More Media

เก็บตกสาระ แนะนำสื่อภาพยนตร์ และสื่อแขนงอื่นๆ จากที่เห็นและเป็นไป ในและนอกกระแส


ความเปลี่่ยนแปลงในทศวรรษที่ผ่านมาสำหรับสื่อบันเทิง คงไม่พ้นการเสื่อมความนิยมของสื่อโทรทัศน์ ที่ถูกบริการสตรีมมิ่งต่างๆ เข้ามาแย่งพื้นที่การรับชมในทุกภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงในประเทศญี่ปุ่นเองที่ยอดผู้ชมละคร-ซีรี่ส์โทรทัศน์ลดจำนวนลงจากในอดีต หากผลงานละครจากแดนซามูไรก็พิสูจน์ตัวเองว่าแม้จะมีตลาดเฉพาะกลุ่มต่างจากซีรี่ส์อเมริกา หรือเกาหลีใต้ที่ดูเหมือนนับวันจะตีตลาดต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ หากมันก็ยังคงมีความโดดเด่น และสร้างรวมถึงกลุ่มคนดูติดตามมาโดยตลอด

hanzawanaoki00

หนึ่งในปรากฎการณ์สำคัญที่สุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมานั้นคงไม่พ้นความสำเร็จของ Hanzawa Naoki ซีรี่ส์โทรทัศน์จากสถานี TBS ในปี ค.ศ.2013 ซึ่งตอนสุดท้ายทำเรตติ้งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 42.2% เฉพาะในเขตคันโต กลายเป็นซีรี่ส์ที่มีเรตติ้งสูงสุดในยุคเฮเซ จนถูกยกให้เป็นละครโทรทัศน์ญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดรอบสามสิบปี

ภายหลังความสำเร็จของซีรี่ส์เรื่องนี้ยังถูกนำไปแพร่ภาพในต่างประเทศ และได้รับความนิยมเช่นกัน ทั้งใน ไต้หวัน, ฮ่องกง, จาไมก้า, เม็กซิโก(ซีรี่ส์ออกอากาศในประเทศไทยในชื่อ “เฉือนคมนายธนาคาร” โดยสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส) และถูกสร้างซีซั่นสองในปี ค.ศ.2020 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอีกครั้ง แม้จะไม่มากเท่าซีซั่นแรก รวมถึงส่งผลให้งานดัดแปลงผู้เขียนนิยายต้นฉบับ จุน อิเคโดะ ถูกสร้างตามมาอีกหลายเรื่อง อาทิ Hanasaki Mai Speak Outs(2014-2015), Roosevelt Game(2015), Downtown Rocket(2015 และ 2018) เช่นเดียวกับกระแสการผลิตผลงานแนวตีแผ่ปัญหาภายในองค์กรต่างๆ อีกหลายต่อหลายเรื่อง

hanzawanaoki02
Hanzawa Naoki - ฮันซาวะ นาโอกิ นายธนาคารเลือดบูชิโด

หากมองเพียงผิวเผิน ละครเรื่องนี้อาจไม่ได้มีความหวือหวาเร้าใจผู้ชม เพราะตัวเอกของเรื่องทำงานอาชีพ ‘นายธนาคาร’ ซึ่งภาพลักษณ์ทำงานเอกสารในสำนักงาน ดูไร้แรงดึงดูดเมื่อแรกเห็น และไม่ได้เป็นอาชีพใหม่ที่คนจะสนใจติดตามแล้ว แถม ฮันซาวะ นาโอกิ(นำแสดงโดย มาซาโตะ ซากาอิ) ตัวเอกของเรื่องที่มีตำแหน่งผู้จัดการแผนกสินเชื่อของธนาคารโตเกียวจูโอ บุคลิกภายนอกก็ไม่ต่างจากมนุษย์เงินเดือนทั่วไป เริ่มต้นนั้เรื่องนเขายังบอกกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่างน่ากังขาว่าต้องการพาตัวเองไปสู่จุดสูงสุดในธนาคาร

