เต็มบาตร - จากบรรณาธิการ ฉบับที่ 485

เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน ผมเคยบวชอยู่ ๑๕ วัน

ตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง พระนวกะหรือพระบวชใหม่ต้องออกเดิน บิณฑบาตตามหลังพระรุ่นพี่ที่มีอาวุโสกว่า

ในแสงเงาสลัวที่มองพื้นไม่ค่อยชัดนัก เราย่างเท้าเปล่าสัมผัส พื้นปูนหยาบ ทางกรวดทางดินระหว่างถนนและพื้นที่สาธารณะ

ความกังวลมากที่สุดระหว่างเดินคือกลัวบาตรตก

เพราะถ้าตก เสียงคงดังกังวานกลางหมู่บ้านอันเงียบสงัด และจะต้องรู้สึกอับอายมาก

เทียบกับการที่พระใหม่วันสองวันแรกห่มจีวรหลุดก็พอให้อภัย เพราะยังไม่เชี่ยวชาญ แต่จะหนักหนากว่ามากถ้าบาตรร่วง เพราะน่าครหาว่าสติอยู่ที่ไหน ไม่นับความเชื่อเรื่องบาตรตกว่าจะเป็นลาง ร้าย

ยังดีที่มีผ้าหุ้มบาตรที่เรียกว่าถลกบาตร กับสายสะพายบาตร คล้องไหล่ แต่ก็เคยได้ยินว่าสายสะพายอาจหลุด ระหว่างเดินจึงรู้สึกว่ายังต้องระมัดระวังใส่ใจกับการประคองบาตรไว้ด้วย

เมื่อถึงหน้าบ้านที่ชาวบ้านมารอใส่บาตร แค่การใช้มือซ้ายอุ้มบาตรขึ้น แล้วยกมือขวาเปิดฝาบาตรให้อากัปกิริยาดูเรียบร้อย และสำรวม ก็รู้สึกปริวิตกอีกว่าจะทำฝาบาตรร่วง โดยเฉพาะในวันแรก ๆ ของการออกบิณฑบาต

ความปั่นป่วนยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อชาวบ้านหย่อนถุงกับข้าวกับปลา กล่องน้ำกล่องนมลงในบาตร จากบ้านนี้ไปบ้านโน้น จากซอยนี้ไปซอยโน้น น้ำหนักทวีมากขึ้นตามปริมาณของที่ได้รับจากศรัทธา แต่ละบ้าน ทำให้พระใหม่ยิ่งกังวลขึ้นไปอีก

ระหว่างอุ้มบาตรที่มีของเต็มบาตรกลับวัด จะก้าวเร็ว ๆ เหมือนตอนออกจากวัดก็ไม่ได้แล้ว

กลับต้องเดินช้า ๆ เพื่อประคองบาตรหนัก ๆ ฝ่าเท้าเปล่า ที่ย่ำลงพื้นก็ยิ่งสะท้อนกลับมาเป็นความเจ็บปวด

แต่พระใหม่ทุกคนก็เดินกลับถึงวัดปลอดภัย

ถึงเวลาฉันเช้า กับข้าวกับปลาที่ได้จากการบิณฑบาตของ พระทุกรูปจะนำมาวางรวมกันบนโต๊ะกลาง พระแต่ละรูปจะเดิน รอบโต๊ะ อุ้มบาตรด้วยมือซ้าย และใช้มือขวาตักอาหารใส่บาตรตนเอง เท่าที่จะฉันหมดและอิ่มพอดี ไม่ให้เหลือเศษอาหาร

การฉันอาหาร ข้าวกับอาหารคาวหวานหลากชนิดจะถูก ตักใส่บาตรรวมกัน

โดยส่วนตัว ผมใช้วิธีแบ่งพื้นที่ก้นบาตรเป็นมุม ๆ เพื่อวาง อาหารไม่ให้ผสมปนเปกันจนรสชาติกลายเป็นอะไรที่กินได้ยาก เพราะยังไม่สามารถละเรื่องรสชาติ ซึ่งสำหรับพระที่ถือวินัยเข้ม จริง ๆ ก็อาจคละอาหารทั้งหมดรวมกัน

การฉันอาหารในบาตร ถือเป็นการฝึกปฏิบัติให้ลด ละ กิเลส การหลงติดในรสชาติ

การออกเดินบิณฑบาตถือเป็นการฝึกสติและสร้างปฏิสัมพันธ์กับชุมชน ขณะที่ชาวบ้านก็ได้สะสมบุญจากการทำทาน

ทุกครั้งที่เปิดบาตรรับของ เกิดความรู้สึกขอบคุณ เกิดสำนึกว่าชีวิตของเราต้องพึ่งพาผู้อื่นสนับสนุนและหล่อเลี้ยงจึง สามารถดำรงอยู่ได้ และต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของพระใหม่ คือการศึกษาพระธรรม และครองสมณเพศให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย

ฉันเสร็จ พระต้องนำบาตรไปล้างและตากไว้สำหรับใช้ใหม่ ในวันรุ่งขึ้น

ระหว่างล้างบาตร ได้พิจารณารูปลักษณ์ของบาตร ก็ยิ่ง รู้สึกว่าเป็นวัตถุน่าทึ่ง

เพราะปริมาตรส่วนใหญ่ของบาตรคือความว่างเปล่า

และความว่างเปล่านั้นเองที่ก่อคุณประโยชน์

ขณะที่ในตัวพระผู้ล้างบาตรเองนั้นกลับไม่เคยว่างเปล่า

กิเลส โลภ หลง ยังคงเต็มบาตร

สุวัฒน์ อัศวโชยชาญ
บรรณาธิการบริหารนิตยสาร สารคดี