เรื่อง : นิสากรม์ ทองทา
ภาพ : วิศรุต วีระโสภณ
สัมภาษณ์ วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๔
ฤดูฝนปี ๒๕๖๔ ฟ้ายังไม่ทันมืดมัว เสียงปืนก็ลั่นระรัวเสียแล้ว ม็อบยังคงจุดติด ฝนโปรยปรายพร้อมกับสองเท้าของผู้คนที่ก้าวต่อ
เราพบกับหนึ่งในแกนนำของม็อบคนรุ่นใหม่ รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล โฆษกสหภาพนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ผู้ดันเพดานการเมืองไทยด้วย ๑๐ ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ในการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๓
ปี ๒๕๖๔ ปนัสยาถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีในข้อหาตามมาตรา ๑๑๒ จากการชุมนุม “๑๙ กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร” ต่อมาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากทัณฑสถานหญิงกลาง พร้อมกับการตรวจพบเชื้อโควิด-๑๙ เช่นเดียวคนอีกจำนวนมากในเรือนจำ
เริ่มทอแสง
ตัวตนของปนัสยาเปลี่ยนผ่านหลายช่วง จังหวะหนึ่งเกิดเมื่อประมาณ ๒ ปีที่แล้วจากการเข้าร่วมพรรคโดมปฏิวัติ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เปลี่ยนคนไม่กล้าพูดในที่สาธารณะ ให้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมือง
“เราเห็นป้ายหาเสียงของพรรคโดมปฏิวัติมีแต่นโยบาย ไม่มีภาพคน และนโยบายพวกนั้นก็ตอบโจทย์เรา ก็เข้าร่วม มีหลายอย่างที่เราได้เรียนรู้จากวงถกเถียง วงปรัชญา วงทฤษฎี มันซึมซับว่าถ้าฉันจะเปลี่ยนแปลงโลกหรือต้องการชีวิตที่ดีขึ้น มีทางไหนได้บ้าง”
ช่วงนั้น เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์พรรคโดมปฏิวัติ นำสมาชิกพรรคปฏิบัติงานนอกมหาวิทยาลัย มีการประท้วงชูป้าย ลงพื้นที่ชุมชน สถานการณ์การเมืองไทยส่งผลต่อพรรคโดยตรง
“การเมืองในและนอกมหาวิทยาลัยสะท้อนกันไปมา โดมปฏิวัติชนะเลือกตั้งในช่วงที่พรรคอนาคตใหม่เฟื่องฟู แปลว่าประชาธิปไตยกำลังได้รับความนิยม เมื่อไหร่ที่ผู้คนต้องการประชาธิปไตย พรรคในมหาวิทยาลัยที่มีอุดมการณ์ไปทางนั้นจะชนะเลือกตั้ง ปีที่เราเป็นหัวหน้าพรรคโดมปฏิวัติก็ชนะ”
ปนัสยาเชื่อว่าหากการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งระดับประเทศปี ๒๕๖๒ เป็นไปในทิศทางที่ดี ก็จะไม่ส่งผลลัพธ์เช่นปัจจุบัน
“มันควรผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือแก้ไขให้เกิดการเลือกตั้ง แต่จากการรัฐประหาร ๒๕๕๗ จนมาถึงสถานการณ์ตอนนี้ คุณไม่ควรเชื่อว่านี่คือการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง นี่คือการยึดอำนาจ
ประชาธิปไตยที่ฝันถึงนำมาสู่ “ขบวนม็อบคนรุ่นใหม่” ในหน้าประวัติศาสตร์ไทย