
“สัปดาห์ที่ผ่านๆ มา เราฟังจากวิทยากร เราเรียนจากเพื่อนจากครู แต่วันนี้เราจะได้เห็นของจริง สิ่งที่พวกเราจะต้องทำกันตลอดหลายวันนี้คือการ ‘เก็บ’ อยากให้ฟังจากคนในพื้นที่ และเปิดการรับรู้ผัสสะทุกอย่างของตัวเองนะ” ครูค่ายกล่าวเปิดห้องเรียนในห้องประชุมโรงเรียน ท่ามกลางป่าเขากว้างใหญ่
วันที่ 9 กรกฎาคม ค่ายสารคดี ครั้งที่ 20 The Other เสียงของความหลากหลาย พาน้องๆ ทั้ง 30 คนเดินย้ายห้องเรียนกันมาอยู่ที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พื้นที่สุดขอบประเทศฝั่งทิศตะวันตก ติดต่อกับประเทศเมียนมา โดดเด่นสะดุดตาด้วยสะพานมอญใหญ่กลางเมืองและผืนน้ำกว้างใหญ่ จากการก่อสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ที่หลบซ่อนเมืองเก่าไว้ใต้ผืนน้ำ ลึกเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรคือพื้นที่ต้นรากเหง้าของชาวกะเหรี่ยงในประเทศไทย
สังขละบุรีต้องรับชาวค่ายด้วยท้องฟ้าปลอดโปร่งสลับกับฝนโปรยเบาๆ พอให้คลายร้อน พร้อมด้วยผู้รู้ในพื้นที่มาพูดคุยเล่าข้อมูลเบื้องต้นของอำเภอสังขละบุรี เตรียมความพร้อมก่อนแยกย้ายกันไปทำตามตามหัวข้อที่แต่ละคนสนใจ
“ยินดีต้อนรับทุกคน อำเภอเรามีความหลากหลายทางชาติพันธุ์เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ มีทั้งกะเหรี่ยง มอญ พม่า ชาวไทยพุธ แล้วก็มีชาวไทยมุสลิมด้วย เราจะได้เห็นวิถีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ถ้าเราลองมองลึกเข้าไป เราจะเห็นวิถีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมล้วนงดงาม อยากให้ทุกท่านได้ศึกษาดูครับ ขอบคุณอีกครั้งที่เลือกสังขละบุรีเป็นพื้นที่เรียนรู้ของทุกคน” สุริยศักดิ์ เหมือนอ่วม นายอำเภอสังขละบุรีกล่าวต้อนรับชาวค่าย
นอกจากนายอำเภอ น้องๆ ยังได้ฟังประวัติความเป็นมาของชาวมอญในพื้นที่จากท่านพระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ได้รับการอวยพรเป็นภาษากะเหรี่ยงโดยคุณจะเด็จ วิฑูรย์ ผู้ใหญ่บ้านกองม่องทะ รวมถึงได้รับฟังข้อมูลเบื้องต้นของหมู่บ้านกะเหรี่ยงโดยคุณชัยศักดิ์ ภูมูล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกองม่องทะ
“คืนนี้ครูจะส่งพวกเธอไปเป็นลูกบ้านชาวบ้านที่นี่ เราไม่เป็นนักท่องเที่ยว ไม่ใช่ผู้ซื้อบริการ เรามาฟังเสียงเขา มาเรียนรู้ชีวิตเขา ชุมชนเปิดรับเราเป็นลูก คืออยู่ด้วยความเคารพ ให้เกียรติ รับฟัง อยากให้คิดว่างานสารคดีที่เราสร้างสรรค์ออกมาจะส่งผลอย่างไรกับสังคมบ้างเราไม่รู้ แต่ชาวบ้านจะได้ความเคารพและมิตรภาพจากพวกเราแน่นอน” ครูค่ายย้ำเตือนมารยาทในการอยู่ร่วมกันในพื้นที่
ตลอดเย็นวันนั้น ตัวแทนชุมชนพาน้องๆ เดินรอบหมู่บ้าน ซึมซับกลิ่นอายของการอยู่กับป่าเขา วิถีชีวิตอีกแบบที่พวกเราชาวเมืองอาจไม่คุ้นชินนัก ได้เงี่ยหูฟังเสียงเตหน่ากับบทเพลงเรียกคืน “ขวัญ” และชมการแสดงรำตง การร่ายรำเนิบช้าที่แฝงด้วยคำสอนที่ชาวกะเหรี่ยงส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นผ่านบทเพลง
แม้จะฟังภาษาไม่ออกก็ไม่เป็นไร เพราะเราสัมผัสความรู้สึกที่อยู่ในนั้นได้ นี่ก็คงเป็นอีกบทเรียนหนึ่งในค่ายครั้งนี้ เพื่อให้เราเข้าใจเสียงที่หลากหลายได้มากขึ้น และสื่อสารเรื่องราวของผู้คนที่หลากหลายได้มากกว่าเดิม




























สนับสนุนโดย
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
- มูลนิธิเล็กประไพวิริยะพันธุ์
- วิริยะประกันภัย
- กลุ่มธุรกิจ TCP
- Nikon
- TheDigital STM
- Hollyland Thailand
- Zhiyun Thailand
- Miliboo Thailand
- Sirui Thailand
- Sigma Thailand
- Srishti Digilife Thailand
กิจกรรมโดย
- Sarakadee Magazine