สื่อมัลติมีเดียแบบใหม่ได้รับความนิยมในการจัดแสดงจากเกือบทุกชาติ
เพื่อช่วยสื่อความหมายที่ต้องการถ่ายทอดแก่ผู้ชมได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจง่าย

“เซี่ยงไฮ้มีต้นเมเปิลด้วยหรือ”

เรานึกแปลกใจเมื่อเห็นต้นไม้มีใบแฉกสีเขียวปลูกเรียงรายอยู่ริมถนนหลายสายใน ย่านเก่าแก่ของฝั่งตะวันตก และได้รับคำตอบว่าต้นเมเปิลเหล่านี้มีอายุร่วมร้อยปี ชาวฝรั่งเศส หนึ่งในชาติตะวันตกที่เข้ามายึดครองเซี่ยงไฮ้ นำพืชต่างถิ่นชนิดนี้เข้ามาปลูกจนทุกวันนี้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของมหานคร และเป็นประจักษ์พยานมาจนถึงปัจจุบันว่า ครั้งหนึ่งเซี่ยงไฮ้เคยถูกฝรั่งหลายชาติเข้ามาละเมิดอธิปไตยของประเทศ

ปี ๒๐๑๐ ประเทศต่างๆ จากทั่วโลกประมาณ ๑๙๒ ชาติแห่กันมาเช่าพื้นที่ที่เคยเป็นโรงงานและชุมชนเก่า ๓,๓๐๐ ไร่กลางมหานครเซี่ยงไฮ้สองฝั่งแม่น้ำหวงผู่ เพื่อแสดงความเป็นชาติของตนในงานเซี่ยงไฮ้เวิลด์เอ็กซ์โป ๒๐๑๐ ภายใต้แนวคิด “เมืองที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ดียิ่งขึ้น” (Better City, Better Life)

ตามประสาประเทศมหาอำนาจอันดับต้นๆ ของโลก จีนจะจัดงานระดับโลกทั้งทีต้องไม่ธรรมดา ดังนั้นเมื่อเซี่ยงไฮ้ได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดงานเอ็กซ์โปเมื่อเกือบ ๑๐ ปีก่อน สิ่งที่รัฐบาลจีนประกาศก็คืองานเอ็กซ์โปครั้งนี้จะจัดขึ้นใจกลางมหานคร เซี่ยงไฮ้ ซึ่งแตกต่างจากงานเอ็กซ์โปในหลายประเทศที่ผ่านมาซึ่งสถานที่จัดงานมักอยู่ นอกเมืองเพราะไม่สามารถหาที่ดินนับพันไร่กลางเมืองพอจะแสดงงานระดับโลกนี้ ได้

ผู้บริหารมหานครเซี่ยงไฮ้เล็งทำเลสองฝั่งแม่น้ำหวงผู่เนื้อที่ประมาณ ๓,๓๐๐ ไร่ที่เคยเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ๒๐๐ กว่าแห่งและชุมชนเก่าแก่ของชาวเซี่ยงไฮ้ประมาณ ๑๘,๐๐๐ ครอบครัว เป็นสถานที่จัดงานระดับโลก

“ข้อแตกต่างอันชัดเจนระหว่างประเทศประชาธิปไตยกับประเทศคอมมิวนิสต์ก็คือ รัฐบาลคอมมิวนิสต์มีอำนาจล้นฟ้า สามารถสั่งและเนรมิตทุกอย่างได้จริงๆ พวกเขาสามารถไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ไปอยู่ที่แห่งใหม่โดยใช้เวลาเพียงปีเศษ”

นี่หากเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตย คงต้องใช้เวลานานกว่าจะผ่านการทำประชาพิจารณ์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการ ตัดสินใจใช้พื้นที่ ผมนึกในใจ

จีนใช้เงินถึง ๔,๒๐๐ ล้านดอลลาร์ (ประมาณ ๑๓๐,๐๐๐ ล้านบาท) ในการจัดงานเซี่ยงไฮ้เวิลด์เอ็กซ์โป มากกว่าเงินที่ใช้จัดโอลิมปิกเกมส์ที่ปักกิ่งถึง ๒ เท่า เพื่อทำการรื้อโรงงาน บ้านเก่า พลิกพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นที่ตั้งศาลาหรือพาวิลเลียนกว่า ๒๕๐ แห่งจาก ๑๙๒ ประเทศที่เข้าร่วม ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่างบประมาณจริงน่าจะเกือบ ๒ ล้านล้านบาท ซึ่งรวมถึงการตัดถนนและการสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ของมหานครเซี่ยงไฮ้ด้วย

