ผมเป็นคนชอบดื่มน้ำตาลสด ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลสดจากต้นตาลหรือต้นมะพร้าว

ไปเที่ยวที่ไหนต้องหาชิมเสมอ เพราะชื่นชอบกลิ่นหอมของควันที่เจืออยู่ในน้ำตาล ซึ่งมีเสน่ห์ยิ่งกว่าความหวานของน้ำตาลเสียอีก

เมื่อต้นหน้าฝนผมมีโอกาสไปเที่ยวแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดที่มีคูคลองมากถึง ๓๐๐ แห่ง ชาวบ้านประกอบอาชีพตามลักษณะของน้ำ คือ หากพื้นที่เพาะปลูกเป็นน้ำจืด จะทำสวนผลไม้ ถ้าพื้นที่เป็นน้ำกร่อยจะทำสวนมะพร้าว และพื้นที่เป็นน้ำเค็มจะเผาถ่านและทำนากุ้ง

สมุทรสงครามมีสวนมะพร้าวมาก จึงเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลสดและน้ำตาลปี๊บที่สำคัญของภาคกลาง

ชาวสวนเล่าให้ฟังว่า เขากลัวว่าในอนาคตสวนมะพร้าวของพวกเขาจะยืนต้นตาย เพราะน้ำในสวนกำลังจะเน่า

น้ำที่กำลังจะเน่ามีสาเหตุที่น่าสนใจยิ่ง เพราะผู้ร้ายไม่ใช่โรงงานริมน้ำแม่กลองอย่างเคย

เมื่อประมาณปี ๒๕๒๐ เขื่อนศรีนครินทร์ที่เพิ่งสร้างเสร็จเริ่มกักเก็กน้ำเหนือเขื่อนซึ่งต้องใช้เวลา สองสามปี ทำให้แทบจะไม่มีน้ำใต้เขื่อนไหลลงมาดันน้ำเค็มจากทะเลที่ไหลเข้า

ท่วมเรือกสวนไร่นาบริเวณสองฟากฝั่งแม่กลอง จนทำให้เกิดสภาวะดินเค็มขึ้นในจังหวัดสมุทรสงคราม ชาวสวนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ต้นมะพร้าวยืนตายหลายพันไร่ ส่วนมะพร้าวที่รอดตาย เจ้าของเล่าว่า

“มะพร้าวลูกเล็กลงจนแทบจะเข้ากระต่ายขูดมะพร้าวไม่ได้ น้ำตาลมะพร้าวกว่าจะรอน้ำตาลสดมาเคี่ยวกระทะหนึ่งต้องขึ้นต้นมะพร้าวถึง ๑๕๐ ต้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ขึ้นเพียง ๕๐ ต้น บางกระบอกรองทั้งคืนได้น้ำตาลใสไม่ถึงครึ่งกระบอก ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ล้นกระบอกแล้ว”

ชาวบ้านได้ร้องเรียนต่อทางการจนกระทั่งทางการคิดสร้างคันกั้นน้ำเค็มขึ้น ไม่ให้น้ำเค็มไหลเข้ามาทำลายพืชผักสวนผลไม้ของราษฎร

แต่หลายปีต่อมา เมื่อเขื่อนศรีนครินทร์กักน้ำได้ตามระดับที่ต้องการแล้ว ก็ปล่อยน้ำลงมาด้านใต้เป็นปรกติ นับจากนั้นน้ำเค็มก็ไม่ได้ท่วมเรือกสวนของชาวบ้านอีก เพราะมีน้ำเหนือไหลมาดันตามธรรมชาติ ชาวบ้านจึงไม่ต้องการคันกั้นน้ำเค็มอีกต่อไป

โครงการสร้างคันกั้นน้ำเค็มที่เริ่มมาได้ไม่นานและกำลังเผชิญปัญหาราคาที่ดินแพง งบประมาณไม่พอ จึงหยุดตัวเองไปโดยปริยาย

เวลาผ่านไป ๑๐ ปี ชาวสวนตำบลลาดใหญ่ก็ต้องประหลาดใจ ที่เมื่อปีที่แล้วอยู่ดี ๆ กรมชลประทานก็เริ่มเอารถแทร็กเตอร์มาขุดดินและเริ่มโครงการสร้างคันกั้นคลองสุนัขหอน ที่เชื่อมต่อแม่น้ำแม่กลอง โดยอ้างว่าเป็นการกั้นไม่ให้น้ำเค็มทะลักเข้ามาท่วมเรือกสวนของชาวบ้าน

ชาวสวนบอกว่าทุกวันนี้เขาอยู่สุขสบายดีแล้ว ไม่ต้องการคันกั้นน้ำ เพราะมีน้ำเหนือไหลมาดันน้ำเค็มแล้ว และโดยธรรมชาติของมะพร้าวก็เป็นต้นไม้ที่ชอบทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม

แต่หากมีการสร้างคันกั้นทางเดินของน้ำตามคลองและท้องร่อง ปัญหาที่ตามมาคือ น้ำในคูจะไม่มีการระบาย กลายเป็นน้ำเน่า ทำให้ต้นมะพร้าวยืนตายอีก

ชาวบ้านไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า ก็ในเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว ทำไมทางการจึงอยากสร้างคันกั้นน้ำเค็มอีก

ชาวบ้านบอกว่า กรมชลประทานไม่เคยถามความต้องการของชาวบ้านสักคำเดียวว่า ยังต้องการคันกั้นน้ำเค็มอยู่หรือไม่

ไม่เคยศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเลยว่า คันกั้นน้ำเค็มจะทำให้น้ำในคูคลองต่าง ๆ หยุดไหลเวียน เป็นเหตุให้น้ำเน่า

ไปถามทางนายช่างใหญ่ที่คุมการก่อสร้าง เขาก็บอกเพียงว่าเป็นโครงการต่อเนื่องที่ทำกันมานานแล้ว เมื่อได้งบประมาณมาก็ต้องทำต่อไปให้เสร็จ

ถามต่อไปว่า หากคันกั้นน้ำไม่มีประโยชน์กับชาวบ้านจริง จะยกเลิกได้หรือไม่

คำตอบคือ ไม่ได้ บริษัทรับเหมาก่อสร้างอาจจะปรับทางการได้ เพราะผิดสัญญา

เป็นน้ำเน่าเรื่องจริงที่เน่ากว่านิยายน้ำเน่า

ทุกวันนี้การก่อสร้างคันกั้นน้ำเค็มยังดำเนินต่อไป สวนมะพร้าวแถวนั้นกำลังจะยืนต้นตายอีกครั้งหนึ่ง และเงินภาษีของประเทศ ๒๐๐ ล้านบาทกำลังถูกละลายลงแม่น้ำกลอง

น้ำตาลสดแห่งสมุทรสงครามดูจะไม่หอมหวานอีกต่อไป

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์