แต่แล้วเมื่อเรื่องราวค่อยๆ เผยให้เห็นเจตนารมย์ของฮันซาวะ ต้องรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดด้วยการให้รับผิดชอบเงินจำนวน 500 ล้านเยน ปัญหาที่โยงใยถึงการคอรัปชั่นผลประโยชน์จำนวนมหาศาลของผู้มีอำนาจ เมื่อนั้นเองบุคลิกเรียบๆ ไม่โดดเด่นของเขาก็จะเผยให้เห็นความฉลาด ไหวพริบ การสู้แบบยิบตาเพื่อแก้ไข และโค่นล้มคนเหล่านั้นให้พ่ายแพ้จึงปรากฎ สร้างความสนุกตื่นเต้นเร้าใจชวนลุ้นในแต่ละตอน

hanzawanaoki07
hanzawanaoki05

ในซีซั่นแรก ฮันซาวะ เป็นผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อสาขาโอซาก้า เขาต้องรับมือกับปัญหาที่เกิดจากภายในธนาคารเองทั้งจากคนที่พยายามปรักปรำเขาเรื่องการปล่อยกู้เงิน และการปล่อยกู้เงินมหาศาลในอดีตของธนาคารเอง ขณะที่ซีซั่นสองเขาย้ายไปทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายขายบริษัทลูกของธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์โตเกียวเซ็นทรัล ต้องรับมือแผนการซื้อบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ ตามด้วยการแก้ปัญหาสายการบินระดับชาติที่ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง ซึ่งทุกปัญหาเขาจะต่อสู้ด้วยการโต้เถียง นำหลักฐานมาหักล้าง ใช้ชั้นเชิงทางธุรกิจ วาจาเชือดเฉือนทรงพลัง พร้อมสายตาแข็งกร้าวไม่ยอมอ่อนข้อให้จนอีกฝ่ายยอมจำนน ดังคำพูดติดปากที่กลายเป็นที่นิยมอยู่ช่วงหนึ่งว่า

“ใครเล่นงานผม ผมจะต้องเอาคืนเป็นสองเท่า”

จุดเด่นที่เป็นข้อด้อยในตัวเองของซีรี่ส์ชุดนี้คือนักแสดงหลักของเรื่องแสดงออกท่าทาง อารมณ์ผ่านสีหน้า และร่างกายอย่างชัดเจน ด้วยพื้นฐานการเป็นนักแสดงนำที่มีพื้นฐานจากละครเวที(มาซาโตะ ซากาอิ เคยเป็นนักแสดงละครเวที ส่วน เทรุยูกิ คางาวะ ในบทบาทคู่ปรับสำคัญเคยเป็นนักแสดงคาบูกิของญี่ปุ่น) เมื่อรวมกับการถ่ายภาพระยะประชิด เทคนิคการตัดต่อ และดนตรีเร้าใจต่างๆ ทำให้ซีรี่ส์แนวธุรกิจเรื่องนี้มีความเป็นละครแนวเมโลดราม่า ที่เน้นการเร้าอารมณ์คนดูจนล้นเกินซึ่งมีผลทำให้คนดูสนุกตื่นเต้นกว่าละครเกี่ยวกับธุรกิจปกติ แต่หลายคนก็รู้สึกว่ามัน ‘เล่นใหญ่’ เกินรับ และหลายครั้งสีหน้าที่ออกมาดูตลกจนมีคนหยิบเอามาทำมีมทางอินเทอร์เน็ตล้อเลียน

แม้ จุน อิเคโด ผู้เขียนนิยายต้นฉบับซึ่งอดีตเคยทำงานแผนกสินเชื่อในธนาคารมาร่วมสิบปี จะยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องแต่งที่เขาพยายามผูกปมให้มีความสนุกตื่นเต้น ไม่ได้อ้างอิงมาจากประสบการณ์ส่วนตัว มีใครเป็นต้นแบบ หรือมีเจตนาพาดพิงธนาคารใดธนาคารหนึ่ง กระนั้นก็ตามปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Hanzawa Naoki เป็นผลงานที่วิพากษ์วิจารณ์ระบบ อันล้าหลังในองค์กรเก่าแก่อย่างธนาคาร

สิ่งที่เราได้เห็นในธนาคารโตเกียวจูโอ ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ คืออาคารสำนักงานขนาดใหญ่โตโอ่อ่า ตกแต่งภายในแบบยุคคลาสสิคสวยงามนั้นก็มาพร้อมการยักยอกเงินจำนวนมหาศาล การแก่งแย่งชิงดีในตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นไปอีกในสายงาน และที่ระบบองค์กรที่เต็มไปด้วยความยำเกรงคนใหญ่คนโตแผนกต่างๆ มีลำดับชั้นของตำแหน่งต่างๆ จนองค์กรดังกล่าวมีสภาพไม่ต่างกับระบบเจ้าขุนมูลนาย(Bureaucracy) ที่แนวคิดอนุรักษ์นิยม คนทำงานในตำแหน่งสูงๆ ล้วนอายุมาก และแทบไม่มีพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ๆ เลย ต่างไปจากภาพจำที่บางคนมักชอบยกมาอ้างเรื่องการทำงานของคนญี่ปุ่นว่าขยัน ซื่อสัตย์ โดยสิ้นเชิง

