สิริลักษณ์ จุทิ่น : รายงานและถ่ายภาพ

openeyes01

เด็กชายตัวผอม ผิวคล้ำ อายุราว ๑๐ ขวบ ยื่นนิ้วชี้ไปสัมผัสทากตัวจิ๋วที่เกาะอยู่บนใบหญ้า เขายิ้มแป้นเมื่อสัมผัสทากตัวนั้นจนพอใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“นี่ทากเหรอครับ ไม่เห็นน่ากลัวอย่างที่พี่บอกเลย ตัวมันนิ่ม ๆ น่ารักจังเลยครับ”

นับเป็นความเห็นที่แปลกพอควร หากเด็กคนนี้อยู่ในโลกของคนปรกติ เพราะสำหรับคนทั่วไปแล้วทากดูดเลือดนั้นยังห่างไกลจากคำว่า “น่ารัก” อีกมากโข โลกของเขาเป็นโลกใบเดียวกับเด็กชายอีก ๓-๔ คนที่กำลังกางแขนโอบรอบต้นไม้ใหญ่อย่างทุลักทุเล เป็นโลกใบเดียวกับเด็กหญิงที่กำลังขยี้ใบสาบเสือในมือ เพื่อดมกลิ่น และเป็นโลกใบเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ อีกราว ๔๐ คนที่กำลังสนุกสนานอยู่กับการได้รู้จักธรรมชาติ ด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมดที่มี ยกเว้น…การมอง

ตลอดชีวิตของเด็กบางคนในค่าย “ดวงตาสู่ธรรมชาติกับ ปตท.สผ.” ครั้งนี้ ไม่เคยรู้เลยว่าการได้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ บนโลกนั้นให้ความรู้สึกอย่างไร แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะปิดกั้นโอกาสแห่งการเรียนรู้ พวกเขาอ่านออกเขียนได้ (ด้วยอักษรเบรลล์) จดจำและรับรู้ได้ด้วยทักษะที่ฝึกฝนมาอย่างดี การได้มาเรียนรู้เรื่องธรรมชาติตลอดระยะเวลา ๓ วัน ๒ คืนที่เขาใหญ่ ของเยาวชนจากโรงเรียนการศึกษาคนตาบอด จ.นครราชสีมา จึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากหรือไร้ความหมายต่อพวกเขาอย่างที่หลายคนคิด

“ข้าวอยู่ข้างหน้าเรานะคะ ไข่เจียวอยู่ที่ ๑๐ นาฬิกา แกงจืดอยู่ด้านบนสุด และผัดกะเพราอยู่ที่๑๕ นาฬิกานะคะ”

เป็นสิ่งที่พี่เลี้ยงอาสาสมัครที่มีทั้งพนักงานจาก ปตท.สผ. และบุคคลภายนอกที่สนใจ ต้องบอกกล่าวแก่น้อง ๆ ก่อนรับประทานอาหารทุกมื้อ แต่มีหลายคนที่สามารถเรียนรู้ได้เองจากการสัมผัสและกลิ่นของอาหาร เช่นเดียวกับการเดินไปยังที่พักหรือลานกิจกรรม เมื่อล่วงเข้าวันที่ ๒ พวกเขาก็เริ่มจดจำทิศทางได้เองหากพี่เลี้ยงพาเดินไปในเส้นทางเดิมทุกครั้ง

น้อง ๆ ในค่ายได้เรียนรู้เรื่องสัตว์ป่าและธรรมชาติจากแบบจำลองรูปนกชนิดต่าง ๆ ด้วยการสัมผัสและการปั้นดินกระดาษ โดยมีพี่เลี้ยงคอยให้คำอธิบายอย่างใกล้ชิด หลายคนปั้นออกมาได้เหมือนแบบแทบไม่ผิดเพี้ยน และมีไม่น้อยที่แลกเปลี่ยนจินตนาการจากงานปั้นของตัวเองกับเพื่อนข้างกายอย่างร่าเริง

“หนูชอบธรรมชาติค่ะ เพราะมันทำให้เราได้พบกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ตอนที่รู้ว่าจะต้องไปเผชิญโลกภายนอกกับคนตาดีก็กลัว ไม่ได้กลัว

ตัวเองลำบากนะคะ กลัวจะเป็นภาระให้คนอื่นมากกว่า แต่เพื่อน ๆ และพี่เลี้ยงก็บอกว่ามันเป็นหน้าที่ของเพื่อนมนุษย์ที่จะต้องช่วยเหลือกัน”

“น้องน้ำ” บอกเล่าอย่างอารมณ์ดีในวันสุดท้ายก่อนพิธีปิดค่าย

กิจกรรมในค่ายจึงไม่เพียงแต่ให้ความรู้และความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้คนปรกติได้เรียนรู้และเข้าใจชีวิตของคนในโลกที่มืดบอดอย่างถูกต้อง เพราะการมองไม่เห็นโลกภายนอกไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ แต่ความไม่เข้าใจและไม่รู้จักเปิดใจของคนปรกติอย่างเรา ๆ ต่างหากที่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับพวกเขา