๏ อาทิตย์กำเนิดนั้น ไกรสร
จันทร์สายสมร ชุบเชื้อ
อังคารมหิงษ์รอน ชุบรูป
พุธคเชนทรเกื้อ ก่อให้เป็นองค์
๏ เสาร์เสือพฤหัสบดีนั้น ฤๅษีพราหมณ์
ราหูหัวโขมดหยาม หยาบช้า
ศุกร์อสุภแปรนาม อิศวรชุบ ขึ้นแฮ
เกตพระยานาคกล้า กอบเกื้อเป็นองค์
ของเก่า ไม่ทราบที่มา
ตามความในคัมภีร์มหาทักษาพยากรณ์ กล่าวถึงพระอิศวรว่าเป็นเทพเจ้าสูงสุด ทรงสร้างเทวดานพเคราะห์ขึ้น โดยแต่ละองค์จะมีเทวตำนานในเค้าโครงอย่างเดียวกัน คือพระอิศวรทรงใช้สัตว์ ภูตผี นางฟ้า จำนวนเท่าใด มาบดป่นให้เป็นผง แล้วห่อด้วยผ้าสีอะไร จากนั้นประพรมด้วยน้ำอมฤต บังเกิดเป็นเทพแต่ละองค์ อันมีสีกายตรงกับสีผ้าที่ใช้ห่อ
สีสันของผืนผ้าที่ใช้ห่อและสีผิวของทวยเทพเหล่านี้ จะเป็นต้นกำเนิด “สีประจำวัน” ตามที่คนไทยรู้จักกันดี
ทั้งนี้ เทพแต่ละองค์จะมี “กำลังพระเคราะห์” หรือ “กำลังวัน” เท่ากับจำนวนของสิ่งซึ่งนำมาป่น เช่น พระอาทิตย์ มาจากราชสีห์ ๖ ตัว จึงมีกำลังเป็น ๖ ส่วนพระจันทร์ มาจากนางเทพธิดา ๑๕ องค์ เท่ากับว่ามีกำลังเป็น ๑๕ ฯลฯ ดังมีโคลงสี่สุภาพของเก่า (ยังค้นไม่ได้ว่าต้นทางอยู่ในหนังสือเล่มใด) ว่าด้วยกำลังพระเคราะห์เหล่านี้
๏ อาทิตย์หกต่อตั้ง พรรษา
จันทร์สิบห้าคณนา นับได้
อังคารแปดพุธ สิบเจ็ด
เสาร์สิบกำหนดให้ โลกรู้กำลัง
๏ พฤหัสบดีสิบเก้า สืบสนอง
อสุรินทร์สิบสอง เช่นชี้
ศุกร์ยี่สิบเอ็ดกอง กอบเกตุ เก้านา
ทวยเทพนพเคราะห์นี้ ปกป้องรักษา
กำลังพระเคราะห์ของเทวดาอัฐเคราะห์ คือเทพแปดองค์ประจำทิศ (ยังไม่รวมพระเกตุ) คือ อาทิตย์ ๖ จันทร์ ๑๕ อังคาร ๘ พุธ ๑๗ เสาร์ ๑๐ พฤหัสบดี ๑๙ ราหู (ในโคลงเรียกว่า “อสุรินทร์”) ๑๒ ศุกร์ ๒๑ เมื่อบวกกันแล้ว (๖+๑๕+๘+๑๗+๑๐+๑๙+๑๒+๒๑) ได้เท่ากับ ๑๐๘ และเมื่อรวมกำลังของพระเกตุด้วยอีก ๙ จะเป็น ๑๑๗