เรื่องราวในคัมภีร์เฉลิมไตรภพนี้ สมัยรัชกาลที่ ๕ พระยาราชภักดี (ช้าง) เจ้ากรมพระคลังมหาสมบัติ ได้นำมาแต่งเป็นวรรณกรรมกลอนสวดชื่อ “เฉลิมไตรภพ” อันมีเนื้อความใกล้เคียงกับตัวคัมภีร์

“เฉลิมไตรภพกลอนสวด” เล่าว่า หลังจากไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกจนหมดสิ้น ครั้นเพลิงมอดดับลง บังเกิดภพจักรวาลและพระเป็นเจ้าสี่องค์ ได้แก่ พระอิศวร พระอุมา (พระภัควดี) พระพรหม และพระนารายณ์
ทั้งสี่ช่วยกันสร้างโลกขึ้นใหม่ แล้วพระอิศวรทรงถอดพระจุฬามณี (ปิ่น) ออกจากมวยผมปักลง จึงบังเกิดเขาพระสุเมรุ มหาสมุทร และทวีปต่างๆ ขึ้น
๏ ถอดจุฬาออกจากเกศ
ธรรมเวทประสิทธิ์มนต์
ปักกลางสุธาดล
ประสาทเป็นพระเมรุธร
๏ พลันกว้างยาวแลสูงใหญ่
มีเขาไม้สลับสลอน
ทั้งธารท่าแลสาคร
ชลาเปี่ยมสมุทรไท
จากนั้นเกิดฝนตกใหญ่ ฝนชะไอดินกลิ่นหอมตลบขึ้นไปถึงสวรรค์ พรหมทั้ง ๗ จึงแปลงร่างเป็นเทพธิดาลงมากินง้วนดินนั้น อันจะเป็นบรรพชนของมนุษย์ทั้งปวง ฯลฯ
แต่แล้วเมื่อปรากฏว่ารถวิมานเก้าคันที่จะโคจรรอบเขาพระสุเมรุ ยังปราศจากเทวดารักษา พระมหาเทพทั้งสี่จึงตกลงกันจะสร้างเทวดานพเคราะห์ ด้วยการให้ตั้งมณฑลพิธี แล้วเสาะหาสัตว์และสรรพชีวิตอัน “ถึงที่ตาย” มารวมตัวกัน
๏ เสร็จการซึ่งนฤมิต
สำแดงฤทธิ์หาไกรสร
กระบือโคแลกุญชร
นางอัปสรแลมุนี
๏ พระยาพาละพยัคฆ์
สิทธิศักดิ์โขมดผี
ทั้งพระยาวาสุกรี
ชุมนุมที่เชิงภูผา
จากนั้น มหาเทพจึงเสกน้ำอมฤตขึ้น แล้วเริ่มต้นกระบวนการสถาปนาเทพนพเคราะห์ขึ้นทีละองค์