อ้อย กาญจนะวณิชย์

ฉันหายไปจากคอลัมน์โลกธรรมชาติเสียหลายปีเพราะติดภารกิจใหญ่ ๆ สองเรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องงานพัฒนากระบวนการสำรวจและดูแลสายน้ำซึ่งกลายเป็นโครงการสิ่งแวดล้อมศึกษาใหญ่โต ชื่อว่า นักสืบสายน้ำ ต้องใช้เวลาและแรงมาก แต่เรื่องที่ ๒ นั้นสำคัญยิ่งกว่าและต้องค้นคว้าหาความรู้มากกว่า ได้แก่ การดูแลแม่ที่ป่วยหนักเป็นระยะเวลาหลายปีกว่าจะเดินทางข้ามภพไปเมื่อปีที่แล้ว

จึงประจักษ์ยิ่งขึ้น ๆ ไปว่า เรื่องทั้งสองเป็นเรื่องเดียวกัน

denmark1

ในครั้งนี้ ขอพูดถึงเฉพาะมิติง่าย ๆ ของกายภาพที่จับต้องได้ กล่าวคือ ระบบนิเวศธรรมชาติรอบตัวเรานั้น ทำงานเหมือนกับระบบนิเวศของร่างกายเราเดี๊ยะเลยอย่างที่เราทุกคนรู้ดีว่า เมื่อฝนตกลงสู่ดิน น้ำจะไหลอาบแผ่นดิน ทั้งราดตามผิวดินและซึมผ่านใต้ดิน ลงมารวมตัวกันเป็นลำน้ำ จากลำน้ำเล็กสู่ลำน้ำใหญ่สู่ทะเล ระหว่างการเดินทาง น้ำจะกัดเซาะแผ่นดิน ละลายแร่ธาตุและสสารต่าง ๆ พัดพาไปกับน้ำด้วย ลำน้ำจึงทำหน้าที่เสมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงแผ่นดิน ส่งความชุ่มชื้นและลำเลียงอาหาร แร่ธาตุ ตลอดจนสารพิษ ของเน่าเสีย ฯลฯ จากกิจกรรมต่าง ๆ สู่ดินแดนที่ไหลผ่านไปจนถึงทะเล

ถ้าแผ่นดินบริเวณหนึ่งปนเปื้อนมาก ๆ น้ำก็สามารถถ่ายทอดมลพิษไปสู่บริเวณอื่น ทั้งโดยตรงและโดยผ่านปากต่อปากที่กินกันเป็นทอด ๆ จากปากปลาไปถึงปากคน ไม่ต่างไปจากการแพร่กระจายสารพิษในตัวเราแต่สายน้ำเน่าเสียสามารถเยียวยาตัวเองได้ ถ้าไม่มีมลภาวะมาใส่เพิ่มเติมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีสภาพและปัจจัยที่เหมาะสมต่อการฟื้นฟู

denmark2

หากสายน้ำจะเยียวยาตัวเองได้ดี สายน้ำต้องมีพลัง และสายน้ำจะมีพลังก็ต่อเมื่อมัน

๑) ไหลแรง ไม่มีเขื่อนกั้นดักเก็บมวลเก็บพลังจากกระแสน้ำ
๒) มีแสงแดดส่องถึง ไม่ได้ถูกปิดใต้ท่อปูนมืด ๆ เพื่อให้พืชในน้ำสังเคราะห์แสงได้
๓) ไหลคดเคี้ยวเป็นอิสระตามธรรมชาติของมัน ไม่ได้ถูกบีบบังคับให้ไหลตรงแน่วเป็นเพียงทางระบายน้ำ

เพื่อให้การไหลคดเคี้ยวได้เว้ากัดเซาะตลิ่งและพื้นใต้น้ำ สลับกับการสลัดตะกอนทับถมฝั่งน้ำ จนภูมิประเทศใต้น้ำมีกายภาพที่หลากหลาย ทั้งลุ่มดอนลาดเอียง มีทั้งทรายละเอียดและกรวดหยาบกระจายเป็นหย่อม ๆ ตามพื้นท้องน้ำ เกิดบริเวณที่เป็นแก่ง น้ำไหลแรงกระทบหิน คอยฟอกอากาศเป็นปอดแก่สายน้ำ และบริเวณลึกเป็นแอ่งเป็นวังน้ำที่มีตะกอนอาหารสะสมอยู่ก้นท้องน้ำ

