งานจากค่ายสารคดีครั้งที่ 9
เรื่องและภาพ : ธิดชะนัน เที่ยงธรรม

wheelchair01

wheelchair02
wheelchair03
wheelchair04
wheelchair05
wheelchair06
wheelchair07
wheelchair08
wheelchair09

………..

มันเป็นบ่ายวันนึงที่อากาศร้อนปกติ ฉันเจอหญิงสาวคนนี้ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว งานที่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไป แต่ก็ถูกกลมกลืนไปโดยปริยาย งานวันนั้นนับเป็นงานใหญ่ในรอบปี ของนักเลียนแบบตัวละคร ที่เรียกกันว่า งานคอสเพลย์ การ์ตูนหลายร้อยชีวิต เสมือนมีชีวิต การเลียนแบบนิสัยท่าทางเป็นไปตามตัวละครที่กำหนด ความฝันของหลายๆ คนเริ่ม จากจุดนี้ โลกเสมือนจริง

“เธอตอบฉันว่าตัวละครที่เธอเลียนแบบมีความเป็นตัวเธออยู่ นานาลี ชื่อของตัวละครแอนนิเมะ (การ์ตูนแอนนิเมชั่น) เหตุผลที่หนูเลือกคอสเพลย์ นานาลี เพราะนานาลีนั่งรถเข็นเหมือนกันค่ะ”

ประโยคแรกที่ฉันได้ยินจากเธอคนนี้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจากการถามชื่อตัวละครต่างๆในงาน จนมาถึงสาวน้อยคนนี้ เราเจอกันโดยบังเอิญ ขณะเข้าไปพูดคุยฉันมีความสนใจอยู่ในตัวเทอไม่น้อย ไม่แปลกที่วันนึง ฉันจะแลกเปลี่ยนพูดคุยกับผู้คนมากมาย แต่เมื่อได้คุยกับเธอแล้วกับรู้สึกมีกำลังใจ โลกของฉันที่ไม่คุ้นเคยกับตัวการ์ตูนมากนัก แต่เธออาจคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี

น้ำเสียงของ “น้องเมย์” นางสาวภณิตา ชวภัทรธนากุล นักศึกษาชั้นปี 3 คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เธอไม่สามารถดูแลตัวเองได้เนื่องจากความไม่พร้อมทางร่างกาย แขนขาไม่มีกำลังในการเคลื่อนไหว เธอใช้ชีวิตบนรถวิลแชร์ตั้งแต่จำความได้ ความบกพร่องทางร่างกายกับไม่ใช่อุปสรรคในการดำรงชีวิต มากมายอย่างที่คนอื่นคิด

“อยากเรียนหนังสือค่ะ เลือกเรียนภาษาเพราะชอบและง่ายกว่าการไปเรียนวิชาอื่นๆ”

อาจเป็นเพราะ เธอเกิดในครอบครัวที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว การสนับสนุนจากทางบ้านจึงเน้นไปที่การศึกษาของเธอ ตั้งแต่เล็กเธอบอกฉันว่าเธอเรียนรู้การอ่าน กอ ไก ขอ ไข่ การใช้ภาษาไทย รวมถึงการพูด กับพี่สาวของเธอ จนสามารถมีความรู้ในระดับที่อ่านออกเขียนได้ ก็เข้าเรียนที่ กศน. การศึกษานอกระบบ และก็สอบเทียบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ปัจจุบัน ใน 1 อาทิตย์ จะเข้าเรียนในวันอังคารและวันพุธ เนื่องจากการจัดตารางอาจจะต้องคำนึงถึงการเดินทางเป็นหลัก เธอเรียนรวมในห้องเรียนกับเพื่อนๆ ที่มีความปกติทางร่างกาย และมีเพื่อนๆ ที่คอยอำนวยความสะดวกให้เธอรวมถึงมีพี่เลี้ยง คอยไปไหนกับเธอราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอไปแล้ว

“ Although I can not do anything. There are some thing I can do it and I was happy with it”