งานเวิลด์เอ็กซ์โปจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ ๒๐๐ กว่าปีก่อน อันเป็นผลพวงหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป ซึ่งชาติมหาอำนาจต้องการแสดงให้ชาติอื่นๆ ได้รู้จักความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมรวมถึงสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ จึงได้เริ่มมีงานมหกรรมโลกหรือเวิลด์เอ็กซ์โปขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. ๑๘๕๑ โดยความริเริ่มของเจ้าชายอัลเบิร์ต พระสวามีของพระราชินีวิกตอเรีย เป็นมหกรรมที่ผสมผสานระหว่างการแสดงภาพลักษณ์ของประเทศกับประดิษฐกรรมของโลก ถือเป็นนิทรรศการยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีหลายสิบประเทศเข้าร่วมแสดงผลงาน และมีผู้เข้าชมงานมากเป็นประวัติการณ์ กลายเป็นงานที่สร้างชื่อเสียงให้มหาอำนาจอังกฤษอย่างมากในเวลานั้น และเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปในหลายประเทศทั่วโลกติดต่อกัน จนถึงปัจจุบันเป็นครั้งที่ ๔๒

เช้าวันที่เรายืนต่อแถวตรงทางเข้าเนืองแน่นไปด้วยคนจีนจากทั่วสารทิศที่มา เที่ยวชมงานวันละเกือบ ๔ แสนคน ที่จอดรถเต็มไปด้วยรถบัสหลายร้อยคัน จึงเข้าใจได้ว่างานเอ็กซ์โปที่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ๒๐๑๐ กลุ่มเป้าหมายที่คาดกันว่าจะมีประมาณ ๗๐ ล้านคน (หลังจบงานตัวเลขคนเข้าชมอยู่ที่ ๗๓ ล้านคน) เกือบทั้งหมดน่าจะเป็นคนจีนในประเทศมากกว่า ตลอดงานเราสังเกตเห็นคนต่างชาติมาเที่ยวชมงานน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับ กีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งเมื่อ ๒ ปีก่อนที่จีนตั้งใจจัดให้คนต่างชาติมาร่วมงานโดยเฉพาะ

บทเรียนจากโอลิมปิกครั้งนั้นถูกชาวโลกวิจารณ์ว่ามลพิษทางอากาศในกรุงปักกิ่ง รุนแรงมาก ทำให้ก่อนพิธีเปิดอันยิ่งใหญ่ตระการตาของงานเอ็กซ์โปจะเริ่มต้น ๑ เดือน รัฐบาลจีนสั่งห้ามการก่อสร้างทุกประเภทในนครเซี่ยงไฮ้เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง ในอากาศ และไม่อนุญาตให้รถกระบะ รถบรรทุกทุกชนิดแล่นเข้าเมืองเพื่อลดปัญหาการจราจร

รัฐบาลคอมมิวนิสต์สั่งได้ทุกอย่างจริงๆ ผมนึกในใจ หากเป็นประเทศอื่นคงมีการปิดถนนประท้วงกันแน่นอน

แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลสั่งไม่ได้คือบรรดาผู้กว้างขวางหรือแก๊งมาเฟียใน เซี่ยงไฮ้ที่มีบุคคลในเครื่องแบบหนุนหลัง เป็นที่รู้กันว่าประเทศต่างๆ ที่มาแสดงงานจะต้องนำงบประมาณเกือบทั้งหมดมาใช้จ่ายในการนี้ด้วยราคาที่ แพงกว่าปรกติ โดยทำสัญญาว่าจ้างบริษัทของผู้กว้างขวางเหล่านี้เพื่อออกแบบก่อสร้างไปจนถึง จัดซื้อสินค้าทุกชนิด บริการรถเช่า จ้างยามรักษาความปลอดภัย ฯลฯ ในราคาแพงมหาโหดโดยไม่จำเป็น ด้วยเหตุผลเพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัย

“หลายประเทศเคยร้องเรียนไปยังรัฐบาลจีนถึงปัญหาเหล่านี้ และทางการจีนรับปากว่าจะจัดการแก้ไขปัญหา แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป พวกเราต้องช่วยเหลือตัวเองเพื่อให้งานเสร็จ แม้ว่าจะถูกเอาเปรียบเพียงใด” เจ้าหน้าที่คนไทยคนหนึ่งบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง

