เรื่องและภาพ : กันตยา มีกว้าน

ใบไม้เปลี่ยนสีกับวิดีโอเก่าๆ

เวลาที่คุณร้องไห้ อะไรทำให้คุณข้ามผ่านช่วงเวลาเศร้า ๆ เหล่านั้นไปได้ เวลาที่คุณทุกข์ใจ ไม่สบายใจ อะไรที่ช่วยให้คุณบรรเทา เวลาที่คุณอยากหาแรงบันดาลใจ คุณจะมองหาสิ่งใด

ฉันเชื่อว่าทุกคนมีสิ่งที่ตนเองชอบทำเพื่อให้ผ่านช่วงเวลาที่ไม่ได้ใจดีต่อเราไปได้

บางคนชอบฟังเพลงเศร้าเพื่อเรียนรู้จากความเศร้าและความเจ็บปวด บางคนออกไปคาเฟ่หรือหาสถานที่ถ่ายรูปใหม่ ๆ เพื่อให้สบายใจ หรือบางคนเลือกกินอาหารอร่อย ๆ เพื่อให้รสชาติพาก้าวผ่านความรู้สึกทุกข์

สำหรับฉันแล้วสิ่งที่ทำให้ตั้งสติได้เมื่อพบเจอความเปลี่ยนแปลง นั่นคือ การได้บันทึกวิดีโอ

การหยิบกล้องขึ้นมาและบันทึกวิดีโอเรื่องราวรอบตัวทำให้ฉันไม่ฟุ้งซ่าน ปล่อยให้กล้องทำหน้าที่แทนสายตาและสมองในการจดจำสิ่งที่เกิดขึ้น

ฉันมักจะไปไหนมาไหนโดยมีกล้องคู่ใจเสมอ กล้องที่ซื้อมาด้วยเงินออม บ่อยครั้งจะหยิบมันออกมาบันทึกภาพการไปทัศนศึกษากับเพื่อน ๆ นอกรั้วโรงเรียนประจำ เพราะฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ได้ใช้ชีวิตอิสระขึ้น เวลาที่เดินตลาดนัด เวลาที่เพื่อนกำลังนำเสนองาน เวลาได้กินติ่มซำอร่อย ๆ ช่วงเวลาเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเพื่อน ๆ ทั้งสิ้น

“โอเมก้า” เป็นชื่อห้องเรียนของฉัน ฉันนำชื่อนี้มาตั้งชื่อช่องยูทูปว่า “โอ้ โอเมก้า” ด้วย เพื่อที่จะอัปโหลดวิดีโอให้เพื่อน ๆ ย้อนมาดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ และหวังว่าทุกคนจะรู้สึก “โอ้” แบบที่ฉันตั้งใจไว้

เมื่อเพื่อนๆ ได้ชมวิดีโอต่างก็รู้สึกว่าสนุกดีนะ บางคนเขิน บางคนขำ สำหรับฉันแล้วการที่เพื่อน ๆ ได้ชมวิดีโอและคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนั่นก็เพียงพอแล้ว

อย่างน้อยวิดีโอบันทึกเรื่องราวยังคงอยู่ ในวันที่ความทรงจำของเราค่อย ๆ เลือนหาย

ช่วงเวลาแห่งการเรียนและทำกิจกรรมในมัธยมฯ ปลายให้บางอย่าง คือ การที่ฉันค่อย ๆ เรียนรู้และโตขึ้น “การเป็นพี่ ม. ๓ อาจจะโตที่สุดแล้วใน ม. ต้น การเป็นพี่ ม. ๖ อาจจะโตที่สุดแล้วใน ม. ปลาย” แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการเติบโตถึงที่สุดแล้วในชีวิต