ประโยคนี้ สามารถสื่อความเป็นตัวเธอได้ดีที่สุด น้องเมย์กล่าว “ ฉันไม่สามารถทำได้ทุกอย่างหรอก แต่มันก็มีบางสิ่งที่ฉันสามารถทำได้และมีความสุข”

จากสถิติการเกิดประชากรของทารกที่เกิดมาแล้วมีความพิการเป็น 20 % ของเด็กแรกเกิดทั้งหมด จากสถิติการเกิดประชากรปี56 และจากสถิติ อีก 2% ที่เหมือนกับเธอ คือมีความผิดปกติมาตั้งแต่แรกเกิดโดยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหว อวัยวะตั้งแต่ช่วงท้องลงไปรวมถึง กล้ามเนื้อแขนและนิ้วมืออ่อนกำลัง โดยไม่สามารถเคลื่อนไหวและหยิบสิ่งของได้ถนัด องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้จัดแบ่งเด็กที่มีความพิเศษ ที่เกิดจากความบกพร่องทางโครงกระดูก ไร้ความสามารถในการดูแลตนเอง ไร้ความสามารถทางความคล่องแคล่วของอวัยวะ พิการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวกระดูกกล้ามเนื้อ แขนขาไม่มีกำลังเคลื่อนไหว โดยไม่มีผลกระทบกับการพัฒนาทางด้านสติปัญญา หากได้รับการเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจอาจเป็นสิ่งสำคัญ

“อยากแต่งตัวสวยๆ ค่ะ เพราะตนเองใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกติ เพียงแต่ร่างกาย ที่ ไม่เหมือนกัน ”

เธอใช้วิลแชร์มาแล้ว คันนี้เป็นคันที่ 4 แต่ละคันมีอายุราวๆ 5 ปี อย่างคันแรกเธอยังคงเก็บไว้เล่นน้ำในวันสงกรานต์ เล่นน้ำทะเลเธอใช้ช่วงวันหยุดกับครอบครัวเหมือนเด็กปกติทั่วไป การดูหนังในโรงภาพยนต์ คือกิจกรรมที่เธอโปรดปราน แต่ทางเข้าโรงหนังสำหรับเธอเอง เป็นทางออกสำหรับคนทั่วไป

“ เข้าทางออกสะดวกกว่าเข้าทางเข้าค่ะ” ปัญหาทุกอย่างในชีวิตเธอจึงมีทางออกเสมอ

เธอเริ่มแต่งคอสเพลย์เมื่อต้นปี ที่ผ่านมา ด้วยความที่หลงไหลในโลกแห่งการ์ตูนจากการอ่านหนังสือการ์ตูนการ์ตูน “ยูกาตะ(เป็นชุดญี่ปุ่นที่ใส่ในฤดูร้อน) ชุดนี้เมย์เพ้นท์เองค่ะ ค่อยๆ เพ้นท์ คือที่ร้านไม่มีผ้าแบบนี้บางชุดเราก็ต้องมาตกแต่งเพิ่มเติม” บางชุดที่ใช้ในการแต่งคอสเพลย์ของเธอเกิดจากฝีมือของเธอเอง เธอบอกว่ามันแพงไปหากที่ต้องจ้างคนอื่นทำ ในเมื่อเราสามารถทำได้เหมือนกันและภูมิใจที่สามารถออกแบบแต่ละชุดได้ด้วยตนเอง ขณะนี้น้องเมย์มีชุดคอสเพลย์ จำนวนทั้ง สิ้น 4 ชุด ต่อชุดราคา 2000-3000 บาท หากเป็นราคาชุด ที่จ้างร้านตัด แต่ชุดของเธอส่วนมาก ที่บ้านจะตัดให้ เนื่องจากที่บ้านเธอเอง ทำกิจการโรงงานผ้าเย็น จึงมีเครื่องจักรที่สามารถตัดเย็บเสื้อผ้าสวยๆ เหล่านี้ได้ รวมค่าผ้าแล้วไม่ถึง 1000 บาท/ชุด หากใช่แต่ความสนุกสนานอย่างเดียว รายจ่ายที่จะเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่เธอเองจะต้องคำนวณ เพียงเพื่อมีเสื้อผ้าที่เหมือนกับตัวการ์ตูนที่ต้องการเลียนแบบแล้ว ส่วนประกอบอื่นก็ยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ ทั้งเครื่องสำอางค์และวิกผมเป็นสิ่งที่เธอล้วนแล้วเลือกเอง เพื่อความสมบูรณ์ของตัวการ์ตูน

