(*ดัดแปลงจากบทอ่านบนเวทีช่วงจุดประกายความคิด
งานประกวดวรรณกรรมรางวัล “วรรณศิลป์อุชเชนี” ครั้งที่ ๒
วันเสาร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๑)

grainofsand

ที่บ้านผมปลูกต้นปีบไว้ต้นหนึ่ง ตอนปลูกก็ไม่รู้หรอกว่าจากต้นกล้าเล็ก ๆ ในกระถางมันจะเติบโตจนเป็นต้นไม้ที่สูงใหญ่  ผ่านไป๒๐ ปีตอนนี้มันสูงกว่า ๑๐ เมตร ลำต้นเปลือกหนามีร่องขรุขระอย่างกับผิวจระเข้

แต่เวลาออกดอกดอกปีบสวยงามราวกับนางฟ้าสีขาว ก้านเรียวยาว กลีบดอกบางน่าทะนุถนอม แถมยังมีกลิ่นหอมรื่น ๆ

ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับลำต้นที่ดูหยาบกร้าน

ผมปลูกต้นปีบไว้ติดกับกำแพงบ้าน เวลาดอกปีบนับพันบนต้นร่วง จึงร่วงลงทั้งสองฝั่งของกำแพง  ฝั่งนอกบ้านคือพื้นปูนคอนกรีตของถนนในซอย ฝั่งในบ้านคือสวนเล็ก ๆ

เรื่องเศร้าคือดอกปีบที่ร่วงลงพื้นปูนคอนกรีตที่สุดแล้วก็จะกลายเป็นขยะ และสำหรับพนักงานกวาดถนนมันคือภาระที่เกินกว่าการงานปรกติ แต่สำหรับพื้นดินในสวนเล็ก ๆ ดอกปีบคือปุ๋ยชั้นดีที่จะถูกต้นปีบเองดูดซับขึ้นไปเป็นส่วนหนึ่งของกิ่ง ก้าน ลำต้น หรือแม้แต่เป็นดอกปีบที่จะผลิบานใหม่

ผมเรียนรู้จากการชื่นชมความงามของดอกปีบร่วงว่า ความหมายของนางฟ้าสีขาวนั้นไม่ได้ถูกนิยามด้วยตัวของมันเอง แต่ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่มันมีความสัมพันธ์ สำหรับดินในสวนดอกปีบมีความหมาย งอกงาม เติบโต และแปรเปลี่ยน เป็นวัฏจักรที่มีคุณค่าแต่มันจะไร้ค่าและไม่มีความหมายใด ๆ กับพื้นหินแข็งกระด้างที่มีแต่ความเฉยเมย

เม็ดทรายก็ไม่ต่างกัน

หากเรากอบเม็ดทรายจากหาดทรายขาวมาเทกระจายบนโต๊ะกินข้าว มันคือความสกปรกเลอะเทอะ แต่เม็ดทรายที่อยู่บนชายหาดนั้นมีคุณค่ามหาศาล

เชื่อไหมครับว่า ถ้าเรามีแว่นขยายพิเศษ ส่องดูรอยบุ๋มบนผิวเม็ดทรายทุกเม็ด เราจะเห็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ชุมนุมกันอย่างยั้วเยี้ย เจ้าสิ่งนี้คือแบคทีเรียซึ่งมีหลากหลายนับพัน ๆ ชนิด และมีจำนวนนับแสนตัวบนเม็ดทรายเพียงหนึ่งเม็ด

ถามว่าพวกมันมาทำอะไรอยู่บนเม็ดทราย

แบคทีเรียพวกนี้เปรียบเสมือนพนักงานเก็บกวาดขยะที่ช่วยจัดการซากสิ่งมีชีวิตในทะเลและดูดซับสสารบางอย่างโดยเฉพาะคาร์บอน ทำให้ทะเลสีครามเป็นแหล่งเก็บกักคาร์บอนที่สำคัญของโลก ไม่แพ้ผืนป่าเขียวขจีบนบก

ถ้าไม่มีเม็ดทรายเล็ก ๆ ไม่มีแบคทีเรียเล็ก ๆ ทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล

ก็อาจไม่เป็นอย่างที่มันเป็น

เราคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะดูผิวเผินแค่ไหน จะมีความสำคัญต่อสิ่งอื่น ๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อสิ่งอื่น ๆ ส่งต่อไปเป็นทอด ๆ กว้างไกลเพียงใด

เราคาดไม่ถึงว่าต้นไม้เปลือกผิวขรุขระนั้นวันหนึ่งจะได้มอบดอกไม้ที่น่าทะนุถนอมให้แก่โลก และหินแข็งกระด้างวันหนึ่งจะกลายเป็นเม็ดทรายอ่อนนุ่มบนชายหาด

เราไม่รู้ว่าการปล่อยโมเลกุลก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เล็ก ๆ ขึ้นไปในอากาศได้ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนที่ทำให้น้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ละลายเร็วผิดปรกติ และการที่น้ำแข็งหายไปจากเกาะกรีนแลนด์นั้น
ได้ส่งผลให้แกนโลกเอียงเพิ่มขึ้น – ซึ่งนี่ก็เป็นข้อมูลใหม่ล่าสุด และฤดูกาลที่เรากำลังประสบทุกปีก็ยิ่งผิดเพี้ยน

เราไม่รู้ว่าเม็ดทรายเล็ก ๆ ได้ช่วยเก็บกักคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศไว้ในทะเล รักษาสมดุลของภูมิอากาศโลกมานานแสนนานแล้ว จนถึงวันนี้ที่หลาย ๆ อย่างกำลังเปลี่ยนไปเพราะการกระทำของมนุษย์ ซึ่งถ้ามองลงมาจากบนท้องฟ้าพวกเราก็คงเล็กจิ๋วเช่นเดียวกับเม็ดทราย

หลายสิ่งกำลังเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นทางดีหรือทางร้าย

แต่ที่แน่ ๆ พวกเราทุกคนล้วนมีบทบาทให้มันเป็นไป ไม่ว่าเราจะเป็นดอกปีบ เม็ดทราย ดินในสวน หรือพื้นปูน

สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
บรรณาธิการบริหารนิตยสาร สารคดี
suwatasa@gmail.com

#สมัครสมาชิกวันนี้ต่อชีวิตนิตยสารไปยาวๆ