หนึ่งในสิ่งที่คนไทยแต่โบราณถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง ได้แก่ “นพรัตน์” หรือ “แก้ว” คืออัญมณี ๙ ชนิด อันประกอบด้วย เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย และ ไพฑูรย์

หนึ่งในเครื่องราชูปโภคของกษัตริย์ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา คือสายสร้อยพระสังวาลย์ประดับเนาวรัตน์ ใช้เป็นเครื่องสำหรับพิชัยสงคราม และสำหรับทรงในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อันเป็นต้นเค้าของการสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

คติการนับถือว่า “นพรัตน์” เป็นของมงคล แพร่หลายแม้ในหมู่สามัญชน ดังมีการนำมาทำเครื่องประดับรูปพรรณ โดยทั่วไปมักเรียกกันว่า “นพเก้า” เช่นจี้นพเก้า แหวนนพเก้า สร้อยนพเก้า ต่างหูนพเก้า ฯลฯ

เคยมีผู้ทักท้วงว่า ที่ถูกควรเรียกว่า “นพแก้ว” คือ นพ (๙) กับ แก้ว (รัตน์) คือแก้วเก้าสี เพราะหากเรียกว่า “นพเก้า” แล้ว จะกลายเป็นคำซ้ำ มีความหมายว่า ๙+๙ ไปเสียอีก

บางทีเคยเห็นเรียกกันว่า “แก้วนพเก้า” ก็มี อย่างที่เคยมีสร้างเป็นละครโทรทัศน์สมัยเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว เป็นเรื่องของเด็กสาวเก้าคน เพลงไตเติ้ลร้องว่า “แก้วนพเก้า เก้าสาวทั้งเก้าคน เก้าชีวิตอลวน เก้าคนเก้าจิตใจ…”

“นพเก้า” หรือ “นพรัตน์” นี้ ท่านแต่ก่อนคิดผูกร้อยกรองไว้เป็นคำคล้องจอง คนไทยแต่ก่อนท่องได้ขึ้นใจว่า “เพชรดีมณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุษราคัม แดงแก่ก่ำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาฬ มุกดาหารสีหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลสายไพฑูรย์”

หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล (๒๔๓๘-๒๕๓๓) พระธิดาในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายไว้ในสารคดีพระนิพนธ์เรื่อง “สีมงคล” ว่าลำดับแห่งแก้วทั้งเก้าประการนี้ ยังไปตรงกับสีกายเทวดานพเคราะห์ด้วย ได้แก่

  • เพชรดี (เพชร) คือ พระจันทร์
  • มณีแดง (ทับทิม) คือ พระอาทิตย์
  • เขียวใสแสงมรกต (มรกต) คือ พระพุธ
  • เหลืองใสสดบุษราคัม (บุษราคัม) คือ พระพฤหัสบดี
  • แดงแก่ก่ำโกเมนเอก (โกเมน) คือ พระอังคาร
  • สีหมอกเมฆนิลกาฬ (นิล) คือ พระศุกร์
  • มุกดาหารสีหมอกมัว (มุกดา) คือ พระเกตุ
  • แดงสลัวเพทาย (เพทาย) คือ พระเสาร์
  • สังวาลสายไพฑูรย์ (ไพฑูรย์) คือ พระราหู