เมื่อสายน้ำอยู่ในสภาพเช่นนี้ มีอากาศ มีแสงแดด มีพลังกระแสน้ำ มันจะเยียวยาตัวเองได้ดี ในชั้นแรก พืชในน้ำจะดูดกินมลภาวะที่มีอยู่เป็นอาหาร เจริญเติบโตจนอาหารขยะลดลง น้ำสะอาดขึ้น จากเดิมสิ่งที่มีชีวิตเพียงบางชนิดอยู่ได้ดีในน้ำเสีย เช่น พวกไส้เดือนแดง ราน้ำเน่า อะมีบากินสมอง ก็กลายเป็นที่ที่สัตว์มากมายหลายชนิดกลับเข้ามาอาศัยอยู่ได้ บางชนิดชอบอยู่ตามแก่ง บางชนิดต้องหลบภัยตามวังน้ำ และบางชนิดวางไข่ตามกอพืชริมน้ำ กลายเป็นสายน้ำที่มีชีวิต มีสุขภาพดี อุดมสมบูรณ์ – อาจจะไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะในกรณีที่สัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ไปก่อนที่สายน้ำจะฟื้นฟูกลับคืนมา – แต่ก็มีสุขภาพดีตามอัตภาพ

การบำบัดสายน้ำที่ดีที่สุดและถูกสตางค์ที่สุด จึงเป็นการปล่อยให้สายน้ำอยู่ในสภาพที่มันสามารถฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้ใหม่ พูดง่าย ๆ ก็คือ ปล่อยให้สายน้ำไหลเอง – ปล่อยให้สายน้ำร้องเพลงเสียงออร์เคสตร้าน้ำกระหึ่มดังซู่ ๆ และเสียงน้ำไหลรินกระทบกรวดคล้ายตีระนาดแก้ว…กะรุก กะริก คือสัญญาณง่าย ๆ บอกอาการพื้นฐานของสายน้ำที่มีความสุข

ร่างกายเราไม่ต่างจากระบบนิเวศที่มีน้ำไหลผ่านมากนัก ในหลาย ๆ กรณีมันสามารถเยียวยาตัวเองได้ถ้าเราเลิกเติมพิษเข้าไป ในขณะเดียวกันก็ต้องระบายพิษและขยะอุดตันต่าง ๆ ออกจากร่างกาย ทั้งจากกายหยาบที่เรามองเห็นกันทั่วไป และจากกายละเอียดที่ห่อหุ้มกายหยาบเป็นราศี ที่แม้จะมีเพียงบางคนที่มองเห็นจะ ๆ แต่คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกได้ จนสภาพแวดล้อมภายในร่างกายอยู่ในสภาพที่เหมาะสมแก่การฟื้นฟูเซลล์ใหม่ ๆ แจ่ม ๆ ที่มีสุขภาพดี ขอเอาแต่เรื่องการจัดการกับกายหยาบ ได้แก่ ร่างกายที่เราจับต้องได้ …แต่ขอออกตัวก่อนว่า สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง เพราะฉันไม่ใช่หมอที่มีความรู้แตกฉานใด ๆ ทั้งสิ้น

เมื่อ ๒ ปีก่อนฉันเริ่มทดลองล้างพิษอย่างเข้มข้น ใช้กระบวนการทั้งหมดราว ๒๑ วัน ซึ่งรวมถึงการอดอาหาร ๑ สัปดาห์ ในระหว่างที่อดก็กินสมุนไพรขับสิ่งที่เข้าใจว่าคนไทยโบราณเรียกว่า ตะกรัน ในลำไส้ พร้อมกับสวนกาแฟ ๑๖ ลิตร วันละสองครั้ง ปรากฏว่า ตะกรัน หลุดออกมาเยอะแยะเต็มไปหมด หน้าตาเหมือนลำไส้ของเล่นที่ทำด้วยยาง ไอ้เจ้า ตะกรัน นี่ หมอฝรั่งบางคนเรียกว่า mucoid plaque มันเกิดจากเมือกที่ลำไส้ของเราขับออกมาเอง

