ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล : เรื่องและภาพ

แม่น้ำกกกำลังปนเปื้อนสารพิษ กรมควบคุมมลพิษตรวจพบสารหนู ตะกั่ว โลหะหนักอื่น ๆ ในปริมาณสูงเกินค่ามาตรฐาน ต้นตอจากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา สารพิษต่าง ๆ ไหลลงสู่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาขา ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำ ระบบนิเวศ สุขภาพของประชาชนและสัตว์
แม่น้ำกกเป็นแม่น้ำนานาชาติ กำเนิดในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ไหลเข้าสู่ประเทศไทยที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ แล้วไหลผ่านจังหวัดเชียงรายลงสู่แม่น้ำโขง
ปัญหาแม่น้ำกกปนเปื้อนสารพิษเป็นปัญหาข้ามแดนที่น่ากังวล นอกจากส่งผลกระทบต่อเมียนมาและไทย หากปัญหาเหมืองแร่ตอนบนของสายน้ำไม่คลี่คลาย อนาคตอาจกระทบถึงประเทศอื่น ๆ ที่มีแม่น้ำโขงไหลผ่านในภูมิภาคอาเซียน
ตลอดเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ๒๕๖๘ ประชาชนหลายภาคส่วนได้ร่วมกันจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาตระหนักถึงพิษภัยจากการปนเปื้อน อาทิ กิจกรรม “หยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตให้สายน้ำกก” บริเวณสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ๕ มิถุนายน ๒๕๖๘ มีการปราศรัยให้ความรู้ เดินขบวนแห่ปอยหลวงปิดเหมืองขึ้นไปบนสะพานข้ามแม่น้ำกก อ่านแถลงการณ์ ๔ ภาษา ได้แก่ ไทย จีน อังกฤษ เมียนมา แสดงดนตรีและวัฒนธรรม ส่งเสียงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ขณะเดียวกันได้ส่งหนังสือรัฐบาลเมียนมา กองทัพว้า และรัฐบาลจีน ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอให้คำนึงถึงผลกระทบจากสารพิษโลหะหนักที่อยู่ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง เรียกร้องให้ยุติกิจการเหมืองพิษที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สาเหตุที่ต้องส่งหนังสือถึงรัฐบาลจีนเนื่องจากมีความชัดเจนว่าผู้ประกอบการเหมืองแร่เป็นบุคคลที่ใช้ภาษาจีน และมีการขนส่งแร่กลับไปยังชายแดนจีนด้วย
ประเด็นสำคัญที่ล่อแหลมต่อการแก้ปัญหาคือพื้นที่ทำเหมืองบริเวณต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสายในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา อยู่ในเขตอิทธิพลของกองกำลังว้า (United Wa State Army-UWSA) ร่วมด้วยกองทัพของสภาบริหารแห่งรัฐพม่า (State Administrative Council-SAC) การลงทุนทำเหมืองแร่บริเวณดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากทั้งสองฝ่าย
อาจกล่าวได้ว่าเหมืองแร่หลายแห่งอยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่มีกฎหมายกำกับชัดเจน ไม่แน่ชัดว่าเป็นเหมืองแร่ชนิดใด บางเหมืองอาจถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นเหมืองเถื่อน
วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๘ เฟซบุ๊กเพจ Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความตอบคำถามผู้สื่อข่าวหลังมีรายงานจากสื่อบางสำนักระบุว่า ปริมาณโลหะหนักของแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำอื่น ๆ ในประเทศไทยสูงเกินมาตรฐาน อาจมีสาเหตุจากกิจกรรมทำเหมืองของบริษัทจีนในประเทศเมียนมา สถานทูตจีนมีความเห็นอย่างไร ?
โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนฯ ตอบว่า
“ฝ่ายจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเหตุการณ์การปนเปื้อนโลหะหนักในแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขงในประเทศไทย และเห็นว่ามีรายงานผลการตรวจสอบของรัฐบาลไทยและหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องซึ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ฝ่ายจีนสนับสนุนให้ไทยและเมียนมาเสริมสร้างการสื่อสารและการประสานงาน ดำเนินการสอบสวนด้านวิทยาศาสตร์และมีความรับผิดชอบ และแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจาอย่างเป็นมิตร
“ฝ่ายจีนได้กำหนดให้บริษัทจีนที่อยู่ในต่างประเทศปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศนั้น และดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายและกฎระเบียบโดยตลอด ยินดีที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศต่างๆ ในลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อร่วมกันปกป้องสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศและคุณภาพน้ำในลุ่มแม่น้ำโขง”


ผลกระทบหลัก ๆ จากปัญหาแม่น้ำกกปนเปื้อนสารโลหะหนักจากการทำเหมืองในรัฐฉานหลัก ๆ มี ๒ ด้าน ข้อแรก ผลกระทบต่อวิถีชีวิตซึ่งเป็นผลกระทบทางสังคม และข้อสอง ผลกระทบทางเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่
แม่น้ำที่ปนเปื้อนไม่ใช่แค่แม่น้ำกกสายเดียว ยังมีแม่น้ำรวก แม่น้ำสาย แม่น้ำโขง ที่สบกกเริ่มเห็นผลกระทบต่อคนหาปลา เกษตรกร ชาวบ้าน ปัญหากำลังขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
ประเด็นที่ผมติดตามในฐานะที่เป็นคณะกรรมการลุ่มน้ำโขงเหนือ รู้ข้อมูลว่าแม่น้ำกก แม่น้ำสายปนเปื้อนสารโลหะหนักตั้งแต่ที่มีการประชุมวันแรก ๆ แต่เขาไม่ยอมให้เปิดเผยต่อสาธารณะ เขาบอกให้ สคพ. (สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ) เป็นคนเปิดเผย
ตั้งแต่นั้นมาก็เกิดคำถาม ในฐานะที่ผมเป็นคนเชียงราย ทำงานวิชาการด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะมลพิษ ผมตั้งคำถามว่าแล้วอย่างนี้จะเดินต่อเรื่องปกป้องแม่น้ำยังไง ตอนนี้ผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจเริ่มเห็นชัด และที่ผมเป็นห่วงมากคือผลกระทบด้านสุขภาพ
ผลกระทบด้านสุขภาพจากสารโลหะหนักไม่ได้เกิดทันทีทันใด ปริมาณความเข้มข้นของการปนเปื้อนอาจยังไม่สูงพอทำให้คนที่สัมผัสได้รับผลกระทบทางสุขภาพหรือเจ็บป่วยทันที ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล ไม่ว่าเพศ อายุ ความต้านทานของร่างกายของผู้สัมผัสสารพิษแต่ละคน ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว คนได้รับสารหนูติดต่อเรื้อรังป่วยเป็นมะเร็ง แล้วป่วยด้วยอาการต่าง ๆ ตามมา อย่าลืมว่าสารพวกนี้เป็นสารก่อมะเร็ง สร้างปัญหาระยะยาว ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเรื้อรัง
ผมอยากพูดถึงมาตรการต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาระดับจังหวัด และในฐานะที่เป็นประชาชน ผมมองว่ามาตรการต่าง ๆ ของการทำงานนั้นแบ่งเป็น ๒ ระดับ ระดับจังหวัดเราต้องเห็นใจและชื่นชมข้าราชการประจำที่พยายามทำอย่างเต็มที่ ปัญหาคืออำนาจขอบเขตในการบริหารจัดการมันทำได้เฉพาะพื้นที่หรือส่วนภูมิภาค เราทำได้เฉพาะเก็บตัวอย่าง ส่งตรวจ วิเคราะห์ แจ้งผล การทำงานเชิงระบบยังไม่เกิด ระดับที่สองคือการทำงานในลักษณะบริหารจัดการมลพิษข้ามแดนของรัฐบาล ยังไม่มีความชัดเจน ยังไม่มีเจตนารมณ์ที่จะแก้ปัญหาอย่างชัดเจนเลย
โดยหลักการสากลของการแก้ปัญหามลพิษมีอยู่ ๓ วิธี หนึ่ง การจัดการที่แหล่งกำเนิด เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สอง การจัดการที่ทางผ่าน ในกรณีนี้แม่น้ำเป็นทางผ่าน เมื่อแหล่งกำเนิดปล่อยมลพิษออกมา ระบบของนิเวศของแม่น้ำได้รับผลกระทบ แล้วเราจะเฝ้าระวังและฟื้นฟูยังไง นี่คือการจัดการระหว่างทาง สาม การจัดการที่ปลายทาง ผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษแม่น้ำกกคือประชาชน


วันนี้เรายังไม่เห็นภาพกระบวนการทำงานตรงนี้อย่างชัดเจนของรัฐบาล เราจะเห็นการตั้งคณะกรรมการแล้วก็เปลี่ยนหัวอยู่นั่นเอง ไม่มีมาตรการออกมาอย่างชัดเจนว่าต้องดำเนินการยังไง สิ่งที่อยากเห็นคือเจตนารมณ์ในการแก้ปัญหาของรัฐบาลและผู้นำโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี
ที่ประกาศออกมาล่าสุดว่าแม่น้ำกกดีขึ้น ดีขึ้นยังไงในเมื่อตัวเลขสะท้อนให้เห็น ตรวจก็เจอค่าสูงเกินมาตรฐานเรื่อยไปถึงแม่น้ำโขง
หลายฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน เรียกร้องให้มีการเจรจาโดยมีจีนเป็นส่วนหนึ่งของวงโต๊ะเกี่ยวกับผลกระทบจากเหมืองแร่ในพื้นที่ของกองกำลังว้าในรัฐฉานที่ส่งสารพิษข้ามพรมแดนมาถึงจังหวัดเชียงรายของประเทศไทย ผมเป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ โดยเน้นย้ำตั้งแต่แรกว่า ต้องจัดการหยุดแหล่งกำเนิดมลพิษเป็นอันดับแรกก่อน ถึงจะมาจัดการฟื้นฟูระบบนิเวศแม่น้ำที่ปนเปื้อนให้กลับสู่สภาพเดิมได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะนั่นคือหลักการทางวิชาการและเป็นหลักสากลในการจัดการมลพิษที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
หมายเหตุ : ผศ.ดร.เสถียร ฉันทะ ลงพื้นที่ลุ่มน้ำกกร่วมกับคณะสื่อมวลชนวันที่ 4-5 มิถุนายน 2568
ขอขอบคุณ : มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ), International Rivers และสำนักข่าวชายขอบ