“อรหํ สมฺมา สมฺพุทฺโธ ภควา”

ในบทสรรเสริญพระพุทธคุณอันเป็นบทสวดมนต์ประจำวันในโรงเรียนพุทธนั้น มีตอนหนึ่งที่กล่าวว่าพระพุทธองค์ทรงเป็น “โลกวิทู” (โล-กะ-วิ-ทู) หมายถึงว่าทรงตรัสรู้ซึ่งโลก ๓ ประการ คือสังขารโลก ๑ สัตตโลก ๑ และโอกาสโลก ๑

โอกาสโลกก็คือแผ่นจักรวาลที่อาศัยแห่งสัตว์โลกทั้งปวง ประกอบด้วยจักรวาลจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

มงคลจักรวาล - สุเมรุจักรวาล ตอนที่ 75

ทุกจักรวาลล้วนมีองค์ประกอบพื้นฐานดุจเดียวกัน คือมีเขาพระสุเมรุ มีพระอาทิตย์พระจันทร์ มีทวีปทั้งสี่เหมือนกันหมด

บรรดาจักรวาลเหล่านี้ตั้งอยู่ชิดติดกันเหมือนเอาจานกินข้าวหรือถาดหลุมขนาดเท่าๆ กัน วางเรียงบนพื้นให้ชนกันไปเรื่อยๆ ส่วนตรงมุมที่กำแพงจักรวาลสามแห่งมาแตะกัน ย่อมเหลือพื้นที่เป็นสามเหลี่ยมฐานโค้ง นั่นคือโลกันตนรก นรกชั้นต่ำที่สุด ดังกล่าวมาแล้ว

จักรวาลที่แผ่ไปทุกทิศทุกทางโดยไม่มีที่สิ้นสุดนั้น อุปมาของโบราณาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า ท้าวมหาพรหมผู้มีฤทธิ์ยอดเยี่ยม หากปรารถนาจะได้เห็นสุดขอบจักรวาล จึงออกเดินย่างเท้าไปได้ก้าวละจักรวาล ด้วยความเร็วดุจลูกศรที่นายขมังธนูยิงออกจากแล่งผ่านเงาต้นตาลไป (คงหมายความว่าต้นตาลมีขนาดลำต้นไม่ใหญ่นัก เงาจึงไม่กว้างเท่าไหร่) ก้าวตลอดเวลาอย่างนี้ไปจนโกฏปี (๑,๐๐๐ ล้านปี) ก็ยังไม่สามารถแลเห็นได้ว่าจักรวาลจะไปจบสิ้นลงตรงไหน

จักรวาลอันไม่สิ้นสุดที่แผ่ไปทุกทิศนี้ เรียกว่า “อนันตจักรวาล”

ในอนันตจักรวาล แต่ละหย่อมย่านต่างมีเกิดมีดับไม่พร้อมกัน แต่จะเกิดขึ้นหรือพินาศทีละแสนโกฏิจักรวาล (๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ คือร้อยล้านล้าน) วนเวียนกันไป โดยจะมีอายุได้ ๖๔ อันตรกัลป แล้วจบสิ้นไปด้วยไฟที่เรียกว่า “ไฟประลัยกัลป” ที่จะไหม้ลามจนหมดแสนโกฏิจักรวาล

แต่ความพิเศษสำคัญของจักรวาลที่มนุษย์อาศัยอยู่ก็คือ ในบรรดาแสนโกฏิจักรวาลชุดเดียวกันนี้ มีจำเพาะเพียงที่นี่ ตรงนี้เท่านั้น ที่จะเป็นแดนเกิดของพระพุทธเจ้า

ดังนั้น จักรวาลนี้จึงมีอีกนามหนึ่งว่า “มงคลจักรวาล” ด้วยเหตุที่ “สมเด็จพระสรรเพชญ์พุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ได้ตรัสรู้แล้วแลเสด็จเข้าพระปรินิพพานล่วงไปๆ มากกว่าเม็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรนั้น ก็บังเกิดในมงคลจักรวาลอันตั้งในที่อันนี้สิ้น”

มงคลจักรวาลยังมีจักรวาลที่เป็น “พุทธเขต” ล้อมรอบอีกสามชั้น คือ ชาติเขต อาณาเขต และวิสัยเขต

“ชาติเขต” มีจำนวนจักรวาล ๑ หมื่น

เหตุที่เรียกว่า “ชาติเขต” เพราะขณะเมื่อพระพุทธองค์เสด็จลงสู่ครรภ์พุทธมารดา และเวลาประสูติ (ชาติ คือการเกิด) จักรวาลทั้งหมื่นที่ล้อมรอบมงคลจักรวาลพลันหวั่นไหวกระเทือนไปทั่ว

ถัดไปคือ “อาณาเขต” มีจำนวนจักรวาลแสนโกฏิจักรวาล (๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ร้อยล้านล้าน)

ขอบเขตนี้กำหนดจากเวลาเจริญพระปริตร (สวดมนต์บทพระปริตร) อานุภาพแห่งพระปริตรแผ่ไปทั่วทั้งแสนโกฏิจักรวาลที่ล้อมรอบมงคลจักรวาลอยู่

สุดท้ายคือวิสัยเขต กว้างขวางครอบคลุมตลอดทั้งอนันตจักรวาล ด้วยถือเอาพระญาณของพระพุทธเจ้า

“สุดแท้แต่ต้องพระพุทธประสงค์ในจักรวาลอันใด พระญาณก็แผ่ไปเห็นแจ้งรู้แจ้งในจักรวาลอันนั้น จักรวาลแผ่ไปหาที่สุดบ่มิได้ พระพุทธญาณที่เห็นแจ้งรู้แจ้งในจักรวาลนั้น ก็หาที่สุดบ่มิได้เหมือนกัน”

น่าแปลกที่ความเข้าใจว่าจักรวาลนั้นมีจำนวนเป็น “อนันต์” คือไม่มีที่สิ้นสุดนี้ กลับตรงกับความรับรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง