ทีมซันซันกับซันชายน์
เรื่อง : กฤติยารัตน์ อนุรักษ์
ภาพ : ธีระสันต์ พันธศิลป์

ลูกชาย - ให้ปีกรักบินพาไปหาสุข

“การทำเพื่อผู้อื่นชื่นใจนัก…”

จำไม่ได้ว่าเคยเห็นข้อความนี้ที่ไหนสักแห่ง จากภาพยนตร์หรือจากบทกวีของปู่ซันซัน…ไม่แน่ใจ

แต่ที่แน่ใจคือประจักษ์กับตนเองว่า การทำดีเพื่อผู้อื่นนั้นชื่นใจจริง ๆ ยิ่งได้ทำดีกับคนที่เรารักแล้ว ความชื่นใจ ความสุขใจยิ่งมากขึ้นเป็นหลายเท่าพันทวี

เชิญฟังเรื่องเล่าความสุขของเราค่ะ

คุณพ่อและคุณแม่มือใหม่วัยทำงานกับการมีลูกชายคนแรก

บ้านเราอยู่ขอนแก่น ที่ทำงานคุณพ่อก็อยู่ขอนแก่น แต่ที่ทำงานคุณแม่อยู่ร้อยเอ็ด ระยะทางห่างกันเป็นร้อยกิโลเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้อยู่พร้อมหน้าพ่อ แม่ ลูก

ภาระการเลี้ยงดูซันซันช่วงแรกเกิด-๒ ขวบ จึงเป็นหน้าที่ของคุณย่า คุณครูอนุบาลที่พึ่งเกษียณอายุราชการได้เพียง ๒ ปี

การหาบ้านเช่าในต่างจังหวัดเป็นเรื่องยากพอสมควร คุณย่าอายุ ๖๒ ปี และทารกน้อยวัยไม่ถึงขวบ จึงใช้เวลาทั้งวันอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม ชั้น ๔ ของอะพาร์ตเมนต์ในเมืองร้อยเอ็ด

งานของแม่มีเวลาเข้างานแน่นอน แต่เวลาเลิกงานไม่แน่นอน ช่วงปลายเดือนต้องลากยาวไปถึง ๑-๒ ทุ่ม

หากแต่ชีวิตเหมือนโชคดีที่คุณย่ารักหลานและลูกสะใภ้ ไม่มีเรื่องระหองระแหงใด ๆ

เมื่อลูกอายุได้ ๗ เดือน เราได้บ้านเช่าสองชั้นในซอยกลางเมืองร้อยเอ็ด ลูกน้อยค่อยเห็นเดือนเห็นตะวันบ้าง เด็กน้อยกำลังจะได้ชื่นชมกับสายลมแสงแดด พลันเจ้าโรคร้าย โควิด-๑๙ ก็กลับมาระบาดอย่างหนักอีกครั้ง

เป็นเวลา ๑ ปีครึ่งที่ย่ากับหลานต้องกักตัวอยู่ลำพัง เด็กน้อยต้องเล่น หัดยืน และเดินอยู่ในบ้านเช่า

ย่าส่งไม้ให้ยาย

เมื่ออายุ ๒ ขวบเต็ม ชีวิตของซันซันเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง คุณยายเกษียณอายุราชการ รับไม้ดูแลหลานต่อจากคุณย่า ชีวิตที่เคยอยู่กับแม่และย่า เปลี่ยนมาอยู่กับแม่และยาย

แรก ๆ ลูกก็จะงอแงหน่อยเพราะติดย่ากับปู่

ปู่เป็นไอดอลของเขา

ก่อนโรคร้าย โควิด-๑๙ ระบาด ปู่พาขับรถเที่ยวตามร้านกาแฟสวย ๆ ได้เปิดหูเปิดตาทุกบ่ายวันศุกร์และเช้าวันจันทร์ ได้รู้จักร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และบันไดเลื่อน

จดจำและเลียนแบบท่าทางการจับกล้องถ่ายรูปของปู่ได้ทุกอิริยาบถ

บ้านเป็นสุข

ซันซันใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเช่าได้ ๙ เดือน เหมือนฟ้าประทานความสุขมาให้ครอบครัวเรา เมื่อคุณแม่ได้รับคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่จังหวัดขอนแก่น ทำให้พ่อ แม่ ลูก ได้มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน

บ้านเป็นสุขอยู่ห่างจากสนามบินขอนแก่น ๑๓ กิโลเมตร ทุกวันจะมีเครื่องบินบินผ่าน พอได้ยินเสียงเครื่องบิน ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ซันซันจะต้องวิ่งออกนอกตัวบ้านเพื่อจะดูเครื่องบินให้ได้

วันหนึ่ง ๆ ก็หลายรอบเหมือนกัน

เวลาที่ออกมาทันเห็นเครื่องบิน เขาจะดีใจมาก ดูท่าทีมีความสุขมาก โบกมือให้เครื่องบิน

ร้องตะโกนบอกว่า “ซันซันขอไปด้วยหน่อย ขอไปด้วยคน”

peekrak2

เติมเต็มประสบการณ์

ลูกสนใจสิ่งไหน มีความสุขกับสิ่งใด ที่ไม่เป็นอันตราย ไม่มีพิษภัย พ่อแม่ก็พยายามเติมเต็มสิ่งนั้นให้เขา

เมื่อถึงวันหยุดราชการงานในหน้าที่ คุณพ่อจึงมีภารกิจรับผิดชอบใหม่ ด้วยการขับรถพาลูกชายไปสนามบินขอนแก่น เพื่อเฝ้าดูเครื่องบินขึ้นลง ทุกครั้งที่เครื่องบินบินขึ้นฟ้า ซันซันก็จะพูดประโยคเดิม ๆ

“ไปด้วยคน ขอไปด้วยคน”

หลายต่อหลายครั้งที่ไปเฝ้าดูเครื่องบินขึ้นลงด้วยแววตาเปี่ยมสุข วันหนึ่งหลังจากเครื่องบิน take off

“คุณพ่อครับ ซันซันอยากนั่งเครื่องบิน” ทำเอาคุณพ่ออึ้งไปชั่วขณะ

“กล้านั่งหรือ ?”

“กล้าครับ” พร้อมพยักหน้าอย่างมั่นใจ

พ่อกับแม่ปรึกษากันได้ข้อตกลงว่า เมื่อเป็นความฝันของลูก ก็น่าจะทำให้ความฝันของเขาเป็นจริง เพื่อเขาจะได้มีความสุขและมีประสบการณ์ดี ๆ ในช่วงวัยที่กำลังเจริญเติบโต

เตรียมตัว ค้นคว้าข้อมูล

เวลาว่างวันหยุด ยามลูกหลับ พ่อกับแม่เข้าศึกษาหาข้อมูลจากสื่อออนไลน์ ได้ข้อสรุปมาว่า การพาเด็กเล็กขึ้นเครื่องบินให้ราบรื่นตลอดทางนั้น ต้องเลือกเที่ยวบินใกล้เคียงเวลานอนของเด็ก ต้องเลือกที่นั่งให้เหมาะกับเด็ก ต้องตระเตรียมของใช้ที่จำเป็น ต้องเตรียมของกินไม่ให้เด็กหิว และต้องเตรียมรับมือกับความกดอากาศ ต้องเตรียมลูกอมไว้ให้พร้อม

peekrak3
peekrak4

การติดปีกบินครั้งแรกของเด็กชายวัย ๓ ขวบ

นับแต่วันที่พ่อแม่รับปากว่าจะพาไปนั่งเครื่องบิน เด็กน้อยเฝ้าถามเช้าถามเย็นว่า วันไหนจะได้นั่งเครื่องบิน เมื่อแม่บอกยังไม่ถึงวันที่จะเดินทาง “ซันซันขอไปวันนี้เลย”

ถึงวันจะบินจริง เด็กน้อยดูเงียบไป เหมือนครุ่นคิดบางอย่าง

พอก้าวเท้าเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร เห็นผู้คนพลุกพล่าน เด็กน้อยดึงมือแม่ไว้ “กลับบ้าน ๆ ไม่ไป ๆ”

พ่อกับแม่มองหน้ากัน ภารกิจนี้ยกเลิกไม่ได้ มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ

วินาทีนั้นเอง คุณแม่ตัดสินใจก้มลงอุ้มเด็กน้อยเข้าเช็กอิน เมื่อผ่านไปนั่งรอที่ประตูทางขึ้นเครื่อง ดูท่าทางลูกผ่อนคลาย เริ่มตื่นตาตื่นใจกับเครื่องบินที่จอดรอ

“คุณแม่ครับ ทำไมเราไม่ลงไปรอใกล้ ๆ ตรงเครื่องบินจอด”

“ตามระเบียบ เราต้องรอที่นี่ครับ ถึงเวลาเราต้องเดินไปตามทางเดินที่เหมือนงวงช้างเชื่อมติดกับประตูเครื่องบินครับ”

เด็กน้อยพยักหน้ารับทราบ

“นั่นรถเติมน้ำมันนะแม่ ตรงนั้นงวงช้างให้เราเดินขึ้นเครื่องบิน” พอคลายกังวลผู้แนะนำก็เปลี่ยนจากแม่เป็นลูก