“หนูไม่อยากเก็บตัวอยู่ในบ้านค่ะ ใครเห็นเมย์ในงานคอสเพลย์ แล้วน่าจะชอบ”

เธอกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม เธอยังคงเก็บความตื่นเต้น ขณะที่พูดคุย อีกไม่นานเธอจะต้องเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่การแข่งขันร้องเพลง เสียงเพลงบนเวทียังคงดังปะปนกับเสียงกรี๊ด ตัวละครโลดแล่น อยู่ทั้งบนเวทีและพื้นที่รอบๆ งาน

วันนี้เธอเตรียมตัวอย่างดีสำหรับการประกวดร้องเพลง เพลงที่จะร้องในวันนี้ คือ เพลงแพ็ตตินั่มดิสโก้ จากตัวการ์ตูนในเรื่องวิเศษโมโนกาตาริ เธอเล่าว่าวันนี้มาตั้งแต่ 11 โมงครึ่ง ลงทะเบียนได้คนที่ 63 แล้ว เวลาที่ประกวดจริงอยู่ที่ราวๆ บ่ายสองโมง วิลแชร์ของเธอเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไวหากเปรียบเป็นขา ณ ขณะนี้เธอคงวิ่งอยู่เป็นแน่ โดยมีพี่เลี้ยงสาว ที่มีอายุไล่เลี่ยกับเธอไม่มาก เดินตามไม่ให้ละสายตา สำหรับมื้อเที่ยงของวันนี้เธอเลือกทานอาหารที่สะดวกง่ายต่อการรับประทาน คือ ไก่ทอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนห้างสรรพสินค้าในย่านพระราม 9 พื้นที่ ที่อยู่ไม่ไกลกับเวทีการประกวดของเธอ เธอต่อคิวรอสั่งอาหาร และนำชุดอาหารที่ได้ไปหาโต๊ะนั่ง เธอเลือกมุมอยู่นานเพื่อให้พอดีกับตัวของเธอและเลือกโต๊ะที่ได้ขนาดเท่ากับช่วงตัวที่สามารถวางแขนได้อย่างถนัด การทานอาหารของเธอยังคงต้องใช้แรงจากพี่เลี้ยงในการหั่นอาหารให้เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อความสะดวกในการรับประทาน เธอสามารถใช้กล้ามเนื้อจับช้อนส้อมได้แต่ไม่ถนัดนัก แต่เธอพยายามนำอาหารแต่ละชิ้นเข้าปาก ด้วยกำลังแขนของตัวเองที่พอมี หลังจากสิ้นสุดมื้อเที่ยงของวัน เธอได้หยิบกกระจกใบน้อยของเธอขึ้นเพื่อส่องทางใบหน้าของตนเอง ดูว่ามีส่วนใดที่เปรอะเปื้อน อาหารหรือไม่

“การติดขนตายังคงยากสำหรับเมย์ค่ะ ต้องให้พี่เลี้ยงช่วยติด ส่วนการทาตาหรือทาแป้งเนี่ยทำได้ ค่ะ เรียนรู้การแต่งหน้าจากอินเตอร์เน็ต”

ขนตาแผงล่างของตาหลุดออกมาเล็กน้อย เพื่อความสวยงาม พี่เลี้ยงจึงใช้กาวที่ใช้สำหรับการติดขนตาโดยเฉพาะลงไป และ ติดให้ชิดขอบตาล่างที่สุดเพื่อความเป็นธรรมชาติ ของการติดขนตา

