เรื่อง : ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล
ภาพ : บันสิทธิ์ บุณยะรัตเวช
may53 02


“ร้องไม่ออก มือไม้อ่อน ทำอย่างนี้เหมือนตัดมือตัดตีนคนทำมาหากิน”

สุมิตร เยาว์ยืนยง บ้านอยู่ตลิ่งชัน เปิดร้านขายเสื้อผ้า ๓ ร้านในห้างเซ็นเตอร์วันมานานกว่า ๑๐ ปี  ถึงวันนี้…ที่ทำกินและสินค้าของเขาวอดวายไปในเปลวเพลิง

“อี๊คนนี้ขายชุดพยาบาล เสื้อสีขาวๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง  ถึงร้านจะอยู่ชั้นใต้ติน โดนน้ำขังจากการดับไฟ แต่สินค้าก็เอาไปขายไม่ได้แน่นอน”

อี๊คนที่สุมิตรพูดถึงเป็นแม่ค้ามาตั้งแต่ยุคบุกเบิก ขายของอยู่ที่นี่มานานกว่า ๓๐ ปีแล้ว ตั้งแต่ห้างเซ็นเตอร์วันยังเรียกว่า “พีเพิลพลาซ่า” ภายในอาคารไม่มีทั้งเครื่องปรับอากาศและบันไดเลื่อน  อี๊ว่า “ขายของมา ๓๐ ปี เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้อี๊เสียใจที่สุด”

ค่ำวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ทันทีที่รู้ข่าวไฟไหม้ สุมิตรและผองเพื่อนยังมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคงเอาอยู่ ไม่นึกว่าสุดท้าย…จะวอดวายกันทั้งแถบ

“ของผมมี ๓ ร้าน เป็นหน้าร้านขนาด ๓.๕ เมตร ๒ ห้อง  ๕.๕ เมตรอีก ๑ ห้อง แยกกันไปภายในตัวอาคาร  ความเสียหายทั้งหมดไม่ต่ำกว่า ๑ ล้านอย่างแน่นอน” สุมิตรกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ห้างเซ็นเตอร์วัน หรือศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วันชอปปิงพลาซ่า ตั้งอยู่ริมถนนราชวิถี อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  เป็นอาคารสูง ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๖,๐๐๐ ตารางเมตร เป็นที่ตั้งของร้านแมคโดนัลด์ สเวนเซ่นส์ ร้านหนังสือนายอินทร์ ห้างทอง ฯลฯ  และยังมีร้านค้ารายย่อยอีกกว่า ๓๐๐ ร้าน  นับเป็นหนึ่งในศูนย์กลางแหล่งชอปปิงย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

หลังมาตรการ “กระชับพื้นที่” รอบเวทีชุมนุมแยกราช-ประสงค์ จนกระทั่งเกิดการสลายการชุมนุมในเวลาต่อมา สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เกิดการวางเพลิงสถานที่ต่างๆ โดยรอบบริเวณที่ชุมนุม

ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีความพยายามของผู้ชุมนุมในการตั้งเวทีปราศรัยแต่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ  เย็นวันนั้นเกิดเหตุทุบกระจกร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นที่อยู่ชั้นล่างของอาคารร้านหนังสือดอกหญ้าตรงหัวมุมถนนราชวิถี-ติดกับทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า พร้อมกับมีการเข้าไปขโมยสินค้าภายในร้าน ก่อนบานปลายไปเป็นการวางเพลิงตัวอาคารและห้างเซ็นเตอร์วัน

สิทธิชัย อังควิชัย เจ้าของร้านกระดุมทอง ร้านขายเครื่องแบบนักศึกษาซึ่งอยู่ชั้นล่างของอาคาร ระหว่างร้านเซเว่นอีเลฟเว่นกับวัตสัน เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังว่า

“ร้านค้าย่านนี้ปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคมแล้ว ในวันเกิดเหตุเราติดตามข่าวตลอด เมื่อรู้ว่ามีตำรวจเฝ้าประจำพื้นที่และสามารถควบคุมไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมตั้งเวทีปราศรัยได้ ยังรู้สึกอุ่นใจเชื่อว่าร้านคงไม่ถูกวางเพลิง