คุณพ่อได้ที่นั่งติดทางเดิน คุณแม่นั่งตรงกลาง และเด็กน้อยเลือกที่นั่งติดหน้าต่าง เพื่อจะได้เห็นก้อนเมฆใกล้ ๆ ตามที่เขาเคยพูดไว้

เขากลบเกลื่อนความกลัวด้วยการถามโน้นถามนี้ไปเรื่อย

เด็กน้อยขอรัดเข็มขัดนิรภัยเอง รัดแล้วไม่กระชับ แม่บอกวิธีปรับสายให้กระชับ จากนั้นเขาก็ทำเองได้

ก่อนเครื่องจะขึ้นแม่ซักซ้อมความเข้าใจว่า ตอนเครื่องจะขึ้นเครื่องจะพุงตัวแรง เสียงดัง ไม่ต้องตกใจ จับมือแม่ไว้ เด็กน้อยทำตาม ยังถามแม่อีกว่า เครื่องบินบินขึ้นฟ้าแล้ว ล้อเครื่องบินจะไปอยู่ที่ไหน ทำเอาแม่อดยิ้มไม่ได้เลย

peekrak5

เครื่องบินค่อย ๆ เคลื่อนไปตามรันเวย์ เร่งความเร็วขึ้น เสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ แม่ลูกกุมมือกัน จ้องหน้า สบตากัน ไม่นานเครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

หัวใจเด็กน้อยคนหนึ่งก็ทะยานขึ้นฟ้าไปกับเครื่องบินด้วยความตื่นเต้นและเป็นสุข

เมื่อเครื่องบินไต่ระดับความสูงขึ้นมาถึงระดับ ๓๐,๐๐๐ ฟุต กัปตันทักทายผู้โดยสารผ่านเครื่องขยายเสียง รายงานสภาพอากาศ แจ้งเที่ยวบินและเวลาที่จะถึงจุดหมายปลายทาง เด็กน้อยดูผ่อนคลายมากขึ้น

“คุณแม่ครับ กัปตันอยู่ตรงไหน ?” เด็กน้อยลูบคลำเข็มขัดนิรภัยไปมา

“หูอื้อไหมครับ ?” พ่อถามลูกชาย

“ไม่ครับ” เด็กน้อยตอบพร้อมสั่นศีรษะ

เป็นอันว่าการบ้านต่าง ๆ ที่พ่อกับแม่เตรียมมาไม่ได้ใช้สักข้อ แม้กระทั่งลูกอม

peekrak6

ตลอดเวลาเป็นชั่วโมงบนเครื่องบิน เด็กน้อยวัย ๓ ขวบดูเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุข ไม่มีทีท่าว่าจะง่วงนอนเลย มองออกนอกหน้าต่างสลับกับมองดูผู้คนร่วมห้องโดยสาร

กัปตันประกาศลดระดับการบินเพื่อนำเครื่องลง ณ สนามบินนานาชาติดอนเมือง

เด็กน้อยจ้องหน้าแม่ “เครื่องบินจะลงยังไงครับ?”

“เครื่องบินก็จะกางขา กางล้อที่เก็บไว้ใต้ท้องออกมา เพื่อจะแตะพื้นวิ่งไปตามทางจนหมดแรงแล้วก็จะจอดครับ ตอนเครื่องบินลงอาจจะเสียงดังหน่อย และอาจกระแทกพื้นแรงด้วย มาจับมือกันไว้ ไม่ต้องตกใจ”

เด็กน้อยยื่นมือมาจับมือแม่ จ้องตาแม่ แม่บีบมือลูกเบา ๆ

กัปตันนำเครื่องบินลงจอดได้นิ่มมาก แทบจะไม่มีแรงกระแทกเลย

“เป็นไง สนุกไหม” พ่อถามลูกชายบ้าง

“สนุกครับ” เด็กน้อยพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“มีความสุขไหมลูก ?” แม่ก้มลงกระซิบที่หู

“มีความสุขเยอะแยะมากมายครับ” มาอีกแล้วคำ “เยอะแยะมากมาย” ของหนู

แม่รู้ครับ แม่ดูออกว่าลูกมีความสุข แต่ลูกจะรู้ไหมนะว่า แม่มีความสุขกว่าลูกหลายเท่าพันทวี

มิใช่ความสุขที่เกิดจากการได้นั่งเครื่องบิน หากแต่เป็นความสุขที่เกิดจากได้ทำให้ลูกมีความสุข

สุขของฉัน ฝันของเธอไงครับ ซันซัน

กิจกรรมดีๆ ของ “ค่ายนักเล่าความสุข” ปี 3 ร่วมสร้างสรรค์เรื่องเล่าความสุข และสังคมที่มีความสุข

  • มูลนิธิเล็กประไพวิริยะพันธุ์
  • นิตยสารสารคดี
  • เพจความสุขประเทศไทย
  • สสส.