ตะกรันมหัศจรรย์ที่ถูกขับออกมาจากลำไส้ในระหว่างอดอาหารล้างพิษ  (ภาพจาก Dr. Jensen's Guide to Better Bowel Care โดย Dr. Bernard Jensen, 1999)


เวลาที่เรากินอาหารที่ร่างกายย่อยไม่ได้หมด เป็นต้นว่า อาหารที่แปรรูปมาก ๆ จนเป็น อาหารตาย คือ ไร้ปราณ ไร้เอนไซม์ ไร้กาก ฯลฯ หรือเนื้อสัตว์ปริมาณมากซึ่งไม่เหมาะสมกับลำไส้ยาว ๆ อย่างของคน หรืออาหารที่ไม่เข้ากัน เช่น ข้าวหน้าหมูทอด ข้าวซึ่งเป็นแป้งต้องใช้เอนไซม์ที่ทำงานในภาวะเป็นด่างโดยเริ่มจากน้ำลายในปากออกมาย่อย แต่หมูซึ่งเป็นโปรตีนต้องใช้เอนไซม์ที่ทำงานในภาวะเป็นกรดย่อย เมื่อกินอาหารทั้งสองหมวดเข้าไปด้วยกันน้ำย่อยที่เป็นกรดและน้ำย่อยที่เป็นด่างถูกขับออกมาใช้พร้อมกัน ก็เจ๊ากันกลายเป็นกลาง ไม่กรด ไม่ด่าง เลยย่อยไม่ได้เต็มที่ กลายเป็นขยะบูดเน่าในท้องซึ่งถูกส่งต่อไปยังลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่สืบไป

ธรรมชาติของร่างกายนั้นก็แสนดี มีระบบป้องกันตนเอง เมื่อรับขยะเข้ามา น้ำดีจะเป็นกรด ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ลำไส้ขับเมือกปริมาณมากออกมาเคลือบผนังเพื่อกันไม่ให้ร่างกายดูดซับพิษจากอาหารขยะ เมื่อกินซ้ำ ๆ อย่างนี้มื้อแล้วมื้อเล่าแทนที่เมือกจะขับออกมาชั่วครู่แล้วถ่ายออกไป มันขับออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีก เมือกชั้นใหม่มาโปะชั้นเก่า จนจับตัวแข็งเป็นผนังยางหนาบุลำไส้หล่อตามแม่พิมพ์เป็นรูปลำไส้ สารอาหารดูดซึมผ่านไปสู่ร่างกายได้น้อย
ในขณะที่พิษค่อย ๆ ถูกดูดซึมกระจายไปทั่วร่างกาย คนอ้วน ๆ จำนวนมากจึงกลายเป็นคนขาดสารอาหารและขี้โรค ตะกรันเก่า ๆ พวกนี้เป็นที่จับอาหารเน่า ๆ ขี้ค้างปี ฯลฯ ที่พยายามเคลื่อนผ่านลำไส้ แต่ไปไหนไม่รอด มันเป็นบ้านแสนโสมม ที่พยาธิ เซลล์มะเร็งและสารพัดโรคชื่นชอบ

ภายใน ๓๖ ชั่วโมงหลังจากที่เราเริ่มอดอาหารร่างกายจะเปลี่ยนจากระบบย่อยไปสู่ระบบล้างพิษ เอนไซม์ต่าง ๆ
จะเริ่มเข้าไปจัดการกับพิษที่สะสมไว้ตามไขมันและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ขับพิษออกมาตามสายเลือดและน้ำเหลือง เพื่อส่งไปทิ้งตามระบบขับของเสียต่าง ๆ ได้แก่ ผิวหนัง ปอด ไต และทวารหนัก ซึ่งนับเป็นท่อระบายของเสียท่อหลักของเราเวลาที่เราอดอาหารเพื่อล้างพิษ เราจึงต้องดื่มน้ำมาก ๆ อบไอน้ำขับเหงื่อฝึกปอดให้หายใจอย่างเต็มที่ เช่น ทำปราณายามะหรือฉีกง และสวนทวารบ่อย ๆ เพื่อช่วยร่างกายให้สามารถขับพิษออกไปให้พ้นตัวโดยเร็วที่สุด เป็นการลดภาระของตับ-โรงงานบำบัดพิษที่สำคัญที่สุดของเรา