“แต่เวลาประมาณ ๑๘.๓๐ น. ผมเดินทางมาถึงร้าน ปรากฏว่าไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ เลยแม้แต่คนเดียว  ขณะเดียวกันมีกลุ่มคนไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ รวมตัวกันอยู่รอบอนุสาวรีย์ชัยฯ  ในเวลานั้นร้านเซเว่นถูกทุบกระจกและมีการบุกเข้าไปขโมยของแล้ว

“เหตุการณ์รุนแรงขึ้นเมื่อเฮลิคอปเตอร์ของเจ้าหน้าที่ทหารบินมาโปรยใบปลิว เนื้อหาพอจะจำได้ว่า…ขณะนี้มีการสลายการชุมนุมที่เวทีราชประสงค์แล้ว ขอให้ผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบสลายตัว มิฉะนั้นจะถือว่าท่านทำผิดกฎหมาย ถือเป็นการก่อการร้าย…

“ทันทีที่ได้อ่านใบปลิว คนกลุ่มนั้นเริ่มคึกคะนอง ส่งเสียงโห่ฮา ตะโกนด่าทหาร  ชายที่สวมหน้ากากไอ้โม่งคนหนึ่งถือขวดเบียร์ตรงไปหน้าร้านแมคโดนัลด์ (ในห้างเซ็นเตอร์วัน) พร้อมกับตะโกนว่า มึงหาว่ากูเป็นผู้ก่อการร้ายใช่มั้ย เผาแม่งเลยพวกเรา ! แล้วลงมือเอาขวดเบียร์ปากระจก ปาอยู่ ๓ ครั้งกระจกยังไม่แตก เลยหันหาเก้าอี้เหล็กทุ่มเข้าไปแทน  หลังจากคนแรกเปิดเกม พวกที่เหลือก็กรูกันเข้าไปในห้างโดยมีระเบิดเพลิงถือติดมือไปด้วย”

ก่อนที่ห้างเซ็นเตอร์วันจะลุกเป็นไฟ เพลิงก็ลุกไหม้อาคารร้านหนังสือดอกหญ้าซึ่งอยู่ข้างกันไปก่อนแล้ว  เวลานั้นสิทธิชัยและเพื่อน รปภ. ของห้างอีกราว ๔-๕ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ทำได้เพียงยืนมองร้านของตัวเองค่อยๆ ถูกเพลิงไหม้ไปต่อหน้าต่อตา เนื่องจากถูกคุกคามไม่ให้หาทางดับไฟ  รปภ. รายหนึ่งร้องขอว่า “อยากได้อะไรก็เอาไป แต่ขออย่างเดียวอย่าวางเพลิง” แต่คำขอของเขาก็ไม่เป็นผล

ไฟลุกไหม้ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ร้านหนังสือดอกหญ้า ร้านขายชุดนักศึกษากระดุมทอง วัตสัน แล้วลุกลามไปทั่วทั้งตึก  เฉพาะส่วนร้านหนังสือดอกหญ้าไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเต็มไปด้วยเชื้อไฟชั้นดีคือหนังสือนับแสนเล่ม

เพลิงไหม้ห้างเซ็นเตอร์วันเมื่อเวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น. แต่กว่ารถดับเพลิงจะเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ได้ก็ล่วงเข้าเวลา ๒๒.๐๐ น. แล้ว  เจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้เหตุผลว่ามีขบวนการซุ่มยิง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับความปลอดภัย  เพลิงลุกลามไปยังอาคารสำนักงานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคซึ่งอยู่ติดห้าง มีผนังด้านหนึ่งห่างประมาณ ๑ เมตรจากตัวห้าง เสียหายอย่างหนักทั้ง ๔ ชั้น  ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นต้องรวมตัวกันฉีดน้ำสกัดไฟไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านไม้ที่อยู่ติดห้าง ด้วยเกรงไฟจะลุกลามไปทั่วทั้งชุมชน