hanzawanaoki04
hanzawanaoki03

อีกปัจจัยที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าซีรี่ส์ Hanzawa Naoki ประสบความสำเร็จอย่างมากคือการนำเสนอเรื่องยากๆ เช่นเรื่องความรู้ทางด้านการเงินและธุรกิจ คำศัพท์เฉพาะทางด้านภาษี-ธนาคารให้ดูง่ายเข้าใจได้ไม่ยาก มีสถานการณ์ลุ้นระทึกชวนติดตามด้วยพล็อตแนว ‘ล้มยักษ์’ ที่ดูสมจริงน่าเชื่อถือ ซึ่งสามารถสื่อสารกับผู้ชมที่เป็นคนทำงานรุ่นเก่า และคนรุ่นใหม่ได้พร้อมๆ กัน แม้หลายคนจะรู้ดีว่าความเป็นจริงอาจไม่ได้ง่ายอย่างในละคร ดังความเห็นของพนักงานธนาคารระดับกลางคนหนึ่ง

“ตัวละครบางตัวในละครเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงคนที่ธนาคารเลยครับ จุดนี้ละครจริงมาก แม้ว่าถ้าคุณทำตัวเหมือนฮันซาวะคุณจะถูกไล่ออกแน่นอน”(หัวเราะ)

เจฟฟ์ คิงสตัน ศาสตราจารย์ด้านเอเชียศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทมเปิล มองว่าด้วยความฉลาด ขยัน มือสะอาด มีอุดมคติ และยังนับว่าประสบความสำเร็จในสายงานของตน ทำให้ ฮันซาวะ นาโอกิ กลายเป็นไอคอนของคนรุ่นใหม่ แม้เขาจะอายุไม่น้อยหากก็นับเป็นคนยุคเฮเซ(ปี ค.ศ.1989-2019) หรือคนที่โตมากับยุคเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวอย่างหนัก

ยุคดังกล่าวส่งผลให้คนรุ่นต่อมาเสื่อมศรัทธากับการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ได้ภักดีกับองค์กรเหมือนเช่นยุคโชวะที่ญี่ปุ่นกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ทัศนคติของคนรุ่นใหม่ทั่วโลกรวมถึงญี่ปุ่นเองมีแนวโน้มจะหันมาทำงานอิสระ หรือประกอบกิจการส่วนตัวกันมากขึ้นกว่าทำงานประจำ ซีรี่ส์โทรทัศน์เรื่องนี้ก็ให้มุมมองที่สะท้อนให้เห็นปัญหาที่สัมผัสได้จริงในบริษัท ตัวละครของเรื่องจึงเป็นเหมือนกระบอกเสียงแทนพวกเขา และแสดงให้เห็นว่าองค์กรเหล่านี้แม้จะมีปัญหามากมาย ยังพอมีหนทางแก้ไข เช่นเดียวกับการดำรงอยู่ของคนเช่น ฮันซาวะ

ซึ่งแท้จริงวิธีคิดแบบ ฮันซาวะ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด มันเป็นการนำเสนอแนวคิดเชิงอุดมคติที่มีมายาวนานอย่างวิถีบูชิโด หรือวิถีนักรบ ผ่านพล็อตเรื่องแนวล้างแค้นของหนังซามูไร ที่เปลี่ยนเป็นคนใส่สูทการเฉือนคมปะทะกันด้วยคารม การล็อบบี้หาคนสนับสนุน และชั้นเชิงทางธุรกิจแทนการสวมชุดเกราะถือดาบห้ำหั่นกัน

ภาพลักษณ์ดังกล่าวยิ่งเด่นชัดขึ้นในฉากการฝึกซ้อมเคนโด้ของฮันซาวะ ซึ่งเป็นกีฬา-ศิลปะการต่อสู้ด้วยดาบไม้ของญี่ปุ่นที่มีพื้นฐานมาจากการใช้ดาบของซามูไร ทุกครั้งที่เกิดปัญหาเขาจะใช้ทักษะ และความกล้าหาญจากการแข่งกับคู่ต่อสู้ในกีฬาชนิดนี้มาประยุกต์และเป็นแรงผลักดันให้สู้ต่อจนได้รับชัยชนะ