แผลเรื้อรังหายได้เอง แผลวันแรก

ในกระบวนการขับพิษนี้ ตะกรันมักจะถูกขับออกมาด้วย บางคนมีพยาธิแถมออกมาเยอะแยะ บางคนเจอนกหวีดสีแดงที่กลืนเข้าไปตอนเด็ก ๆ เมื่อ ๔๐ ปีก่อน ที่สนุกมากสำหรับนักนิยมธรรมชาติ คือ คอยเปิดหนังสือดูว่าตะกรันที่หล่อแข็งเป็นรูปลำไส้นั้น มาจากส่วนไหนของลำไส้ไม่ต่างจากการจำแนกพันธุ์ดอกไม้หรือดูนก ทุกครั้งที่สวนก็ลุ้นว่าอะไรจะออกมาถึงคราวลำไส้เล็กตอนบนหรือยัง ฯลฯ หมอธรรมชาติบำบัดคนหนึ่งเคยขับตะกรันลูกกลมๆ จากกระเพาะตัวเองออกมาด้วย

เพียงแค่ ๗ วัน คนที่ท้องผูกมาก ๆ อาจขับตะกรันออกมาหลายกิโล แม้คนที่คิดว่าตัวเองไม่มีปัญหาขับถ่าย
ก็มีตะกรันกันถ้วนหน้าเช่นกัน

เมื่อพิษและขยะอุดตันต่าง ๆ อย่างตะกรันถูกขับออกไป ร่างกายสะอาดขึ้น แบคทีเรียที่ดีกับเราเพิ่มประชากรได้มากขึ้น การย่อยอาหารของเราดีขึ้น ภูมิคุ้มกันของเราดีขึ้น ว่ากันว่าถ้าส่องกล้องจุลทรรศน์ดูเม็ดเลือดขาวก่อนและหลังล้างพิษอาจพบว่าจากเดิมที่เคลื่อนไหวเฉื่อย ๆ เม็ดเลือดขาวกลับกระฉับกระเฉงเคลื่อนไหวเร็วขึ้นถึง ๔-๑๐ เท่า เซลล์ใหม่ ๆ ดี ๆ ก็สามารถเติบโตขึ้นมาได้อย่างเช่นในรูปที่ฝากมาให้ดูนี้

แผล ๗ วันหลังจากนั้น (ภาพจาก Dr. Jensen's Guide to Better Bowel Care โดย Dr. Bernard Jensen, 1999)
ไม่ผิดอะไรกับสายน้ำที่ไหลได้ดีขึ้นจนสามารถฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้อีกครั้ง

สายน้ำไหลดีร้องเพลงได้ฉันใด คนไส้สะอาดก็หัวเราะได้ฉันนั้น

มันเป็นหลักง่าย ๆ ของระบบนิเวศ ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะกับชีวิตชนิดไหน ชีวิตเหล่านั้นก็จะครอบครองพื้นที่ แฮปปี้ ออกลูกหลานกันคึกคักเต็มไปหมดจนเราสามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ของสภาพแวดล้อมนั้น ๆ เราจึงเลือกได้ว่าจะเอาอะมีบากินสมองในน้ำครำ หรือปลาผีเสื้อในน้ำไหลใสสะอาดเอาเซลล์มะเร็งหรือเอาเซลล์ดี โดยการจัดการสภาพแวดล้อม

เพราะฉะนั้นในขณะที่สังคมกำลังให้ความสนใจกับสุขภาพในแนวธรรมชาติบำบัดกันมากขึ้นโดยเฉพาะไฮโซที่ชื่นชมสปาที่บุกรุกพื้นที่อนุรักษ์ของส่วนรวมจนยอมจ่ายค่าลอยดอกลั่นทมในชามอ่างล้างตีนในสนนราคาเหยียบหมื่นเหยียบแสนขอความกรุณาเผื่อแผ่ความสนใจให้แก่สิ่งแวดล้อมของชีวิตอื่น ๆ ด้วย

อย่าให้พืชและสัตว์ส่วนใหญ่มองเราเป็นไอ้ตัวเซลล์มะเร็งเขมือบโลกเลย