ผู้อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าว่า “ดูเหมือนเจ้าหน้าที่จะสามารถดับไฟที่ลุกไหม้จากการวางเพลิงเมื่อช่วงหัวค่ำได้ แต่ไฟก็ลุกโชนขึ้นมาใหม่  คราวนี้เจ้าหน้าที่ยิ่งปฏิบัติการยากกว่าเดิมเพราะมีการซุ่มยิง”

กว่าเพลิงจะสงบลงได้ก็ในวันถัดมา คือวันที่ ๒๐ พฤษภาคม

จุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพ-มหานคร พร้อมด้วย ธเนศ วีระศิริ รองเลขาธิการวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รายงานความเสียหายของโครงสร้างอาคารห้างเซ็นเตอร์วัน โดยประเมินว่าอยู่ในระดับ ๒ คือเสียหายปานกลาง (จากที่ช่วงแรกประเมินเป็นระดับ ๑ เสียหายรุนแรง เพื่อป้องกันประชาชนเข้าพื้นที่ และเป็นเพียงการตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น) โครงสร้างอาคาร ได้แก่ เสา คาน พื้น ยังอยู่ในสภาพทรงตัวได้ไม่มีปัญหา ขณะที่ผนังพบว่ามีสภาพแอ่นและล้มตัวลงมาในบางส่วน การซ่อมแซมอาคารยังสามารถใช้โครงสร้างเดิม

ทางด้านร้านหนังสือดอกหญ้า ประเมินความเสียหายของโครงสร้างอาคารอยู่ในระดับ ๑ คือ เสียหายรุนแรง  เสา คาน พื้น มีความแอ่นตัวสูง มีสภาพเป็นแอ่งกระทะในหลายจุด ผนังแตกและพังทลายลงมา จำเป็นต้องรื้อถอนอาคารทั้งหมด

รัชพล ไกรจิรโชติ กรรมการผู้จัดการศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน แสดงความเห็นต่อเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นกับห้างสรรพสินค้าของตนว่า

“เรื่องที่เกิดขึ้นผมว่ามันเป็นเรื่องผสมโรง เราไม่ใช่เป้าหมายแรกๆ แบบ ZEN ไม่มีการชุมนุมที่ย่านนี้ ไม่มีการประกาศจากแกนนำ แต่พอเกิดเหตุวันนั้นมีการผลักดันคนออกจากพื้นที่โซนในๆ อย่างราชประสงค์ เขาก็มาบล็อกตรงดินแดง แล้วก็กินเหล้าอยู่ที่นี่ เลยมีพวกผสมโรงเข้ามาทุบขโมยของในเซเว่นอีเลฟเว่น ทุบร้านวัตสัน กินเหล้า ขโมยเหล้า แล้วก็เริ่มครองสติไม่ได้” (กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓)

ประเมินความเสียหาย เจ้าของห้างเซ็นเตอร์วัน อาคารสูง ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๖,๐๐๐ ตารางเมตร คาดว่าเสียหายเกือบ ๘๐๐ ล้านบาท  และจะมีคนตกงานไม่ต่ำกว่า ๕๐๐ คน  ส่วนเจ้าของร้านหนังสือดอกหญ้า ห้องแถวสูง ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑๒๗ ตารางวา คาดว่าเสียหายไม่ต่ำกว่า ๖๐ ล้านบาท

“ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะบอกว่าการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์และอำนาจ ดังนั้นเราอย่าไปยุ่งกับการเมือง ขอเลือกอยู่ตรงกลาง ทำมาค้าขายไปตามเรื่องดีกว่า แต่มาวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นจากการการชุมนุมทางการเมืองได้ส่งผลกระทบมาถึงเราแล้ว

“ยุคก่อนอาจจะมีการเผาศาลากลางหรือสถานที่ราชการซึ่งเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ถึงวันนี้สถานที่เอกชนยังถูกเผา ความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองได้เดินทางมาถึงชาวบ้านธรรมดาแล้ว” สิทธิชัย เจ้าของร้านกระดุมทองที่มอดไหม้ไปในเปลวเพลิงกล่าวทิ้งท้าย