท้อง เท่านั้น ลักษณะที่แตกต่างจาก ปลาสวาย อีกอย่างก็คือ ปลาบึก มีหัวโตกว่า ประมาณหนึ่งในสี่ ของความยาวลำตัว และปลาบึก ที่มีขนาดใหญ่กว่า ๕๐ เซนติเมตร ขึ้นไป ก้านครีบแข็ง ของครีบอก และครีบหลัง จะไม่แหลมคม

สีของปลาบึกขนาดเล็กจะเป็นสีเหลือบเขียวอมเหลือง มีแถบสีคล้ำที่ครีบหางทั้งแฉกบน และล่าง ปลาบึกขนาดใหญ่กว่า ๒๐ เซนติเมตร ลำตัวจะเป็นสีเทาอมเหลืองหรือน้ำตาลอ่อนเหลือบเงิน ด้านท้องสีจาง และในปลาขนาดใหญ่กว่า ๑ เมตรขึ้นไป ลำตัวจะกลายเป็นสีเทานวล หรือน้ำตาลอ่อน ด้านข้างเป็นสีเหลือบเงินจางๆ  ในปลาตัวโตบางตัวอาจมีจุดประ สีคล้ำ เรียก “แต้มน้ำหมึก” ที่ข้างลำตัวเล็กน้อยด้วย

 

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pangasianodon gigas (Chevey, 1930)

ขนาด : ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบ ลำตัวยาวถึง ๒.๕ เมตร หนักถีง ๓๐๐ กิโลกรัม

ถิ่นอาศัย : เฉพาะแม่น้ำสายหลัก ของ แม่น้ำโขง และ ทะเลสาบเขมร

สถานภาพ : ใกล้สูญพันธุ์ (จาก Humphrey&Baim-1990, บัญชีรายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของ IUCN และมติการประชุมการจัดสถานภาพของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์โดยผู้เชี่ยวชาญ และสำนักนโยบายและสิ่งแวดล้อม ปี ๒๕๓๙) อยู่ในบัญชี CITES Appendix I

 

ขอขอบคุณ: สถาบันพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ กรมประมง