ในทุกช่วงเวลาไม่ได้มีแต่ความสุข หลาย ๆ ครั้งที่ฉันเกิดปัญหาฉันก็มี “เพื่อน” คอยอยู่ข้าง ๆ เสมอ เพราะเราอยู่หอพักด้วยกัน กิน นอน พร้อมกัน จึงเป็นคนที่ฉันสนิท พวกเขาคอยให้คำปรึกษา เวลาที่หัวเราะก็มักหัวเราะด้วยกัน เวลาที่เศร้าก็มักคอยให้กำลังใจ ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กัน

แต่ช่วงเวลาในวัยมัธยมฯ ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ก้าวจากคำว่า นักเรียน เป็น นิสิตและนักศึกษาที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ละคนมีฝันแตกต่างกัน จึงแยกย้ายเปลี่ยนฝันไปสู่การเติบโตในแต่ละสถานที่ที่เลือก

นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับฉัน

การได้พบเจอกับผู้คนใหม่ ๆ หลากหลาย ต่างถิ่นที่อยู่ แต่ต้องทำงานร่วมกัน ทำให้ฉันค่อนข้างปรับตัวยาก ฉันเป็นคนใต้ที่มาเรียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บางครั้งเพื่อนใหม่มักเข้าใจผิดเนื่องจากลักษณะพูดจาเสียงดัง ทำให้พวกเขาคิดว่าฉันกำลังโกรธ

baimai03
baimai04

ช่วงแรกฉันตื่นเต้นกับเพื่อนใหม่ กิจกรรมใหม่ ๆ เป็นอย่างมาก ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งใหม่ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปฉันเริ่มเข้าสู่ภาวะที่หลาย ๆ คนอาจเรียกว่า “หมดไฟ” รู้สึกไม่อยากทำอะไร ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างที่ตั้งใจไว้

ฉันจึงเลือกที่จะเปิดวิดีโอ “โอ้ โอเมก้า” ขึ้นมาดู ทำให้ได้ย้อนเวลาไปยังช่วงชีวิตหนึ่ง สิ่งที่ได้รับจากวิดีโอธรรมดา ๆ มีคุณค่าขึ้นมากกว่าเดิม

ภาพแห่งความทรงจำในวัยมัธยมฯ ตอนที่ได้หัวเราะ มีความสุขกับสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญ ทำให้ฉันตั้งคำถามว่า “ทำไมฉันถึงไม่มีความสุขเวลาทำงานเหมือนตอนนั้น ทำไมฉันถึงไม่ร่าเริงแบบเก่า ทำไมฉันเหมือนไม่ใช่คนเดิมเลย นี่ฉันกำลังเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อไร” ฉันจึงติดต่อไปยังเพื่อนสนิทและเล่าสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญ

“เรากำลังจะโตขึ้นไง” เพื่อนตอบ

ยิ่งเราโตขึ้นหน้าที่และความรับผิดชอบของเราก็มากขึ้นเช่นกัน

“ไม่โตได้มั้ย” ฉันพูดทีเล่นทีจริง รู้สึกว่าไม่อยากโตจริง ๆ

เพื่อนจึงตอบกลับมาชุดใหญ่ว่า “ขนาดใบไม้มันยังเปลี่ยนสี แล้วทำไมชีวิตคนเราถึงจะไม่เปลี่ยนแปลง จะเป็นใบไม้เป็นดอกไม้ที่สีสวยสดใส หรือจะเหี่ยวเฉาไปตอนนี้ อยู่ที่การยอมรับและปรับตัว”

ประโยคนี้เตือนสติว่าฉันมัวแต่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ผ่านไปไม่ได้ คิดถึงเรื่องเก่า ๆ แต่ไม่เคยยอมรับหรือปรับตัวเลย ฉันยังไม่ชินกับการที่ไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ข้าง ๆ

ฉันตระหนักว่าคนเราไม่สามารถจะใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ตลอด

แม้การเปลี่ยนแปลงทำให้ต้องเผชิญการปรับตัว แต่การอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ก็ทำร้ายเราได้เช่นกัน