เธอหันมาทางฉันแล้วกระพริบตาให้สองสามครั้ง ราวกลับว่าการติดขนตาได้เสร็จสิ้นแล้ว เธอเริ่มลงสีปากด้วยตัวเธอเองอีกครั้ง ก่อนที่เราจะเข้าสู่งานประกวดร้องเพลง เธอบอกกับฉันว่าถ้าชนะการประกวดครั้งนี้จะได้ไปประเทศญี่ปุ่น 1 อาทิตย์ เธออยากไปเพราะเธอบอกว่าร ถวิวแชร์ของที่นั่นมีคุณภาพดี จะได้นั่งกลับมาเองโดยไม่เสียภาษี ซึ่งในปัจจุบันเธอเองก็ใช้รถวิวแชร์ของประเทศญี่ปุ่นเหมือนกันแต่เป็นมือสอง เป็นของขวัญที่แม่ได้ซื้อให้ในงานวันเกิด ที่ผ่านมา

เธอแวะทักทายคนรู้จักในงาน ดูเหมือนเธอจะเป็นสาวน้อยที่มีเสน่ห์ที่สุดในงานนี้ เพื่อนๆของเธอต่างแสดงความดีใจที่เธอมาร่วมงานนี้เนื่องจากทราบข่าวว่าก่อนหน้านี้เองเธอไม่ค่อยสบายอาจจะมาร่วมงานไม่ได้ แต่เธอเองพยายามพักผ่อนเยอะๆ จนร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็ว

หนึ่งในแฟนคลับของเธอ บอกฉันว่า “ผมติดตามน้องมาหลายงานแล้วครับ เพราะผมชอบความพยายามของเมย์ครับ” ชายหนุ่ม อายุ 24 ปี แต่งชุดทหาร อาชีพจริงๆของเขาก็เป็นทหารเช่นกัน ฉันว่าเป็นมุมเล็กๆ ของความชอบของเรา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ความชอบก็คือความชอบ

ก่อนการแสดงจะเริ่มขึ้น ตอนนี้ คิวที่ 60 กำลังแสดงอยู่บนเวที น้องเมย์เธอเคลื่อนที่อย่างเร็ว เพื่อเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวเองในห้องน้ำ เธอเจอเพื่อนๆกำลังแต่งหน้า ถ่ายรูปเล่นกันบ้าง ฉันว่าอีกไม่นานเธอคงพร้อมขึ้นเวทีแล้ว เธอเคลื่อนตัวผ่านช่างภาพหลายคนที่กำลัง ถ่ายภาพตัวการ์ตูนต่างๆ อย่างสนุกสนาน

เธอไปรออยู่ข้างเวที่เพื่อยืนยัน ที่จะขึ้นเวที เพื่อนๆของเธอเองก็มาให้กำลังใจ “สู้ๆนะเมย์ เราเป็นกำลังใจให้ จะไปเชียร์อยู่หน้าเวทีสู้ๆนะ” ยู เพื่อนที่เข้าร่วมในการแข่งขันร้องเพลงกับเธอ บอกเธอ

เวลาของการแข่งขันของเธอกำลังมาถึง อีกสองนาทีเธอมีเวลาสำหรับการเตรียมตัว เธอเคลื่อนรถเข็นวนไปวนมาอยู่หลังเวทีเป็นเวลานาน เธออาจจะตื่นเต้นฉันคิด เหมือนฉันไงเวลาตื่นเต้นก็ชอบเดินวนไปวนมา เธอเองก็คงเหมือนกัน หากล้อวิลแชร์ของเธอเองเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มันคงขยับตามจังหวะความตื่นเต้นที่รู้สึกอยู่ภายใน ใบหน้าเธอไร้ความกังวล ขณะล้อวิลแชร์เธอยังคงเคลื่อนหมุดรอบๆเป็นวงกลมขนาดเล็ก เธอสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของเธอได้บนปุ่มเล็กๆ ทางขวามือบนสุดของรถวิลแชร์

