เรื่อง : วันชัย ตัน
ภาพประกอบ : DINHIN

bilek1

เดือนเมษายน ปี ๒๕๔๖ เอรอน รัลสตัน หนุ่มนักผจญภัยชาวโคโลราโด วัย ๒๘ ปี เดินทางมาปีนเขาที่อุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์ ตอนกลางของรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา

รัลสตันเป็นวิศวกร มีประสบการณ์สูงในการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ทั้งยังเคยเข้ารับการฝึกการช่วยชีวิตมาหลายหลักสูตร การปีนเขาเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งที่เขาหลงใหล

บ่ายวันนั้นขณะที่เขากำลังไต่ไปตามซอกหลืบของภูเขาตามลำพัง หินใหญ่ก้อนหนึ่งก็กลิ้งหล่นตรงมาที่เขา ด้วยสัญชาตญาณ รัลสตันยกมือขึ้นป้องศีรษะไว้ ผลก็คือก้อนหินทับมือขวาของเขาจนขยับไม่ได้

รัลสตันพยายามดิ้นสุดแรงเพื่อจะขยับเขยื้อน แต่ไม่สำเร็จ มือของเขายังติดแน่นอยู่ใต้ก้อนหิน แม้จะตะโกนให้คนช่วย แต่ก็ไร้ประโยชน์

ยามวิกาลมาเยือน รัลสตันเริ่มเจ็บใจตัวเองที่คิดผิด เดินทางคนเดียวโดยไม่มีเพื่อนร่วมทาง และยังละเมิดกฎพื้นฐานในการเดินป่า โดยไม่ยอมบอกแผนการเดินทางกับใครก่อนออกเดินทาง ตอนนี้จึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

วันแล้ววันเล่าที่เขาติดอยู่บนเขา ขยับไปไหนไม่ได้ ท่ามกลางแดดร้อนในตอนกลางวันและอากาศเหน็บหนาวในยามค่ำคืน

วันเวลาผ่านไปจนเสบียงและน้ำหมดเกลี้ยง เขาคิดว่าเขาต้องขาดน้ำตายแน่ ถึงขนาดเอาวิดีโอเทปมาบันทึกภาพตัวเองไว้ เพื่อบอกพ่อแม่ น้องสาว และเพื่อน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

พอเช้าวันที่ ๖ อาการอ่อนเพลียจากความหิวและขาดน้ำก็เข้าขั้นวิกฤต ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้ได้ว่ามือขวาที่ติดอยู่กับก้อนหินเริ่มเน่า รัลสตันจึงรวบรวมแรงอีกครั้ง พยายามดึงตัวให้หลุดออกจากมือที่เริ่มเน่า เพราะรู้ว่านี่เป็นหนทางเดียวที่เขาจะรอดชีวิต

เขาแข็งใจบิดข้อมือข้างที่เน่าเพื่อให้กระดูกแตก เจ็บปวดจนแทบขาดใจ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ สุดท้าย เขาตัดสินใจควักมีดพกใบมีดทื่อขึ้นมาหั่นเนื้อ หั่นเส้นเอ็น หั่นเส้นเลือด หั่นกระดูกตรงข้อมือขวา พร้อมกับตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดสุดบรรยาย

พอมือขวาขาด ดึงตัวเองหลุดจากก้อนหินได้แล้ว รัลสตันยังต้องไต่หน้าผาและเดินลงเขามาอีก ๑๓ กิโลเมตร ขณะที่เรี่ยวแรงเริ่มหมดลงไปเรื่อย ๆ จนแทบจะทรงกายไม่อยู่ เฮลิคอปเตอร์ช่วยชีวิตก็ปรากฏขึ้น (เหมือนในหนังฮอลลีวูดเลย) และพาเขาไปส่งที่โรงพยาบาลในเมือง

รัลสตันนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ๑๗ วัน เขาได้รับการผ่าตัดห้าครั้ง ออกมารักษาตัวต่อที่บ้านถึง ๔ เดือนกว่าที่ร่างกายจะฟื้นคืนเป็นปรกติ พร้อม ๆ ไปกับการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตใหม่อีกครั้งโดยปราศจากมือขวา

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมาใช้ชีวิตผจญภัยกลางแจ้งเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเดินป่า วิ่งมาราธอนระยะทาง ๑๖๐ กิโลเมตร และยังประดิษฐ์มือเทียมเพื่อช่วยในการปีนหน้าผา

ล่าสุด รัลสตันมีโครงการจะปีนยอดเขาในโคโลราโดระดับความสูง ๔,๒๖๗ เมตรในฤดูหนาว

“ตอนนี้ร่างกายของผมแข็งแรงกว่าก่อนเกิดอุบัติเหตุเสียอีก” รัลสตันกล่าว

“โชคไม่ดีที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น แต่มันก็เป็นโอกาสดีที่ได้เริ่มชีวิตแบบใหม่ ผมอยากถ่ายทอดประสบการณ์ครั้งนั้นให้แก่คนทั่วไป ซึ่งมันอาจช่วยให้คนอื่นได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความเจ็บปวดสุดชีวิต และพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ให้ได้”

หลังรอดตาย เขาเขียนบันทึกถึงความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตไว้ มีความตอนหนึ่งว่า

“วันแล้ววันเล่าที่ติดอยู่กับหินก้อนนั้น ผมคิดว่าผมต้องตายแน่ แต่พอรุ่งเช้าวันที่ ๖ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผมเริ่มดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ให้ได้ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ผมรู้ว่าในยามวิกฤต มนุษย์ทุกคนมีพลังที่จะทำอะไรได้มากกว่าที่ตัวเองคิดมากนัก

“ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้ และประสบการณ์ครั้งนี้ของผมยืนยันความเชื่อนี้”

เอรอน รัลสตัน ได้เขียนหนังสือเล่าเบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ในชื่อ Between A Rock and a Hard Place เพิ่งวางแผงได้ไม่กี่เดือน

ป่านนี้สำนักพิมพ์สิงห์ปืนไวบ้านเราคงจองลิขสิทธิ์แปลไปเรียบร้อยแล้ว