แม้ฮันซาวะจะเข้ามาทำงานธนาคารแห่งนี้ด้วยจุดเริ่มต้นคือความแค้น แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาทุ่มเทให้กับองค์กรอย่างเต็มที่ไม่มีบกพร่อง มีความกล้าที่จะยังยืนหยัดยึดมั่นคุณธรรมในการทำงาน หากก็ซื่อสัตย์-จงรักภักดีต่อประธานเป็นอย่างยิ่ง โดยมีทั้งภรรยา กับมิตรสหายคอยช่วยเหลือเกื้อกูล ไม่ต่างกับซามูไรที่รับใช้นายอย่างสุดกำลัง ยิ่งในซีซั่นสองเมื่อเขาต้องมาร่วมมือกับ โอวาดะ ศัตรูคู่อาฆาต ประเด็นตรงนี้ก็จะยิ่งเด่นชัดว่าการแก้แค้นไม่ใช่ผลลัพธ์

ความสำเร็จของซีรี่ส์เรื่องนี้อาจสะท้อนมุมมองของคนญี่ปุ่นไม่น้อยที่ยังเชื่อว่า คุณค่าและแนวคิดในอดีตอย่างวิถีบูชิโดนั้นยังใช้ได้ผล หากแต่ต้องยอมรับว่าองค์กรขนาดใหญ่ที่เคยประสบความสำเร็จพัฒนาประเทศนั้นก็มีวันเสื่อมเมื่อลุแก่อำนาจ ต้องยอมรับความผิดพลาดในอดีตที่ไม่ได้สวยงามอย่างที่สร้างภาพไว้ และจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่โดยเปิดโอกาสคนรุ่นต่อไป

hanzawanaoki06

ดังตอนหนึ่งในซีซั่นสองที่ ฮันซาวะกล่าวกับพนักงานในบริษัทในฐานะผู้จัดการว่า สุนทรพจน์สอนใจที่สวยงาม สามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานได้นั้น นับเป็นบทสรุปของซีรี่ส์โทรทัศน์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

“มีคำว่ากลุ่มผู้ชนะกับกลุ่มผู้แพ้อยู่ ผมเกลียดสองคำนี้ที่สุด แต่ว่าผมได้ยินบ่อยๆ ตอนที่ถูกย้ายจากธนาคารมาที่นี่ ธนาคารคือกลุ่มผู้ชนะ ส่วนเราที่อยู่บริษัทลูก คนที่เป็นลูกหม้อของที่นี่คือผู้แพ้ พอได้ยินแบบนั้นก็ต้องมีคนต่อต้านเป็นธรรมดา แต่ส่วนใหญ่กลับยอมรับว่าตัวเองเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้เป็นอย่างไร พวกคุณได้ทุ่มเททำในสิ่งที่ธนาคารทำไม่สำเร็จ พวกคุณที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้แพ้ ไม่ว่าจะอยู่บริษัทไหน ไม่ว่าจะทำงานอะไร คนที่ภาคภูมิใจในงานของตัวเอง มุ่งมั่นตั้งใจทุกวัน จนรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จ ถึงจะเรียกว่าผู้ชนะอย่างแท้จริง ผมคิดแบบนั้น บริษัทนี้เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน อายุพวกคุณอยู่ในช่วง 20 ถึง 40 และส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ลำบากกับการหางานหลังยุคฟองสบู่แตก ฟองสบู่ที่ทำให้เกิดสถานการณ์แบบนั้นเกิดจากคนที่ทำงานโดยคิดถึงแต่ตัวเอง เล่นเกมการเงินโดยไม่สนใจลูกค้าจนทำให้สังคมฟอนเฟะ พวกคุณที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบ ย่อมต้องเฝ้ามององค์กรและสังคม ด้วยแง่มุมที่ไม่เหมือนกับคนรุ่นผม และอีกสิบปีต่อจากนี้พวกคุณก็จะเป็นผู้ขับเคลื่อนสังคมต่อ การต่อสู้ของพวกคุณต้องทำให้โลกนี้ดีกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน ขอให้ต่อจากนี้ไป จงยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ และทำงานเพื่อลูกค้าของเรา ถึงอีกฝ่ายจะเป็นธนาคารก็ไม่ต้องเกรงใจ การโต้กลับของคนรุ่นพวกคุณ ไม่สิ การเอาคืนเป็นเท่าตัวของพวกคุณ ผมหวังจากใจจริงว่าจะได้เห็น”

ข้อมูลอ้างอิง