ฉันจึงเริ่มค้นหาตัวเองอีกครั้งด้วยการย้อนดูวิดีโอ “โอ้ โอเมก้า” แต่ครั้งนี้ฉันมุ่งหาแรงบันดาลใจและกำลังใจที่จะผลักดันตัวเองให้ก้าวไปเป็นผู้ใหญ่ให้ได้

baimai05
baimai06

ฉันเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัวใหม่ เปิดใจมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่ามันยากสำหรับเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในสังคมเดิมตลอดระยะเวลา ๖ ปี เมื่อนึกถึงประโยคในภาพยนตร์เจ้าชายน้อย (The Little Prince) ที่ว่า “มนุษย์ไม่มีเวลารู้จักสิ่งใดทั้งสิ้น เขาซื้อของสำเร็จรูปจากพ่อค้า แต่ไม่มีพ่อค้าขายเพื่อน พวกเขาจึงยังไม่มีเพื่อน” ฉันจึงไม่อยากมีเพื่อนเพื่อแค่หวังผลประโยชน์ แต่จะใช้ความจริงใจ ช่วยเหลือ

ในที่สุดมีเพื่อนที่เข้าใจฉัน มีเป้าหมายคล้าย ๆ กัน แม้จะไม่ได้รู้จักกันนาน แต่พวกเขาพร้อมรับฟังและเข้าใจกันเสมอ

ฉันหยิบกล้องตัวเดิมขึ้นมาบันทึกวิดีโออีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ใช้มานาน เริ่มทำวิดีโอกับเพื่อนใหม่เพื่อส่งเข้าประกวด เราสนุกกับการที่ได้อยู่ในกองถ่าย ไม่ว่าการประกวดครั้งนั้นจะได้รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม พวกเราต่างรู้สึกดีที่ได้ถ่ายทอดสิ่งที่คิดออกมาเป็นวิดีโอให้แก่คนอื่น ๆ ได้รับชม และที่สำคัญการที่ได้ทำในสิ่งที่รักร่วมกัน เป็นสิ่งที่มีค่ามาก ๆ สำหรับฉัน

“ในวัยเด็กเราหยุดร้องไห้เพราะมีของเล่น พอโตขึ้นมาเราหยุดร้องไห้เพราะมีคนปลอบ

ตอนนี้เราหยุดร้องไห้และก้าวข้ามผ่านความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการทำสิ่งที่สบายใจ”

สิ่งที่ฉันอยากให้เพื่อน ๆ ทั้งเก่าและใหม่ได้รับรู้ คือ เวลาทุกข์ใจฉันยังคงอยากปรึกษาพวกเขา เวลามีความสุขที่สุดและประสบความสำเร็จ ฉันก็นึกถึงพวกเขาเป็นคนแรกๆ เพราะพวกเขาคือปุ๋ยที่คอยบำรุงให้ใบไม้ใบนี้เติบโต มีสีสันสวยงามและเฉิดฉายอยู่บนต้นไม้ได้อย่างยาวนาน

baimai07
baimai0

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สุดท้ายเราต้องข้ามผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวของเราเอง

อยากให้ทุกคนลองมองความเปลี่ยนแปลงว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นไปอีกขั้นของชีวิต

หากชีวิตฉันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฉันจะยอมรับและปรับตัวให้ได้

ฉันขอบคุณทุกสิ่งที่สอนให้เติบโต ขอบคุณที่ทำให้ได้เห็นถึงความรู้สึกที่ชัดเจนมากขึ้นว่าฉันกำลังจะทำเพื่อใคร และต้องขอบคุณวิดีโอ “โอ้ โอเมก้า” ที่อยู่เป็นเพื่อนในทุกลำดับขั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

อย่างน้อยวิดีโอบันทึกเรื่องราวยังคงอยู่และย้อนกลับมาเตือนความทรงจำของเราไม่ให้ทุกอย่างเลือนหาย