วิชาสารคดี ๑๐๑ ศาสตร์ ศิลป์ เคล็ดวิธี ว่าด้วยการเขียนสารคดี
สารคดีเป็นความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลกับวิธีการนำเสนอ
เพราะสารคดีเป็นการเล่าเรื่องจริง ถ้าเพียงแต่เรานำข้อมูลเล่าออกไป ก็เป็นสารคดีแบบ documentaries ได้แบบสบายๆ
แต่หากเราได้สร้างสรรค์กลวิธีในการ “เล่า” และให้ความใส่ใจในสำนวนภาษาด้วย ก็จะเป็นเรื่องเล่าที่เร้าใจ ให้ความรื่นรมย์ ก็จะเป็น feature ที่ให้รสทางวรรณศิลป์ด้วย
ถ้าจะให้งานเขียนของเราเป็นสารคดีที่ครบเครื่อง ก็จำต้องทำให้สมบูรณ์ทั้ง “ข้อมูล” และ “กลวิธีการนำเสนอ” ที่เปรียบเสมือนแขนสองข้างของงานเขียน ที่จะทำให้สารคดีเรื่องนั้นสมบูรณ์ สมดุล สมาร์ท
ในด้านกลวิธีการนำเสนอนั้น อาจจำแนกแจกแจงออกเป็นแผนผังที่สัมพันธ์โยงใยกันและกันอยู่ดังนี้
- ผู้เล่าเรื่อง เป็นการกำหนดว่าเรื่องนั้นจะให้ใครเป็นคนเล่า หรือเล่าผ่านใคร
1.1 เล่าโดยผู้เขียน ผม, ฉัน, ข้าพเจ้า ถือเป็นวิธีการพื้นฐานที่สุดของการเขียนเรื่องเล่า
1.2 เล่าผ่านตัวละคร อาจเป็นตัวละครหลักตัวหนึ่งหรือหลายๆ ตัวละครก้ได้ โดยวิธีนี้ผู้เขียนจะไม่อยู่ในเรื่อง แต่เป็นผู้เล่าทุกสิ่งที่รู้ เรียกอีกแบบว่าเล่าโดย “มุมมองพระเจ้า”
1.3 เล่าผ่านบุรุษที่ ๒ คุณ เธอ ผู้อ่านจะรับสารผ่านน้ำเสียงผู้เขียนจากการมองหรือสนทนากับเขาผู้นั้นอยู่
1.4 ใช้ผู้เล่าหลายเสียง เช่น เรื่องสั้น “ล่วงละเมิด” ของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ หนังเรื่อง “ราโชมอน” ของ อากิระ คุโรซาวา
2. เส้นเรื่อง สารคดีเป็นเรื่องเล่าที่มีเรื่องราว มีความคืบหน้า มีความเคลลื่อนไหว การดำเนินไปของเรื่อง ต้องมีสิ่งเชื่อร้อยหรือแกนกลางให้เกาะเกี่ยวติดตามแต่ต้นไปจนจบ เราอาจนิยมสิ่งนั้นได้ว่า “เส้นเรื่อง”
2.1 ตามเส้นเวลา เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เล่าตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหลังไปตามลำดับ
2.2 สร้อยลูกปัด เป็นการเล่าโดยแบ่งหัวเรื่องออกเป็นประเด็นหลัก-ย่อย เหมือนเม็ดลูกปัดที่หลากหลาย เล็ก-ใหญ่ตามความสำคัญต่อเรื่อง แล้วร้อยเรียงเข้ากันไว้ด้วยด้ายเส้นหนึ่ง โชว์และขยายประเด็นสำคัญของเรื่องให้โดดเด่นเหมือนทับทรวงที่ต้องอยู่ตรงอก (ไม่ใช่ให้หลบอยู่แถวท้ายทอย) ประเด็นอื่นๆ เรียงสายไล่กันไปเป็นองค์ประกอบเสริมให้ทั้งเรื่องเรื่องเป็นสายสร้อยที่งดงามทั้งเส้น
3. รูปแบบ การกำหนดออกแบบโครงเรื่องเล่า และเทคนิค ที่จะทำให้งานเขียนเรื่องหนึ่งน่าตื่นตา เร้าใจ มีจังหวะจะโคน เช่น
3.1 การใช้เทคนิคแบะบเรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่าๆๆๆ
3.2 การตัดสลับ
3.3 การเล่าย้อนจากหลังมาหน้า
3.4 การเจาะจง เน้นความ และสร้างจังหวะจะโคน โดยใช้ย่อหน้า
ในการแบ่งปันประสบการณ์การเขียนสารคดีในงาน “ศาสตร์และศิลป์ในงานเขียนสารคดีอย่างสร้างสรรค์” โดย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ที่ห้องสมุด ๑๐๐ ปี เสม พริ้งพวงแก้ว เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๐ ผมเอางานเขียนของ ติช นัท ฮันห์ เรื่อง “คือเมฆสีขาว ทางก้าวเก่าแก่” มาแลกเปลี่ยนกับนัก(หัด)เขียนใหม่ราว ๑๐๐ คน