เธอ พร้อมแล้วหมายเลข 63 เสียงเรียกจากพิธีกร รถวิลแชร์ ของเธอค่อยๆ เคลื่อนพาตัวเธอมา อย่างช้าๆ เธออาจจะเป็นคนเดียวที่ไม่สามารถทำการแสดงบนเวทีได้ แต่ละขั้นของบรรไดสูงชัน เธอจึงขอทีมงานเพื่อที่จะแสดงอยู่เพียงด้านล่างของเวที

เสียงเพลงดังขึ้น เสียงปรบมือเป็นกำลังใจ ดังมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยิน เธอเริ่มร้องเพลง หลังจากปล่อยให้ท่วงทำนองของเพลงดังขึ้น เพลงที่เธอเลือกร้องเป็นดนตรีที่สนุกสนาน ทำเอาผู้ชมที่อยู่ด้านหน้าตบมือตามเป็นจังหวะ มีคนจำนวนไม่น้อยให้กำลังใจเธอ สิ้นสุดของเสียงเธอแล้ว สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ความอิ่มเอมเกิดขึ้นกับไปหน้าของเธอ เป็นเวทีแรกที่เธอร้องเพลง เธอบอกฉัน เสียงปรบมือดังขึ้น ดูท่าจะดังและยาวอย่างไม่ขาดสาย เธอกล่าวขอบคุณทุกคน ก่อนที่จะเคลื่อนตัวออกจากเวทีไป

“พี่คะ ต้องรีบกลับแล้วค่ะ” เธอกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบ เนื่องจากเธอปล่อยให้พี่ที่ จะนำเธอไปส่งที่บ้าน รอมาเป็นเวลานาน หากไม่สามารถกลับเวลานี้ได้ เธออาจจะต้องหาทางกลับบ้านเอง ซึ่งไม่ว่ายังไงเธอก็จะพยายามกลับให้ทันรถที่เธอติดต่อไว้ ฉันเดินตามไปส่งเธอ

“เมื่อกี้ตอนเมย์ร้องเพลง ไมค์เกือบตกค่ะ มืออ่อนแรงไม่สามารถจับอะไรนานๆ” เธอบอก ขณะที่เราเดินอยู่ข้างๆ กัน เธอมีความพยายามมากในสายตาฉัน ช่วงเวลาของวันนี้เธอเองคงมีความสุขอยู่ไม่น้อย

ฉันส่งเธอตรงประตูทางออก รถตู้คันสีขาวเคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆ ฉันอ่านสติกเกอร์ที่ติดเป็นลายอยู่ข้างรถ เป็นรถสำหรับบริการผู้พิการและผู้สูงอายุที่นั่งรถวิลแชร์ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ที่ทางกรุงเทพมหานครจัดไว้เพื่อบริการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เธอบอกว่าแต่อาจจะต้องทำการจองล่วงหน้า เพราะว่ารถ 10 คัน ไม่เพียงพอต่อผู้ใช้งาน

รถตู้คันนี้ภายนอกคงดูไม่ต่างจากรถตู้ทั่วๆ ไปแต่เมื่อเปิดท้ายรถตู้เอง มีส่วนหนึ่งที่ยื่นออกมาและค่อยๆเคลื่อนต้ำลง จนติดพื้น รถของเธอเคลื่อนไปอยู่ในตำแหน่งสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ที่ใหญ่กว่าวิลแชร์ของเธอไม่มากนัก หลังจากนั้นแผ่นสี่เหลี่ยมบนพื้นที่ดูเหมือนจะควบคุมโดยปุ่มที่เชื่อมต่อ ติดอยู่กับตัวรถได้ถูกกด พื้นแผ่นสี่เหลียมที่ประกอบด้วยวัสดุที่เป็นเหล็กค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นจนขนานเท่ากับที่นั่งในรถ เธอเคลื่อนวิลแชร์เข้าไปในสุดของรถตู้ ก่อนประตูรถจะปิดลง พี่คนขับรถมาตรวจการล็อคของล้อวิวแชร์ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ฉันส่งเธอกลับบ้าน