“มาเฟียรายหนึ่งต้องการให้เราจ้างบริษัทของเขามาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในราคาแพงแสนแพง และบอกว่าบริษัทนี้มีหุ้นส่วนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เขาตามมาตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน เขาเคยเอาปืนออกมาวางขู่ และบอกว่าตำรวจเมืองนี้ยิงคนตายไม่ผิดกฎหมาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทของเขาเส้นใหญ่เพียงใด”

เบื้องหลังความเจริญกับความทันสมัยมักมีอำนาจเถื่อนและผู้กว้างขวางเป็นเพื่อนคู่คิดเสมอ

พอผ่านประตูเข้าไปได้ มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเช็กอย่างละเอียด ภายในงานมีพาวิลเลียนของประเทศต่างๆ มาจัดแสดง ๒๐๐ กว่าแห่ง ต้องเข้าคิวนานนับชั่วโมงเพื่อทยอยเข้าไปในพาวิลเลียน บางพาวิลเลียนที่โด่งดังมากใช้เวลาเข้าคิว ๘ ชั่วโมง คือพาวิลเลียนเยอรมนี จีน อิตาลี และซาอุดีอาระเบีย นับเป็นการฝึกความอดทนอย่างดีเยี่ยม แต่เราโชคดีที่ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยในการนำชมพาวิลเลียนของ ประเทศต่างๆ โดยทางเข้าที่เรียกว่า ฟาสต์แทร็ก จึงไม่ต้องรอคิวนาน

คอลัมนิสต์ต่างชาติเคยเขียนเสียดสีรัฐบาลจีนว่า “ถ้าเงินจำนวนมหาศาลที่ทุ่มเทไปในงานนี้เพียงช่วยฝึกวินัยให้คนจีนรู้จัก เข้าคิวและเลิกถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว”

ไกด์สาวเตือนว่า คนเยอะมากขนาดที่บางพาวิลเลียนไม่ต้องเดินเพราะคุณจะไหลไปตามคลื่นฝูงชนได้ เอง และให้ระวังกระเป๋าหรือเป้ให้ดี ทางที่ดีควรสะพายไว้ด้านหน้า หล่อนพูดติดตลกว่า “กระเป๋าวางไว้ข้างหน้าเป็นของเรา วางไว้ข้างหลังเป็นของคนอื่น วางข้างๆ แบ่งกันใช้”

พาวิลเลียนแรกที่เราเข้าชมคือพาวิลเลียนสหรัฐอเมริกา ตัวอาคารสีเทามีน้ำตกเป็นระยะ หลังคาทำเป็นสวนเพื่อลดอุณหภูมิ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าและน้ำร้อน ด้านในแสดงการอยู่ร่วมกันในอนาคตอีก ๒๐ ปีข้างหน้าที่ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม การพัฒนาที่ยั่งยืน และสุขอนามัย โดยมีหนุ่มสาวเชื้อสายจีนพูดภาษาจีนกลางเป็นผู้นำแขกเข้าสู่งานแสดงอันมี มัลติวิชันเป็นเครื่องมือสำคัญในการเล่าเรื่อง เริ่มจากการกล่าวต้อนรับของประธานาธิบดีบารัก โอบามา และจบลงด้วยเรื่องราวของเด็กสาวตัวน้อยผู้เรียกร้องให้เพื่อนบ้านช่วยกัน ปลูกต้นไม้ในเมืองใหญ่ที่ไม่มีคนสนใจจนสามารถทำให้เกิดสวนดอกไม้ในชุมชนได้ สำเร็จ ระหว่างการแสดงที่เรียกว่าเป็นมัลติวิชันสี่มิติ คือมีทั้งฝนตก เก้าอี้สั่นไหวให้คนดูรู้สึกได้จริงๆ

สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกในงานนี้ที่ใช้วิธี “คาร์บอนสมดุล” คือพวกเขาคำนวณว่าตลอดระยะเวลา ๖ เดือนของการจัดงานและการก่อสร้าง พาวิลเลียนสหรัฐฯ จะปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ “รอยตีนคาร์บอน” (Carbon Footprint) ๘,๒๕๐ ตัน ทางการสหรัฐฯ จึงได้ซื้อคาร์บอนเครดิตจำนวน ๘,๒๕๐ ตันจากโครงการชดเชยคาร์บอนในประเทศจีน ๓ แห่ง ซึ่งประกอบด้วยโครงการเปลี่ยนก๊าซเป็นพลังงานในบ่อขยะ โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก และโครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้า โรงงานเหล่านี้ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อชดเชย “รอยตีนคาร์บอน” หรือปริมาณรวมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ที่พาวิลเลียนสหรัฐฯ ปล่อยออกมา