“คือเมฆสีขาว ทางก้าวเก่าแก่” มีเนื้อหาตามคำโปยว่า วรรณกรรมพุทธประวัติในทัศนะใหม่ ซึ่งผู้เขียนย่อมจำเป็นต้องอ่าน ศึกษา ค้นคว้า “ข้อมูล” จกาพระไตรปิฎกอย่างหนักแน่น เข้มข้น ไปดูสถานที่จริงในประวัติศาสตร์ เพื่อจะบรรยายภาพ เขียนฉากได้อย่างตรงตามจริงและสมจริง
และจุดสำคัญในงานเรื่องนี้น่าสนใจและโดดเด่นกว่าหนังสือพุทธประวัติโดยทั่วไป กระทั่งทีมสร้างหนัง “พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก” มาขอบทประพันธ์ไปทำเป็นบทภาพยนตร์ ก็อยู่ที่วิธีการเล่าการแปลกใหม่ เร้าใจและชวนติดตามนั่นเอง
เมื่อ “เลาะตะเข็บ” งานเขียนเล่มนี้ออกมา เราจะเห็นโครงสร้างเกี่ยวกับผู้เล่าเรื่องดังนี้
ติช นัท ฮันห์ – ผู้เขียน
เล่าเรื่องผ่านตัวละคร – สวัสติ เด็กชายจันทาลที่ถวายหญ้าหอบหนึ่งให้พระสิทธัตถะปูรองนั่งก่อนตรัสรู้ ต่อมาเขาได้อุปสมบท และมีชีวิตอยู่กระทั่งหลังปรินิพพาน ถือเป็นตัวหลักที่เหมาะจะเป็นผู้เล่า ด้วยได้เห็นพระพุทธเจ้าตลอดพระชนม์ชีพ
เปิดเรื่อง – ช่วงที่พระสวัสติเพิ่งอุปสมบท กำลังตะลึงงันกับคณะสงฆ์และคำสอนของพระพุทธองค์ และตั้งใจว่าท่านจะต้องค่อยๆ เรียนรู้และปฏิบัติไป
จากนั้น ตัวเรื่อง – ย้อนกลับไป… เมื่อท่านยังเป็นเด้กเลี้ยงควาย เมื่อนางสุชาดานำอาหารมาถวายพระสิทธัตถะ เมื่อนักบวชหิวโหยมาสู่แม่น้ำเนรัญชรา … จนถึงการการกำเนิดของเจ้าชายกรุงกบิลพัสด์ ไปจนกระทั่งออกบวช ตรัสรู้
จากนั้นเรื่องดำเนินไปเป็นตอน ๆ ตามเรื่องราวในพุทธประวัติที่ชาวพุทธส่วนใหญ่รู้กันอยู่แล้ว แต่ในงานเขียนเรื่องนี้ผู้เขียนเล่าให้ผู้อ่านฟังใหม่ผ่านการรับรู้และการปรากฏตัวพระสวัสติ
บางช่วงผู้เขียนแทรกข้อมูลเข้ามาแบบแนบเนียนเลือนเข้าเป็นเนื้อเดียวกับเสียงเล่าหลักโดยคนอ่านไม่รู้สึกสะดุด
บางช่วงเรื่องเล่าถูกซ่อนเรื่อง ผ่านน้ำเสียงตัวละครย่อยแบบซ้อนกันหลายชั้น
เหตุการณ์ในกรุงมคธช่วงที่เจ้าชายอชาตศัตรูถูกพระเทวทัตยุยงให้ชิงบัลลังก์พระราชบิดาคือ พระเจ้าพิมพิสาร ถูกเล่าผ่านเสียงของหมอหลวงนาม ชีวกะ ซึ่งรู้มาจากปากคำของพระมเหสี
เริ่มต้น ผู้เขียนบรรยายให้เห็นฉากพระพุทธองค์เสด็จนำหมอชีวกะเดินขึ้นยอดเขาที่ประทับด้วยกันโดยสงบ ต่างอยู่กับการดูลมหายใจตัวเองระหว่างก้าวเดิน
เมื่อนั่งลงแล้ว หมอชีวกะก็เล่าถึงเหตุการณ์ที่ฟังมาจากพระมเหสีของพระเจ้าพิมพิสารให้พระพุทธเจ้าฟัง
คำเล่าบอกว่า เจ้าชายอชาติศัตรูแอบเข้าห้องบรรธมพระเจ้าพิมพิสารยามวิกาล แล้วถูกทหารองครักษ์จับได้ ค้นตัวพบว่าซุกซ่อนดาบเข้ามาด้วย
ต่อจากนั้นเรื่องถูกเล่าผ่านภาพเหตุการณ์เหมือนผู้อ่านเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า แสดงการสนทนาโต้ตอบของพระเจ้าพิมพิสารกับเจ้าชาย
เหตุการณ์นี้อยู่ในคำเล่าของมหเสีที่ซ้อนเข้ามาอีกชั้น ในคำเล่าของหมอชีวกะ
เมื่อมองย้อนกลับไปตามชั้นของการซ้อนเรื่อง จะเห็น “ผู้เล่าเรื่อง” ตลอดทั้งสายซ้อนกันอยู่หลายชั้น จากผู้เขียน – พระสวสัสติ – หมอชีวกะ – มเหสี – การแสดงเหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นภาพ
ถ้านักเขียนใหม่ “รู้ทัน” เทคนิควิธีการเหล่านี้ ก็จะเห็นทางสร้างสรรค์กลวิธีใหม่ๆ ที่เป็นสไตล์ของตัวเองได้กว้างไกลไปจนถึงขั้นที่เปรียบว่า “มีลายมือของตัวเอง”
นักเขียนประจำกองบรรณาธิการ นิตยสาร สารคดี ที่มีผลงานตีพิมพ์ทั้งในนิตยสาร และตีพิมพ์รวมแล่มมากมาย อาทิ แผ่นดินนี้ที่อีกฟากเขา และแสงใต้ในเงามรสุม และ อีสานบ้านเฮ